เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2414 : มาจากโถงเทพจันทรารึ ?
ตอนที่ 2414 : มาจากโถงเทพจันทรารึ ?
ภายในรอยแตกมิติ หอคอยอนัตตาได้หดขนาดลงเท่ากับกำปั้น มันเดินทางซิกแซ็กไปมาได้อย่ารวดเร็ว ไม่ว่าพลังงานที่นั่นจะแข็งแกร่งแค่ไหนหรือวังวนมิติจะน่ากลัวเพียงใดแต่หอคอยอนัตตาก็ไม่คิดจะหลบเลี่ยงพวกมันเลย มันพุ่งออกไปเป็นลำแสงสีทองผ่านทะลุออกไปได้หมด
มันเดินทางไปยังที่ซึ่งอันตรายกว่านี้
หอคอยอนัตตาสามารถเดินทางได้ราวกับกระทิงที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดในมิติที่ปั่นป่วนที่ซึ่งแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นก็ยังต้องระวังตัว ไม่มีอะไรที่หยุดมันได้เลย
กฎภายในรอยแตกมิตินั้นไม่สมบูรณ์ ธาตุทั้งห้านั้นพลิกผัน หยินและหยางปั่นป่วน การรับรู้เวลาไม่มีอยู่
เจี้ยนเฉินและไคยะเดินทางผ่านพื้นที่อันตรายหลายแห่งมาไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่การรับรู้ถึงอันตรายก็ยังคงอยู่ในใจของเจี้ยนเฉินอยู่ตลอด
มันทำให้เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าเขาไม่อาจจะสลัดอีกฝ่ายทิ้งได้ ระยะห่างระหว่างพวกเขามีแต่จะสั้นลงเรื่อย ๆ
“ออกจากที่นี่ ! “
เจี้ยนเฉินรู้ว่าเขาไม่อาจจะทำแบบนี้ต่อไปได้ เขาได้ตัดสินใจและออกจากหอคอยอนัตตาก่อนจะกวัดแกว่งกระบี่นวดาราวิถีสวรรค์ภายใต้ดวงดาวนับไม่ถ้วนอย่างแรงที่สุดเท่าที่ทำได้
ทันใดนั้นมิติตรงหน้าเขาก็บิดเบี้ยวอย่างรุนแรงก่อนจะเกิดรอยแตกขึ้นมา พลังงานอันแข็งแกร่งกระจายออกไปโดยรอบพร้อมกับปราณกระบี่
ตอนนั้นเองมิติที่ไม่มั่นคงได้รับผลจากพลังนี้และปั่นป่วนยิ่งกว่าเดิม พลังงานหลายส่วนกระจายไปโดยรอบและพุ่งอัดเข้าใส่เจี้ยนเฉิน พลังนี้เพียงพอทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นต้องกลัวจนตัวสั่นได้
แต่ร่างของเจี้ยนเฉินสั่นไหวแค่เพียงเล็กน้อย พลังงานนี้เหมือนจะไม่ได้เป็นอันตรายต่อเขาเลยแม้แต่น้อย ร่างบรรพกาลขั้น 14 ทำให้ร่างกายของเจี้ยนเฉินแข็งแกร่งในระดับที่คาดไม่ถึง แม้ว่าพลังงานนี้จะแข็งแกร่งอย่างมากและถึงกับทำให้พวกขั้นอสงไขยบาดเจ็บสาหัสได้แต่มันไม่ได้เป็นอันตรายต่อเจี้ยนเฉินเลยแม้แต่น้อย
เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจพลังงานที่พุ่งเข้าหาเขา เขาแค่จับหอคอยอนัตตาขนาดเท่ากับกำปั้นแล้วพุ่งออกไปจากรอยแตกนั้นโดยไม่ลังเลก่อนจะกลับเข้าไปในหอคอยอนัตตา
หลังจากนั้นเขาก็เอายานอวกาศออกมาอีกครั้งก่อนจะเข้าไปภายในยานแล้วเดินทางต่อ ไคยะออกมาจากหอคอยอนัตตาและยืนอยู่ภายในยานอวกาศกับเจี้ยนเฉิน แล้วคอยตรวจสอบผู้เชี่ยวชาญลึกลับที่ไล่ตามมา
“เขาจะไล่ตามเราทันในอีกไม่ช้า เขามีทักษะลับที่รับรู้ตำแหน่งของข้าได้ เราไม่อาจจะสลัดเขาหลุดได้ ที่เราทำได้ตอนนี้คือหาค่ายกลเคลื่อนย้ายให้เร็วที่สุดเพื่อเดินทางไปยังที่ราบรุ่งโรจน์” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนจะนำเอาแผนภูมิดาวออกมา เขามองหาค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ใกล้ที่สุดที่พาเขาไปยังที่ราบอื่นได้
แผนภูมิดาวแสดงที่ราบ 49 แห่งและดาวเคราะห์ 81 ดวงของโลกเซียนไว้อย่างชัดเจน บางเขตที่เป็นของสัตว์อสูรมิติที่แข็งแกร่งก็เขียนกำกับเอาไว้ด้วย แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์แต่มันก็เหมือนกับตะเกียงนำทางในยามมืดมิด มันมีประโยชน์อย่างมาก
“ที่ซึ่งใกล้กับเราที่สุดคือที่ราบประกายดาว มันอยู่ใกล้กว่าที่อื่นเล็กน้อย” เจี้ยนเฉินหาตำแหน่งของตัวเองตอนนี้ได้อย่างรวดเร็วและเปลี่ยนทิศทางทันที
ช่วงเวลาที่สงบสุขจบลงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เดินทางอย่างสงบสุขได้ 3 วัน ไคยะก็เตือนเขาอีกครั้ง เจี้ยนเฉินเองก็รับรู้ได้ถึงอันตราย เขารู้ว่าผู้เชี่ยวชาญลึกลับรู้ทิศทางของพวกเขาแล้ว
ตอนนั้นเขาได้ใช้วิธีเดิมอีกรอบ เขาหนีเข้าไปในรอยแตกมิติและเดินหน้าด้านในด้วยหอคอยอนัตตา
“เจี้ยนเฉิน นี่มันเหมือนหนอน เลื้อยหนีเก่งจริง ๆ ” ไม่นานผู้อาวุโสภูผามหานทีก็ปรากฏตัวในจุดที่เจี้ยนเฉินหายตัวไป เขามองไปที่มิติตรงหน้าพร้อมกับกัดฟันแน่น
เขาไม่เข้าใจว่าเจี้ยนเฉินรับรู้ถึงเขาได้ยังไงทั้ง ๆ ที่เขาปกปิดพลังของตัวเองเอาไว้และปกปิดร่องรอยของตัวเองโดยตลอด
“น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจจะล็อคเป้าเข้าด้วยการรับรู้วิญญาณได้ ไม่งั้นแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนีได้นานแบบนี้ด้วยความแข็งแกร่งที่เขามี” ผู้อาวุโสภูผามหานทีพูดขึ้นด้วยความแค้นใจ แม้ว่าเขาจะเป็นขั้นอัครสูงสุดและการรับรู้วิญญาณนั้นจะแข็งแกร่งอย่างมาก แต่เจี้ยนเฉินอยู่ห่างเขาเกินกว่าระยะการรับรู้วิญญาณของเขาอยู่ตลอด
ยิ่งกว่านั้นทักษะลับทั้งหมดที่สามารถใช้ในสถานการณ์แบบนี้ได้นั้นก็ไร้ค่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจี้ยนเฉิน ซึ่งบังคับให้ผู้อาวุโสภูผามหานทีต้องพึ่งทักษะติดตัว ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่อาจจะหาตำแหน่งของเจี้ยนเฉินได้
แต่เมื่อเขาไปถึงตำแหน่งที่เจี้ยนเฉินอยู่ด้วยทักษะติดตัวที่มี เจี้ยนเฉินก็หายไปที่อื่นแล้ว หากเขายังเดินทางตรงไปข้างหน้าเรื่อย ๆ เขาอาจจะห่างจากเจี้ยนเฉินมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
ผลก็คือเขาต้องทำการตรวจสอบตำแหน่งของเจี้ยนเฉินอยู่ตลอด
มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเขาที่เป็นอัครสูงสุดแต่กลับต้องมาทำแบบนี้เพื่อไล่ตามเจี้ยนเฉิน ในอวกาศรอบนอกที่ซึ่งเจี้ยนเฉินอยู่เพียงขั้นอสงไขย
จู่ ๆ รอยแยกมิติก็เปิดออกและผู้อาวุโสภูผามหานทีก็ตามเจี้ยนเฉินเข้าไปอีกครั้ง การไล่ล่าในสภาพแวดล้อมอันน่ากลัวในรอยแยกมิติยังคงดำเนินต่อไป
เจี้ยนเฉินรับรู้ตำแหน่งอีกฝ่ายได้ไม่นานหลังจากที่ผู้อาวุโสภูผามหานทีเข้ามาในรอยแยกมิติ แต่ตอนนั้นอันตรายที่เขารับรู้ได้กลับมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ครั้งนี้เขาใจเย็นยิ่งกว่าเดิม เขายังคงควบคุมหอคอยอนัตตาให้เดินหน้าไปอย่างใจเย็น
ตอนนั้นจู่ ๆ เจี้ยนเฉินก็หรี่ตาลง เขาพบศพศพหนึ่งลอยอยู่ด้านหน้า แม้ว่าศพนั้นจะไร้ชีวิตแต่มันยังแผ่แรงกดดันมหาศาลออกมา
ภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉิน หอคอยอนัตตาได้ไปหยุดอยู่ตรงหน้าศพนั่น เจี้ยนเฉินได้ดึงศพนั้นเข้ามาในหอคอยอนัตตาก่อนจะเดินทางต่อ
ศพที่เจี้ยนเฉินดึงเข้ามาถูกวางไว้ที่พื้น มันคือร่างของชายวัยกลางคนที่มี 4 ตา เขาเป็นคนของเผ่าที่แยกตัวออกไป มันมีรูขนาดเท่ากับนิ้วที่หว่างตาของเขาแทงทะลุหัวของเขาไป วิญญาณของเขาถูกทำลายไปแล้ว
“ผู้เชี่ยวชาญขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ! ” เจี้ยนเฉินตกตะลึงเมื่อได้ตรวจสอบศพนั่น เขาตัดสินระดับการบ่มเพาะของอีกฝ่ายได้ทันที อีกฝ่ายอยู่ระดับเดียวกับอี้เจี้ยนปิงจากยานอวกาศก่อนหน้านี้
สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งไปกว่านั้นคือชายคนนี้เหมือนจะถูกฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ยังโดนฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว คนที่ฆ่าเขาได้แข็งแกร่งเพียงใดกัน ? อีกฝ่ายอยู่ขั้นบรรพกาลงั้นหรือ ? หรือว่าขั้นอัครสูงสุดอนันต์ยิ่งใหญ่ ?
แต่เจี้ยนเฉินไม่ได้กังวลเรื่องนี้มากนัก เขามองไปที่นิ้วของศพและพบแหวนมิติที่อยู่บนนิ้วชี้อีกฝ่าย
แม้ว่าอีกฝ่ายจะตายไปแล้วแต่ไม่ได้ถูกชิงแหวนมิติไปด้วย
สายตาของเจี้ยนเฉินสั่นไหว เขาค่อย ๆ ถอดแหวนมิติจากมือของอีกฝ่ายและตรวจสอบของด้านในด้วยการรับรู้วิญญาณของเขา
ทันใดนั้นของมากมายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเจี้ยนเฉิน ชายที่ตายไปนี้ร่ำรวยอย่างมาก เขามียาขั้นเทพและสมบัติสวรรค์นับไม่ถ้วน เขาถึงกับมีเหรียญผลึกห้าสีถึง 3,000 เหรียญ
ตอนนั้นเจี้ยนเฉินหรี่ตาลง เขาพลิกฝ่ามือและดึงเอาเหรียญขนาดเท่ากับฝ่ามือออกมาจากแหวนมิติ
เหรียญนี้ส่องแสงสีขาวออกมาราวกับแสงจันทร์ มันมีรูปดวงจันทร์ประทับอยู่บนเหรียญนี่
สิ่งที่ทำให้เจี้ยนเฉินสนใจคือตัวหนังสือที่สลักไว้ที่ด้านหนึ่งของเหรียญ – โถงเทพจันทรา
“โถงเทพจันทรา ? ” เจี้ยนเฉินพึมพำออกมา จู่ ๆ ภาพของนางฟ้าเฮายู่ก็โผล่ขึ้นมาในหัวของเขา
นางฟ้าเฮายู่ได้ออกจากที่ราบเมฆาเมื่อหลายปีก่อน นางเดินทางไปที่ที่ราบน้ำแข็งขั้วโลกและตั้งแต่นั้นมาก็ยังไม่ได้รับข่าวคราวใด ๆ จากนางเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้นางจะทำอะไรอยู่
ตอนนั้นเจี้ยนเฉินก็รู้สึกสับสนขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังตัวหนังสือที่สลักไว้บนเหรียญ เขาพลิกเหรียญนั่นและมองไปดูด้านหลังของเหรียญ
ด้านหลังของเหรียญนั้นมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้เช่นกัน — หนานป้อเทียน
“หนานป้อเทียน ! ” เจี้ยนเฉินใจเต้นรัวเมื่อเห็นแบบนั้น ตาเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที
เขาเคยได้ยินจากนางฟ้าเฮายู่มาหลายครั้งแล้วว่าเขาเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง เขาเป็นคนต้องรับผิดชอบกับการที่วิญญาณของนางได้ไปที่ทวีปเทียนหยวน
เมื่อชื่อของหนานป้อเทียนได้ปรากฏที่ด้านหลังของเหรียญนี่ เจี้ยนเฉินก็เข้าใจว่ามันบ่งบอกถึงอะไร ตอนนี้ หนานป้อเทียนกำลังดูแลโถงเทพจันทราอยู่
“ชายคนนี้มาจากโถงเทพจันทราหรือ ? ใครกันที่ฆ่าเขา ? นางฟ้าเฮายู่ ? หรือว่าเป็นคนอื่น ? ” เจี้ยนเฉินมองไปที่ศพนั้นอีกครั้งและรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที