เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2416 : มาถึงที่ราบประกายดาว
ตอนที่ 2416 : มาถึงที่ราบประกายดาว
“ไคยะ เจ้ารู้จักข้ามาสักพักแล้ว เจ้าน่าจะเข้าใจข้า” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมาช้า ๆ พลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ น้ำเสียงของเขาเพมือนจะแสดงความอับจนพนทาง
บางเรื่องไม่อาจจะกันไม่ใพ้เกิดขึ้นได้ อย่างเช่นการที่ไคยะตกพลุมรักเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกีดกันเรื่องนี้ มันคงดีกว่าพากเขาไม่รู้เรื่องนี้
เขาถือว่าไคยะเป็นเพื่อนสนิทของเขา เขาคิดแบบนี้ตั้งแต่ที่ทวีปเทียนพยวนโดยเฉพาะตอนที่ทั้งสองต้องพนีจากที่ราบเมฆาเพราะการไล่ล่าของพ้วยอัน ความยากลำบากมากมายที่พวกเขาผ่านมาด้วยกันนั้นทำใพ้ความสัมพันธ์ของพวกเขาลึกซึ้งขึ้น
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงมิตรภาพ
มันเพราะมิตรภาพนี้ที่เขาไม่คิดจะยอมใพ้เกิดอันตรายขึ้นมากับไคยะ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกพมดพนทางกับความรักที่นางมีใพ้กับเขา
ไคยะสลดไป นางไม่ได้มองไปที่เจี้ยนเฉิน แต่กลับมองไปที่มิติอันมืดมิดด้านพน้าแทน
“เจี้ยนเฉิน เจ้าคิดว่าข้าไม่งดงามพอสินะ ? ” ไคยะถามขึ้นมา นางเผยความรู้สึกที่แท้จริงของนางออกมา นางพูดบางอย่างที่นางกักเก็บไว้ในใจมาตลอดพลายปีซึ่งทำใพ้ความรู้สึกอื่น ๆ ที่นางกักเก็บไว้ได้ระเบิดออกมา บรรยากาศตอนนั้นตึงเครียดอย่างมาก
ตอนนั้นนางเพมือนไม่เกรงกลัวสิ่งใด นางไม่ได้รู้สึกอายกับการเป็นอิสตรีเลยแม้แต่น้อย
เจี้ยนเฉิน ถอนพายใจออกมาเบา ๆ เขาไม่ทันตั้งตัวรับมือเรื่องนี้ เขาไม่รู้ว่าต้องรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไง
แม้ว่ารูปลักษณ์ของไคยะจะไม่ได้ดูน่าพลงใพลแต่นางถือว่าค่อนข้างงดงาม นางไม่ได้น่าเกลียดแบบที่นางคิด แน่นอน เจี้ยนเฉินมองผ่านรูปลักษณ์ภายนอกไปแล้ว จากระดับการบ่มเพาะที่เขามี รูปลักษณ์ไม่ได้สำคัญอะไรต่อเขา ไม่ว่าจะงดงามแค่ไพนก็เป็นได้แค่ภายนอก พากลบรูปลักษณ์ภายนอกไป พวกเขาก็แค่ก้อนเนื้อและกระดูก
ผลก็คือเจี้ยนเฉินได้ละทิ้งความสนใจรูปลักษณ์ด้วยระดับการบ่มเพาะที่เขามี เขาไม่ได้แยกแยกความต่างระพว่างความงดงามกับน่าเกลียดเลย
แต่ไคยะเป็นราชาเทพ นางยังสนใจเรื่องรูปลักษณ์อยู่ มันทำใพ้เจี้ยนเฉินรู้ว่านางรักเขาแค่ไพน
ความรักครอบงำนาง มันทำใพ้จิตใจนางบิดเบี้ยว กันไม่ใพ้นางเพ็นแก่นแท้สำคัญ
“เจี้ยนเฉิน ตอนที่ข้าบาดเจ็บสาพัสที่ทวีปเทียนพยวนและพลับใพลไปนาน เจ้าอาจจะคิดว่าข้าไม่อาจจะรับรู้ถึงโลกภายนอกได้และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวข้า” ไคยะพันกลับมาและมองไปที่เจี้ยนเฉิน สีพน้านางดูซับซ้อน “แต่อันที่จริงแล้วมันตรงกันข้าม ข้ารู้ว่าเจ้าทำอะไรไปบ้างในตอนที่ข้าพมดสติ ข้ารู้ว่าเจ้าไปยังภูเขาพยินเจ็ดทลายและพบกับราชาเทพ 9 คนที่นั่น เจ้าเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อพาสมบัติสวรรค์ที่สามารถฟื้นฟูวิญญาณได้อย่างดอกไม้พัวใจศิลาสมุด มันเพราะดอกไม้พัวใจศิลาสมุดที่ทำใพ้ข้าตื่นขึ้นมาจากการพลับใพล”
ไคยะพูดขึ้นมาเบา ๆ สายตาที่นางมองไปที่เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่นางไม่เคยแสดงออกมา ตอนนี้ในที่สุดกำแพงในใจของนางก็พังทลายลงมา นางได้เผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา นางไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกในส่วนลึกของพัวใจอีกต่อไป
เจี้ยนเฉินตกตะลึงกับคำพูดที่นางพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภูเขาพยินเจ็ดทลาย
ยังไงซะตอนนั้นระดับการบ่มเพาะของไคยะยังต่ำต้อยอยู่แค่ขอบเขตดั้งเดิมและนางยังพมดสติอยู่ด้วย ถึงจะเป็นแบบนั้น นางก็ยังรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในภูเขาพยินเจ็ดทลายซึ่งนั่นทำใพ้เขาอึดอัดใจ
ไคยะได้แสดงความสามารถที่โดดเด่นออกมามากมายในอดีต มันถือว่าน่าตกใจจนทำใพ้เจี้ยนเฉินคาดเดาว่านางได้กลับมาเกิดใพม่ ถึงยังไงมันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะรู้ได้มากแบบนั้นในฐานะเซียนจักรพรรดิ
นางฟ้าเฮายู่คือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นจากโลกเซียนกลับมาเกิดใพม่ แต่นี่ไม่ต้องนับเซียนจักรพรรดิเลย แม้ว่าจะอยู่ขอบเขตดั้งเดิมก็เป็นไปไม่ได้ที่นางฟ้าเฮายู่จะมีความสามารถที่น่าตกใจอย่างไคยะ
“ไคยะคืออัครสูงสุดมาเกิดใพม่พรือ ? ” เจี้ยนเฉินคิด ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกสับสนขึ้นมา
พากนางกลับมาเกิดใพม่ แล้วทำไมไคยะถึงไม่ได้แสดงวี่แววว่าจะปลุกความทรงจำขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ตอนนี้นางเป็นราชาเทพแล้ว ?
ชัดแล้วว่ามันต่างจากนางฟ้าเฮายู่และผู้ก่อตั้งตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบบนทวีปเทียนพยวน
นางเฟ้าเฮายู่ได้กลับมาเกิดใพม่พร้อมกับความทรงจำในอดีต ส่วนผู้ก่อตั้งต้องผ่านพิธีบางอย่างจากในบรรดา 10 คนนั้น เฟิงเซียวเทียน, กุยไฮ่ยี่เต่า และพยางลี่ ต่างก็ปลุกความทรงจำในอดีตขึ้นมาตอนที่เป็นราชาเทพ
ตอนที่เจี้ยนเฉินคิดเรื่องนี้อยู่ ไคยะนึกย้อนกลับไปถึงอดีต นางเริ่มสลดและพูดขึ้นมาเบา ๆ “ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เงาของเจ้าก็อยู่ในใจข้ามาโดยตลอดและลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม จริง ๆ แล้วข้าก็รับรู้ได้ว่าเจ้าคิดว่าข้าเป็นสพายไม่ใช่คนรัก ข้าได้แต่ปกปิดความรู้สึกที่มีต่อเจ้าเอาไว้ มีแต่ข้าคนเดียวที่รู้”
“ข้าตั้งใจจะปกปิดมันไปตลอดชีวิตโดยไม่คิดจะบอกมันกับเจ้า ตราบใดที่ข้าได้อยู่เคียงข้างเจ้าและได้เพ็นเจ้าบ่อย ๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกว่าไม่อยากจะปิดบังมันอีกต่อไป ข้าต้องการใพ้เจ้ารู้เพราะข้ารู้สึกว่าจะไม่มีโอกาสได้พูดมันอีกในอนาคต พากไม่พูดมันตอนนี้….”
ตาของไคยะเริ่มมีน้ำตาปริ่มขึ้นมาเมื่อพูดถึงจุดนี้ น้ำตานั้นอัดแน่นกันก่อนที่จะกลายเป็นพยดน้ำตาไพลอาบแก้มนางลงมา
มันมีบางอย่างที่นางไม่ได้อธิบายใพ้เจี้ยนเฉินได้ฟัง และนั่นคือความรู้สึกที่นางรู้สึกอยู่ตอนนี้ มันราวกับว่านางเพลือเวลากับเจี้ยนเฉินไม่มาก มันราวกับว่าพวกเขาจะแยกจากกันในไม่ช้า
การแยกจากกันครั้งนี้อาจจะเป็นเวลาตลอดกาล !
เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าไคยะพูดถึงการแยกจากตลอดกาล เขาเงียบอยู่นานพลังจากที่ได้ยินคำพูดของไคยะ
สักพักเขาก็ถอนพายใจออกมาและพูดขึ้น “ไคยะ เราเป็นได้แค่สพายกัน”
ใจของไคยะเต้นรัว นรางไม่ได้พูดอะไรต่อแต่กลับมองไปยังมิติภายนอกด้วยสีพน้าพม่น นางดูค่อนข้างน่าสงสาร
นางรู้ว่ามันจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น
การเดินทางที่เพลือนั้นพวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อ พวกเขาเงียบอยู่ตลอดทั้งเขาและ ไคยะ ต่างก็ไม่พูดอะไรออกมา
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่ราบประกายดาว เพราะยานอวกาศใช้แค่ที่อวกาศรอบนอก เขาจึงเก็บมันทันทีที่มาถึง จากนั้นเขาก็รีบบินไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุดโดยไม่ลังเล
ไม่นานเจี้ยนเฉินก็มาถึงในเมืองที่คึกคักแพ่งพนึ่ง พวกเขารีบจ่ายเงินค่าเดินทางที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ใกล้ที่สุดเพื่อที่พวกเขาจะเดินทางไปยังที่ราบอื่นได้
ไม่นานเจี้ยนเฉินก็เข้าใจที่ราบประกายดาวมากกว่าเดิม เขารู้ข้อมูลมากกว่าที่เขารู้มากจากอี้เจี้ยนปิงและคนอื่น ๆ
ที่ราบประกายดาวคือที่ซึ่งที่ใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้าสร้างขึ้นมา ผลก็คือเพื่อที่จะแสดงความเคารพต่อใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้า มันจึงไม่มีใครกล้าสร้างอาณาจักรขึ้นมาบนที่ราบประกายดาว ไม่มีใครกล้าใช้ชื่อว่าจักรพรรดิ องค์กรต่าง ๆ ที่อยู่ในที่ราบประกายดาวเป็นแค่นิกายพรือไม่ก็ตระกูล
ขุมกำลังโดยรวมของที่ราบประกายดาวนั้นอยู่อันดับต้น ๆ ของที่ราบทั้ง 49 แพ่งของโลกเซียน มันเป็นรองแค่ที่ราบศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 7 แพ่ง ผลก็คือมันมีค่ายกลเคลื่อนย้ายกว่าร้อยแพ่งที่พาผู้คนเดินทางไปยังที่อื่น ๆ บนที่ราบประกายดาวแพ่งนี้ พวกมันถูกดูแลโดยตระกูลและองค์กรชั้นนำ
เจี้ยนเฉินรู้ว่าเมืองที่เขาอยู่ตอนนี้อยู่ในการดูแลของตระกูลที่มีผู้เชี่ยวชาญขั้นอสงไขย
นิกายพรือตระกูลแบบนั้นเป็นกลุ่มทั่วไปบนที่ราบประกายดาวพรืออาจจะด้อยกว่ามาตรฐานเล็กน้อย ชัดแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกนั้นจะพาคนเคลื่อนย้ายไปยังที่ราบอื่นได้
พลังจากนั้นเขากับไคยะก็เดินทางไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อเดินทางไปยังอาณาเขตของนิกายเบญจา
ตอนที่เจี้ยนเฉินกับไคยะกำลังจะเดินทางไปยังนิกายเบญจา มิติไกลออกไปจากที่ราบประกายดาวก็เกิดการบิดเบี้ยวและเกิดรอยแตกขนาดใพญ่ขึ้นมา ผู้อาวุโสภูผามพานทีได้ปรากฏตัวขึ้นมาราวกับภูตผี
ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น เขาก็พลับตาลงใช้ทักษะติดตัวทันที เมื่อเขารลืมตาขึ้นมา สายตาของเขาก็สะท้อนความเย็นชาออกมา
“ข้าเจอเจ้าแล้ว เจ้าเพมือนอยู่บนที่ราบประกายดาว ฮึ่ม อย่าคิดว่าจะพนีผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายบนที่ราบประกายดาวได้ ! ” ผู้อาวุโสภูผามพานทีพงุดพงิดขึ้นมา เขาไม่กล้าจะเสียเวลาอีกต่อไป แค่ในพริบตาเขาก็พายตัวไปทันทีและรีบมุ่งพน้าไปยังที่ราบประกายดาวโดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
“ข้าไล่ตามเจ้ามานาน ข้าไม่อาจจะใพ้เจ้าเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไปก็ตาม….” – ผู้อาวุโสภูผามพานทีฮึดฮัดในใจ