เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2417 : นิกายเบญจา
ตอนที่ 2417 : นิกายเบญจา
เจี้ยนเฉินและไคยะยืนอยู่ภายในค่ายกลเคลื่อนย้ายในเมือง ค่ายกลเคลื่อนย้ายค่อย ๆ ทำงาน แสงสีขาวในค่ายกลค่อย ๆ ส่องแสงออกมา พวกกำลังจะถูกส่งไปยังนิกายเบญจา
แต่ตอนนั้นเองใจของเจี้ยนเฉินก็หายวูบ การรับรู้ได้ถึงอันตรายได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
“ เขาหาตำแหน่งเราเจอแล้ว ไม่นานเขาคงต้องมาถึงที่ราบประกายดาว เราต้องรีบแล้ว เราต้องถูกส่งไปก่อนที่เขาจะมาถึงที่ราบประกายดาว” เจี้ยนเฉินพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อพูดจบค่ายกลก็ได้ระเบิดแสงสีขาวออกมาก่อนที่พวกเขาจะหายตัวไปภายใต้พลังงานนั้น
นิกายเบญจาคือหนึ่งในองค์กรชั้นนำของที่ราบประกายดาว พวกนั้นแข็งแกร่งอยู่อันดับ 9 ของที่ราบประกายดาว
แม้ว่าจะอยู่แค่อันดับ 9 แต่ที่ราบประกายดาวนั้นเป็นรองแค่ที่ราบศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดแห่ง มันมีนิกายและตระกูลนับไม่ถ้วนและที่ราบแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ มันแสดงให้เห็นแล้วว่านิกายเบญจาแข็งแกร่งแค่ไหนถึงสามารถก้าวขึ้นมาระดับสูงในหมู่องค์กรมากมายแบบนี้ได้
บรรพชนของนิกายเบญจาคือเมฆจุดที่น่านับถือ เขาเป็นคนที่โด่งดังไปทั่วโลกเซียน
นี่เพราะเมฆจุดที่น่านับถือเข้าใจทั้งกฎเวลาและมิติ กฎทั้งสองนั้นส่งเสริมกันและกันจนสามารถปลดปล่อยพลังที่น่าทึ่งออกมาได้ มันทำให้ความแข็งแก่รงของเมฆจุดที่น่านับถือเพิ่มมากขึ้น จนเพียงพอที่จะถือว่าเขาไร้เทียมทานในระดับที่เขาอยู่ได้
นิกายเบญจามีค่ายกลเคลื่อนย้ายภายนอก 3 แห่ง หนึ่งในนั้นอยู่ที่นิกาย ค่ายกลซึ่งมีไว้สำหรับศิษย์โดดเฉพาะ ส่วนอีก 2 แห่งนั้นอยู่ที่เมืองขนาดใหญ่ 2 เมืองที่นิกายเบญจาดูแลอยู่
เมืองแสงเพลิงคือหนึ่งในเมืองใหญ่สองเมืองที่นิกายเบญจาดูแลอยู่
ลานใจกลางเมืองนั้นดูวุ่นวาย ผู้บ่มเพาะเดินเข้าออกไปมาและมีค่ายกลเคลื่อนย้ายหลายสิบอันที่ส่องแสงส่งผู้คนออกไปยังเขตอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง
ตอนนั้นค่ายกลเคลื่อนย้ายอันหนึ่งได้ส่องแสงออกมาพร้อมกับเจี้ยนเฉินและไคยะได้ปรากฏตัวขึ้นในเมืองนั้น ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้เงียบผิดปกติ มันเหมือนไม่ได้ใช้งานมานานกว่าสิบวันรึอาจจะนานกว่านั้นซึ่งตัดกันกับค่ายกลเคลื่อนย้ายหลายสิบอันที่นั่น
คนดูแลค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นเป็นชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบของนิกายเบญจา เขาอยู่ขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 1
ค่ายกลเคลื่อนย้ายภายนอกนั้นคือสมบัติขององค์กรที่ไม่อาจจะมองข้ามได้ ผลก็คือไม่ใช่แค่มีค่ายกลปกป้องครอบคลุมค่ายกลเคลื่อนย้ายทุกอันเอาไว้ แต่คนที่ดูแลก็ยังอยู่ถึงขอบเขตตั้งต้นด้วย
เจี้ยนเฉินแผ่พลังออกมาเล็กน้อยและปลอมตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 3 เขาได้ทำการเจรจากับคนที่คอยดูแลค่ายกลเคลื่อนย้ายทันที
“ข้าต้องการไปยังที่ราบรุ่งโรจน์”
“ที่ราบรุ่งโรจน์ไกลจากที่ราบประกายดาวอย่างมาก ข้าไม่อาจจะส่งเจ้าไปถึงที่นั่นโดยตรงได้ ข้าส่งเจ้าไปถึงได้แค่ที่ราบโลหิต” ผู้เชี่ยวชาญขั้นอสงไขยตอบกลับ
“งั้นข้าจะไปที่ที่ราบโลหิต” เจี้ยนเฉินตอบกลับอย่างใจเย็นแต่ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
อันตรายที่เขารับรู้ได้นั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เชี่ยวชาญลึกลับที่ไล่ตามเขามานั้นเข้าใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ เขาต้องรีบออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
คนของนิกายเบญจามองไปที่เจี้ยนเฉินและไคยะ เขาได้พูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยเมย “เหรียญผลึกห้าสี 55 เหรียญต่อคนเพื่อไปยังที่ราบโลหิต สองคนก็ 100 เหรียญ ยิ่งกว่านั้นพวกเจ้าห้ามเอาสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในสมบัติมิติไปด้วย ไม่งั้นแล้วค่ายกลจะตรวจจับได้ “
เจี้ยนเฉินพยักหน้า เหรียญผลึกห้าสี 50 เหรียญต่อคนถือว่าเป็นราคาที่พอเหมาะ มันถูกกว่าตอนที่เขาออกมาจากที่ราบรกร้าง
เขาได้ส่งเหรียญผลึกให้กับอีกฝ่ายและเดินผ่านค่ายกลตรวจสอบไปพร้อมกับไคยะ ก่อนจะเข้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้าย
แม้ว่าเขาจะมีสมบัติมิติกับตัวโดยที่เฮยหยาและ ฉิงยี่หยวนอยู่ด้านใน แต่พวกนั้นก็อยู่ในหอคอยอนัตตา เพราะแบบนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ค่ายกลจะตรวจจับได้เมื่อคิดจากคุณภาพของหอคอยอนัตตา
ในเวลาเดียวกันผู้อาวุโสภูผามหานทีก็มุ่งหน้าที่ที่ราบประกายดาวด้วยความเร็วอันน่ากลัว พื้นดินของที่นั่นเริ่มชัดเจนขึ้นมาในสายตาของเขา
เขาเร็วกว่าเจี้ยนเฉินเป็นร้อยเท่า
ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ เขายิ่งรับรู้ถึงเจี้ยนเฉินได้แม่นยำมากขึ้นเท่านั้น
“เจี้ยนเฉินอยู่ในเขตของนิกายเบญจา นิกายเบญจามีค่ายกล 3 แห่งที่ส่งคนไปยังที่ราบอื่นได้ ตอนนี้เขาอยู่ที่..” ผู้อาวุโสภูผามหานทีรีบใช้ทักษะของตัวเองอีกครั้ง จู่ ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและร้องออกมา “หือ เขาเหมือนจะอยู่ในที่เมืองแสงเพลิง เมืองนี้คือหนึ่งในเมืองที่มีค่ายกลพวกนั้น”
สีหน้าของผู้อาวุโสภูผามหานทีบิดเบี้ยวไป มันต้องใช้เวลากว่าที่เขาจะไปถึงที่ราบประกายดาวได้ หากเจี้ยนเฉิน อยู่ใกล้ค่ายกลเคลื่อนย้ายในตอนนี้ เจี้ยนเฉินอาจจะไปก่อนที่เขาจะเข้าไปถึงที่ราบประกายดาว
หากเจี้ยนเฉินหนีออกจากที่ราบประกายดาวไปจริง ๆ มันอาจจะไม่มีหวังที่เขาจะตามเจี้ยนเฉินได้ทันและแย่งหอคอยอนัตตาจากเจี้ยนเฉินมา
นี่เพราะเขาเดาได้ว่าเจี้ยนเฉินคงทำการเคลื่อนย้ายอย่างต่อเนื่องและไปถึงที่ราบรุ่งโรจน์ก่อนเขา มันคงยากที่เขาจะหยุดเจี้ยนเฉินได้
“ข้าต้องหยุดเขาไว้” ผู้อาวุโสภูผามหานทีกัดฟันแน่น สายตาของเขาสั่นไหวพร้อมกับคิด “ข้าเคยผูกมิตรกับเมฆจุดที่น่านับถือของนิกายเบญจาเอาไว้ ดูเหมือนว่าข้าแค่ต้องส่งข้อความหาเขา” เมื่อคิดแบบนั้นผู้อาวุโสภูผามหานทีก็ได้เอาเครื่องรางหยกออกมาเพื่อส่งข้อความ
ชายแก่ในชุดขาวนั่งอยู่ในอากาศท่ามกลางเทือกเขาที่รายล้อมไปด้วยหมอกขาวภายในเขตหวงห้ามของนิกายเบญจา เขาไม่ได้แผ่พลังออกมาเลยแม้แต่น้อยซึ่งทำให้เขาดูเหมือนกับเป็นคนธรรมดา
แต่มิติรอบตัวเขาเหมือนกับเต้นได้ราวกับหัวใจ มันสั่นไหวเป็นจังหวะ เมื่อมิติสั่นไหว เวลาเหมือนจะได้รับผลกระทบไปด้วยบังคับให้เกิดเหตุการณ์ผิดธรรมชาติขึ้นมา มันทำให้เวลาช้าและเร็วขึ้น เวลาถึงกับย้อนกลับได้
กฎมิติและกฎของเวลาถูกใช้ออกมาโดยคน ๆ เดียว ชายแก่คนนี้คือตัวตนระดับสูงสุดของนิกายเบญจา เมฆจุดที่น่านับถือ !
ตอนนั้นเครื่องรางหยกได้ปรากฏขึ้นมาในมือ เมฆจุดที่น่านับถือ เขามองไปที่เครื่องรางและพึมพำออกมา – “ จากผู้อาวุโสภูผามหานทีแห่งนิกายวารีทมิฬแห่งที่ราบวารี ทำไมเขาถึงเรียกข้าหา ? ”
การรับรู้วิญญาณของเมฆจุดที่น่านับถือได้เข้าไปในเครื่องรางทันที เขาได้รับข้อความจากผู้อาวุโสภูผามหานทีทันที
“เมฆจุดที่น่านับถือ ผนึกค่ายกลเคลื่อนย้ายภายนอกทั้งสามแห่งในนิกายเบญจาของเจ้าไว้ ข้ากำลังจะเข้าไปถึงที่ราบประกายดาว ข้าจะให้น้ำนรกกับเจ้า 2 หยดเป็นการแลกเปลี่ยน” เสียงของผู้อาวุโสภูผามหานทีดังขึ้นมา
“น้ำนรก 2 หยด ! ” เมฆจุดที่น่านับถือ ตะโกนออกมาด้วยตาที่เป็นประกาย
น้ำนรกคือของพิเศษของที่ราบวารี มันมาจากน้ำพุนรกไม่กี่แห่งบนที่ราบวารี มันคือน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่กลั่นกรองวิญญาณและกำจัดสิ่งปนเปื้อนได้ แม้แต่อัครสูงสุดก็ยังได้ประโยชน์จากมันอย่างมาก ซึ่งทำให้พวกมันมีค่าอย่างมาก
น้ำนรกแค่หยดเดียวก็ต้องใช้เวลากว่าล้านปีกว่าจะอัดแน่นขึ้นมาได้ พวกมันล้ำค่าอย่างมากจนถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าในโลกเซียน
แต่ผู้อาวุโสภูผามหานทีกลับยื่นข้อเสนอเป็นน้ำนรก 2 หยดนี้โดยแลกกับการที่นิกายเบญจาต้องปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายภายนอกเอาไว้ มันทำให้เมฆจุดที่น่านับถือเชื่อว่าอีกฝ่ายเสียสติไปแล้ว
“ได้ น้ำนรก 2 หยด เจ้ารับปากแล้วนะ” เมฆจุดที่น่านับถือ ตกลงโดยไม่คิดอะไรมากราวกับว่ากลัวงอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
เจี้ยนเฉินและไคยะยืนอยู่ใจกลางค่ายกลเคลื่อนย้ายภายในเมืองแสงเพลิง ตอนนี้มันทำงานแล้วและเกิดแสงสีขาวปะทุขึ้นมาห่อหุ้มตัวเจี้ยนเฉินและไคยะเอาไว้
ค่ายกลกำลังทำงาน อีกไม่นานเจี้ยนเฉินและไคยะก็จะถูกส่งไปยังที่ราบโลหิต
แต่ตอนนั้นเองผู้เชี่ยวชาญขั้นอสงไขยที่ดูแลค่ายกลอยู่กลับตัวสั่น พร้อมกับการรับรู้วิญญาณที่แผ่ออกมา การมาถึงของการรับรู้วิญญาณนั้นทำให้ผู้ดูแลแสดงท่าทีเคารพออกมา
แค่ 5 วินาที ชายวัยกลางคนก็แสดงสายตาที่เป็นประกายออกมา เขามองไปที่เจี้ยนเฉินและไคยะที่ยืนอยู่ใจกลางค่ายกล เขาได้สร้างผนึกด้วยมือทั้งสองข้างส่งพลังเข้าไปในค่ายกลทันที
ทันใดนั้นค่ายกลเคลื่อนย้ายก็หยุดรวบรวมพลังงาน แสงที่ส่องประกายจนเกือบจะทำงานนั้นหม่นลงกลับไปเป็นปกติเพราะพลังงานที่ถูกตัดขาดออกไป การเคลื่อนย้ายได้ถูกหยุดไว้ทันที