เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2420 : ตัดสัมพันธ์
ตอนที่ 2420 : ตัดสัมพันธ์
ทันใดนั้นม่านพลังซ่อนเร้นสวรรค์ของสายน้ำไหลก็พังลงไป
“ไคยะ ออกจากที่นี่ด้วยหอคอยอนัตตา ! ” เจี้ยนเฉินรีบลงมือทันที เขาใช้กระบี่นวดาราวิถีสวรรค์ตัดผ่านมิติและยัดหอคอยอนัตตาขนาดเท่ากับกำมือใส่มือของไคยะ ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้ยันต์เคลื่อนย้ายจักรวาลที่ได้มาจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นของโถงเทพจันทราโดยไม่ลังเลและแปะยันต์ใส่ตัวไคยะ ก่อนจะผลักนางเข้าไปในรอยแตกมิติ
ความคิดของเขาเรียบง่าย เขาต้องการให้ไคยะเข้าไปในหอคอยอนัตตาและค่อยใช้ยันต์เคลื่อนย้ายจักรวาลในรอยแตกมิติเพื่อที่นางจะได้ถูกส่งไปที่อื่น
ไคยะคงไม่ได้เผชิญหน้ากับอันตรายเมื่อเข้าไปในรอยมิติหากนางมีหอคอยอนัตตา
เขาจะอยู่ด้านหลังเพื่อคอยคุ้มกันให้กับนางด้วยหลอมรวมกระบี่แฝดเพื่อรับมือกับผู้อาวุโสภูผามหานทีหรือฆ่าเขา
ตราบใดที่ผู้อาวุโสภูผามหานทียังมีชีวิตอยู่ ไคยะก็จะต้องถูกพบตัวอีกครั้งแม้ว่านางจะหนีไปด้วยหอคอยอนัตตาก็ตาม
แต่ตอนนั้น ไคยะ กลับฝืนฝ่าออกมาจากรอยแตกมิติ นางยิ้มออกมาและพูดขึ้นมาช้าๆ – “ เจี้ยนเฉิน หากเจ้าต้องการจะไปก็จงไปซะ ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดถึงข้าบ่อย ๆ และไม่ลืมข้าเมื่อข้าตายไป” ไคยะ พูดขึ้นก่อนจะจูบไปที่แก้มของเจี้ยนเฉิน
“ฮึ่ม พวกเจ้ากำลังตายแต่ยังมีอารมณ์มาพลอดรักกันอีกรึ ? เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีโอกาสหนีไปได้รึ ? ” ผู้อาวุโสภูผามหานทีฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา พลังอันน่ากลัวของเขาได้บดขยี้มิติที่นั่นทิ้งทำให้รอยแตกนั้นลดขนาดลง เจี้ยนเฉินรู้สึกได้ว่าเขาไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้
แต่ไคยะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ นางสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างใจต้องการในมิติแช่แข็งแห่งนี้ นางใช้กฎแห่งการสร้างสรรค์, การทำลายและไฟพร้อมกันเพื่อปัดเจี้ยนเฉินที่ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ให้กระเด็นเข้าไปในรอยแตกมิติ
“ไคยะ ! ” สีหน้าของ เจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปทันที เขาได้ตะโกนออกมา
ไคยะมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยรอยยิ้ม นางเหมือนจะสบายใจโดยไม่มีท่าทีจะกลัวความตายที่ใกล้เข้ามาเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นนางก็มองไปที่ผู้อาวุโสภูผามหานทีด้วยท่าทีเฉยเมย
ทันใดนั้นแสงสีฟ้าก็ห่อหุ้มตัวไคยะเอาไว้ แสงสีฟ้านี้อัดแน่นขึ้นมาจากวิถีของผู้อาวุโสภูผามหานที มันคือพลังแห่งกฎที่มีความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อ ร่างของไคยะเริ่มสลายไปด้วยความเร็วที่เห็นด้วยตาเปล่าจนสุดท้ายไม่เหลืออะไรทิ้งไว้
“ไม่ ไคยะ ! ” เจี้ยนเฉิน ตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิด ตาของเขาแดงก่ำ เขาต้องการจะพุ่งออกมาจากที่นั่น
เขาได้แต่มองดูไคยะตายโดยไม่อาจจะทำอะไรได้ ความแค้นและความเศร้าที่เขาได้รับเพียงพอทำให้เขาจบชีวิตตัวเองได้
แต่ตอนนั้นเองยันต์เคลื่อนย้ายจักรวาลก็ได้ทำงาน พลังของยันต์ปะทุออกมาก่อนที่เขาจะหายตัวไป จากนั้นรอยแตกมิติก็ถูกปิดลงอีกรอบ
“เจ้าคิดจะหนีทั้ง ๆ ที่ตกอยู่ในกำมือข้าแล้วรึ” ผู้อาวุโสภูผามหานทีหงุดหงิดขึ้นมา เขาต้อนเจี้ยนเฉินจนมุมได้หลังจากที่ทำการไล่ล่าที่อวกาศรอบนอกมานานและใช้ความพยายามไปอย่างมาก เขาจะปล่อยให้เจี้ยนเฉินหนีไปต่อหน้าได้ยังไง ?
ผู้อาวุโสภูผามหานทีชี้นิ้วออกมา พลังของกฎถูกใช้ออกมาก่อนจะเกิดคลื่นพลังงานอันน่ากลัวแผ่ไปทั่วมิติ เขากำลังจะไล่ตามเจี้ยนเฉิน
เขาบอกได้ทันทีว่ายันต์ส่งตัวจักรวาลที่เจี้ยนเฉินใช้นั้นไม่ได้คุณภาพสูงนัก แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะถูกเคลื่อนย้ายออกไป แต่ก็คงหนีไปได้ไม่ไกล
ร่างของไคยะสลายไปอย่างรวดเร็ว นางกลายเป็นฝุ่นจากากรโจมตีของผู้อาวุโสภูผามหานที ก่อนจะสลายตัวเข้ากับสิ่งรอบข้าง
ตอนแรกเกิดขึ้นที่ขาของนางก่อนแล้วลามขึ้นมาถึงเอว จากนั้นก็ร่างกายส่วนบนของนางเป็นส่วนสุดท้าย ในพริบตาร่างของไคยะก็หายไปเหลือเพียงแค่หัวของนาง
หัวของนางก็สลายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ในสายตาของนางไม่ได้มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย มันมีเพียงแค่ความเศร้าและกระอักกระอ่วนใจเท่านั้น
นางรู้ว่านางกำลังจะตาย นางไม่ได้กลัวตายเพราะนางควรจะตายไปแล้วที่โลกด้านล่าง นางตื่นขึ้นได้เพราะเจี้ยนเฉิน ความเศร้าและกระอักกระอ่วนนี้มาจากความจริงที่นางเข้าใจว่านางไม่อาจจะอยู่กับเจี้ยนเฉินได้อีก นางไม่อาจจะสู้เคียงข้างกับเขาอีกต่อไปได้
ตอนนั้นสีหน้าของไคยะก็แน่นิ่งไป ประกายในตาของนางหายไปราวกับว่านางได้ลืมความเจ็บปวด, ความกังวลและความรู้สึกที่มี
ต่อมานางกลับแสดงสายตาเย็นชาออกมามองไปที่ผู้อาวุโสภูผามหานที
ภายใต้สายตาเย็นชานี้ ผู้อาวุโสภูผามหานทีที่ได้ฉีกมิติออกกำลังจะไล่ตามเจี้ยนเฉินเข้าไป แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา
ผู้อาวุโสภูผามหานทีหันไปมองที่หัวของไคยะ และสายตาของเขากลับจ้องไปที่ตาของนาง
ผู้อาวุโสภูผามหานทีตัวสั่นขึ้นมาทันทีที่สบตากับนาง สายตานี้เหมือนกับมีพลังของสวรรค์และความแข็งแกร่งที่ไร้ขีดจำกัด แค่มองก็ทำให้วิญญาณของเขาสั่นกลัวได้ ร่างกายของเขาเย็นขึ้นมา เลือดหยุดไหลและถึงกับทำให้เขาขนลุก
สายตานี่มันอะไรกัน ? พวกมันเย็นชา, ไร้อารมร์ราวกับสายตาของสวรรค์ สายตานี้มองสิ่งมีชีวิตทุกอย่างไม่ต่างอะไรจากมดปลวก แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างผู้อาวุโสภูผามหานทีก็ไม่อาจจะต้านทานได้ ความกลัวที่ไม่อาจจะอธิบายได้แผ่ไปทั่วสมองของเขา
แม้ว่าเขาจะเป็นขั้นอัครสูงสุดแต่ก็ไม่อาจจะต้านทานมันได้
โชคดีที่สายตานี้คงอยู่แค่เสี้ยววินาทีก่อนที่หัวของไคยะจะสลายไปหมด มันไม่มีอะไรเหลืออยู่เลยรวมไปถึงวิญญาณของนาง สายตาที่น่ากลัวเองก็หายไปพร้อมกันด้วย
ผู้อาวุโสภูผามหานทีตัวแข็งทื่อ เขาไม่ได้ขยับหรือไล่ตามเจี้ยนเฉิน เพราะเขาไม่อาจลืมสายตาอันน่ากลัวที่เขาเพิ่งเห็นได้
แม้ว่ามันจะเป็นเวลาแค่เสี้ยววินาทีแต่เสี้ยววินาทีนี้ก็ทำให้เกิดเงาหลอกหลอนในใจของผู้อาวุโสภูผามหานที เขาไม่อาจจะฟื้นฟูตัวเองจากความกลัวในใจได้แม้กระทั่งตอนนี้
แต่สิ่งที่ผู้อาวุโสภูผามหานทีไม่อาจจะรู้ได้คือ เมื่อไคยะตายไปนั้น แสงวิญญาณที่ไม่อาจจะมีใครรับรู้ได้กลับเหลืออยู่ แสงนี้ปกปิดตัวเองอย่างดีและแม้แต่ผู้อาวุโสภูผามหานทีก็ไม่อาจจะรับรู้ถึงมันได้เลยแม้แต่น้อย
ในพริบตาแสงนี้ก็หายไป มันพุ่งผ่านดวงดาวไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ มันตัดผ่านที่ราบแห่งหนึ่งหรือหลายแห่งด้วยความเร็วที่แม้แต่ขั้นอัครสูงสุดยังต้องตะลึง
แค่ไม่กี่วินาทีแสงนี้ก็เดินทางตัดผ่านโลกเซียนได้กว่าครึ่ง มันผ่านที่ราบมาหลายสิบแห่งและเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง
มีร่างหนึ่งยืนอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้น ตัวเขาดูพร่ามัวด้วยแสงแห่งวิถีที่ปกปิดเอาไว้ เขาเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของโลก
แสงนี้มาถึงตรงหน้าร่างนั่น ในพริบตามันก็ได้หายเข้าไปในหน้าผากของร่างนั่น
ร่างนั้นตัวสั่นไหวเล็กน้อย เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเผยให้เห็นสายตาที่ไร้อารมณ์
แต่ไม่นานกลับมีคลื่นขึ้นมาในตาของเขา ตาเขาเหมือนกับมีสีสันขึ้นราวกับว่าฉากมากมายได้ผ่านเข้ามาในสายตาของเขา มันราวกับหินที่ถูกโยนลงไปในบึง มันไม่อาจจะสงบได้ดังเดิม
แต่นี่คงอยู่แค่เวลาไม่นาน เขาหลับตาลงและลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่สายตาจะกลับไปเย็นชาอีกรอบ
“สัมพันธ์…กับเจ้า…จบลงตรงนี้..” เขาพึมพำกับตัวเอง เสียงนี้ไร้อารมณ์และเป็นไปไม่ได้ที่จะบ่งบอกเพศ หลังจากนั้นมือขาวนวลราวกับหยกก็ยื่นออกมาจากแสงเข้าไปในมิติตรงหน้าเขา
มิติที่ตรงหน้ามือนั้นราวกับบึงน้ำใสที่ทำให้มือนั้นจมลงไปได้อย่างง่ายดาย