เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2424 : ความจริงเปิดเผย
ตอนที่ 2424 : ความจริงเปิดเผย
“คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกำลังจะมา เขาได้ฆ่าไคยะไป ข้าคิดจะเสี่ยงชีวิตสู้กับเขาเพื่อแก้แค้นให้กับไคยะ เขาเป็นขั้นอัครสูงสุด เจ้าไม่อาจจะช่วยข้าได้” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมาช้า ๆ น้ำเสียงของเขตาดูใจเย็น แต่เขาไม่อาจจะปกปิดแรงอาฆาตที่มีได้
“อะไรกัน ! อะ อัครสูงสุด..” ซวนหมิงที่แต่เดิมต้องการจะแบ่งเบาภาระให้กับเจี้ยนเฉินถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“ซวนหมิง ผู้คนควรอยู่ในหอคอยธาตุแสงของโถงเซียนธาตุแสงได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องหมอกแล้ว เจ้าควรจะกลับไปยังโถงเซียนธาตุแสงให้เร็วที่สุด” เจี้ยนเฉินพูดต่อ
ซวนหมิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมสติ ศัตรูของเจี้ยนเฉินเป็นยอดฝีมือระดับสูงที่จัดการเขาได้อย่างง่ายดาย
เขาต้องการจะยื่นมือเข้าไปช่วยแต่เขาก็พบว่าเขาไม่อาจจะช่วยอะไรได้เลยกับระดับที่ตัวเองอยู่ตอนนี้ สุดท้าย ซวนหมิงก็ป้องมือให้กับเจี้ยนเฉิน ก่อนที่จะจากไปเพื่อกลับไปยังโถงเซียนธาตุแสง
เขารู้ว่าเขาคงไร้ประโยชน์หากต้องอยู่ต่อ เมื่ออัครสูงสุดมาถึง เขาก็คงต้องเผชิญหน้ากับความตายเช่นกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจี้ยนเฉินไม่ได้ลึกซึ้ง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะตายเพื่อเรื่องของเจี้ยนเฉิน
หลังจากที่ซวนหมิงจากไปแล้ว มันก็มีอีกร่างออกมาจากหอคอยอนัตตา เจี้ยนเฉินได้ให้ฉิงยี่หยวนที่บ่มเพาะอยู่ด้านในออกมาด้วย
ฉิงยี่หยวนกำลังใช้แกนสีทองของกฎในการบ่มเพาะบนแท่นหยกชะตา ทันทีที่นางออกมาจากหอคอยอนัตตา นางจึงได้ถูกดึงออกมาจากแท่นหยกชะตาด้วย ระดับการทำความเข้าใจของนางลดฮวบลงทันที
บางทีนางรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัว ตาของนางกระตุกก่อนที่นางจะลืมตาขึ้นมาช้า ๆ
ตอนที่นางลืมตาขึ้นก็เผยให้เห็นปราณกระบี่ที่อัดแน่นขึ้นมาราวกับสายฟ้า สายตาของนางเสียดแทงแต่มันก็ยังดูมีเสน่ห์แปลก ๆ ที่เพียงพอทำให้วิญญาณของผู้คนหลงใหลได้
ตลอดหลายปีมานี้ ฉิงยี่หยวนได้บ่มเพาะอยู่บนแท่นหยกชะตาเพิ่มระดับการทำความเข้าใจกฎแห่งกระบี่ผ่านแกนสีทองของกฎที่นางได้มาจากเซียนกระบี่หยุนฉี ผลก็คือระดับการบ่มเพาะของนางเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และนางก็ไม่พบกับคอขวดแต่อย่างใด
ตอนนี้นางขึ้นไปเป็นราชาเทพช่วงกลางส่วนสูงสุดแล้ว มันห่างจากราชาเทพช่วงปลายแค่เพียงเล็กน้อย
ตอนนั้นฉิงยี่หยวนก็เห็นเจี้ยนเฉินที่นั่งอยู่ที่พื้น ตอนนั้นเพราะการที่เขาถอดการปลอมแปลงทุกอย่างออก จึงทำให้นางจำเขาได้ทันทีที่เห็น สายตาของนางหรี่ลงทันที
“เจี้ยนเฉิน ทะ ทะ ทำไมเจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่ ? ” ฉิงยี่หยวนตะลึง นางมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทีตะลึง
ตอนที่นางอยู่บนดาวเคราะห์เทียนหมิง ครั้งแรกที่นางรู้เรื่องเกี่ยวกับเจี้ยนเฉินคือจากป้ายประกาศจับ มันทำให้นางเข้าใจได้ว่าเจี้ยนเฉินได้สร้างความวุ่นวายขึ้นมามากเพียงใดในเวลาสั้น ๆ ที่เขาอยู่ในโลกเซียน เขาต้องรับผิดชอบการตายของราชาเทพช่วงสูงสุดกว่าครึ่งบนบัลลังก์ราชาเทพ
ย้อนกลับไปตอนนั้น แม้แต่ราชาเทพทั่วไปก็ถือว่าสูงส่งในสายตาของนาง นี่ไม่ต้องนับราชาเทพช่วงสูงสุดเลย นางตกใจกับคามจริงที่ว่าราชาเทพช่วงสูงสุดหลายร้อยคนซึ่งอาจจะทัดเทียมกับยอดฝีมือขอบเขตบรรพกาลนั้นได้ตายไปเพราะเจี้ยนเฉิน
หลังจากนั้นนางก็เชื่อว่าเจี้ยนเฉินคงยากที่จะรอดได้หลังจากที่รู้ว่ายอดฝีมือระดับสูง 2 คนไล่ล่าเขา นางไม่คิดว่าจะพบกับเจี้ยนเฉินที่นี่ มันถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี
“มันมีเหรียญผลึกห้าสีที่นั่นอยู่บ้าง ฉิงยี่หยวน เอาเหรียญผลึกห้าสีไปและไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายภายนอกใกล้ ๆ กลับไปยังตระกูลเทียนหยวนในที่ราบเมฆา เดินทางระวังตัวด้วย ต่อไปเจ้าต้องพึ่งตัวเอง ข้าไม่อาจจะปกป้องเจ้าได้อีกต่อไป” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นและส่งแหวนมิติให้กับฉิงยี่หยวน เขาไม่ได้ยิ้มออกมาเลยแม้แต่น้อย การตายของ ไคยะทำให้เขารู้สึกผิด นอกจากความเกลียดชังแล้ว มันก็มีแค่ความหงุดหงิดในใจเขา
“ เจ้าไม่อาจจะปกป้องข้าได้อีกแล้วรึ ? ” ฉิงยี่หยวนหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น นางอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีเย่อหยิ่งออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้ายังต้องการให้เจ้าปกป้องในตอนนี้ด้วยรึ ? แต่เจี้ยนเฉิน นอกจากเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกด้านล่างแล้ว ข้าไม่คิดว่าข้าเคยได้รับการปกป้องจากเจ้าในโลกเซียนเลย”
เจี้ยนเฉินไม่ได้มีอารมณ์จะอธิบายให้ฉิงยี่หยวนฟัง เขาค่อย ๆ หลับตาลงและทำสมาธิเพื่อปรับร่างกายตัวเอง เขากำลังเตรียมตัวเพื่อการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
ฉิงยี่หยวนเหมือนปะติดปะต่อเรื่องได้หลังจากที่พูดแบบนั้น นางแปลกใจขึ้นมาและสายตาซึ่งมองไปที่เจี้ยนเฉิน ก็เริ่มสั่นไหว นางถามขึ้นด้วยความไม่มั่นใจ “เจี้ยนเฉิน เจ้าคือนายน้อยเจียงหยาง ที่พาตัวข้าออกมาจากดาวเคราะห์เทียนหมิงงั้นหรือ ? ”
เจี้ยนเฉินพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากที่ได้รับการยืนยันนั้น ฉิงยี่หยวนก็ตะลึง นางมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาว่างเปล่าพร้อมกับอารมณ์ที่สั่นไหว
ไม่แปลกเลย ไม่แปลกเลยที่จู่ ๆ เจียงหยางก็เรียกนางออกมาตอนที่เขาพบกับผลประโยชน์จากเซียนกระบี่หยุนฉี เพื่อให้นางรับมรดกจากอีกฝ่าย ไม่แปลกเลยว่าเจียงหยางถึงได้ให้ทรัพยากรทั้งหมดในหลายปีที่ผ่านมาฟรี ๆ โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
มันกลับเป็นว่านายน้อยเจียงหยางที่ลึกลับผู้นั้นซึ่งอาจจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่กลับเป็นเจี้ยนเฉิน
“เมื่อเป็นเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าต้องปกปิดมันจากข้าจนถึงตอนนี้ด้วย ? ทำไมเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ ? ” น้ำเสียงของ ฉิงยี่หยวนเย็นชาขึ้นมา นางมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความไม่พอใจพร้อมกับกัดฟันแน่น
ทันทีที่นางคิดว่านางหมดหนทางและไร้พลังมากต่อหน้านายน้อยเจียงหยางในอดีต นางก็หงุดหงิดขึ้นมา นางรู้สึกเหมือนว่าเจี้ยนเฉินปั่นหัวนาง
“โอ้ ใช่สิ ข้าจำได้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ข้างกายเจ้าด้วย นางไม่ใช่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์แน่ ๆ นางเป็นใครกัน ? ” ฉิงยี่หยวนถามต่อพร้อมกับกัดฟันแน่น
มันเหมือนกับหนามยอกอกเจี้ยนเฉิน ใบหน้าเขาแสดงความเจ็บปวดออกมา
ตอนนั้นเองที่ฉิงยี่หยวนเห็นท่าทีผิดปกติของเจี้ยนเฉิน นางลดความตื่นเต้นที่ได้พบกับเขาไว้ นางเริ่มเครียดขึ้นมาและมองไปที่เจี้ยนเฉิน ก่อนจะถามขึ้น “เจี้ยนเฉิน เป็นอะไรไป ? ”
“คน ๆ นั้นคือไคยะ แต่นางตายไปแล้ว” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นด้วยท่าทีสลด
“อะไรนะ ? ไคยะตายแล้วรึ ? ” ฉิงยี่หยวนแปลกใจ แม้ว่านางจะไม่ได้สนิทกับไคยะมากนัก แต่ยังไงซะพวกนางก็มาจากที่เดียวกัน
“ฉิงยี่หยวน เจ้าควรไปได้แล้ว อย่าอยู่ที่นี่ต่อ คนที่ฆ่าไคยะคืออัครสูงสุด เขาจะมาที่นี่ในไม่ช้า หากเจ้าไม่ไปตอนนี้ มันจะสายเกินไป ข้าคิดจะสู้กับเขาเพื่อแก้แค้นให้กับไคยะ” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะเป็นคู่มือของอัครสูงสุด เจ้าต้องไปกับข้า เจ้าไม่อาจทำอะไรโง่ ๆ ได้” ฉิงยี่หยวน หงุดหงิดขึ้นมาเมื่อนางเห็นว่าเจี้ยนเฉินพร้อมที่จะตาย นางรีบเข้าไปถึงเขาเพื่อที่จะบังคับให้เขาไปกับนางด้วย แต่กลับมีเจตจำนงกระบี่แผ่ออกมาจากเจี้ยนเฉิน กันไม่ให้นางเข้าใกล้เขา
“ข้าอาจจะไม่ตาย แต่หากเจ้าไม่ไปตอนนี้ เจ้าอาจจะไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้ อย่ากังวลเรื่องข้า ข้ารู้ว่าข้าต้องทำอะไร ไปที่ตระกูลเทียนหยวน มันอาจจะมีคนที่นั่นซึ่งต้องการการปกป้องจากเจ้า….”
หลังจากที่พยายามกล่อมแล้วสุดท้าย ฉิงหยี่หยวนก็ต้องสลัดความหงุดหงิดที่มีทั้งหมด นางรับเหรียญผลึกห้าสีจากเจี้ยนเฉินและเริ่มมองหาค่ายกลเคลื่อนย้ายภายนอกที่ใกล้ที่สุดเพื่อไปยังที่ราบเมฆา