เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2425 : ที่ราบรุ่งโรจน์
ตอนที่ 2425 : ที่ราบรุ่งโรจน์
“เฮยหยา เจ้าเองก็ควรไปด้วย หากข้าตายในการต่อสู้นี้ เจ้าจะเป็นอิสระ เจ้าจะได้รับการปลดปล่อย” เจี้ยนเฉิน เรียกเฮยหยาออกมา
เขากำลังจะเผชิญหน้ากับอัครสูงสุด เขามั่นใจว่ามีโอกาสที่จะฆ่าคู่ต่อสู้ได้ด้วยการหลอมรวมกระบี่คู่ แม้ว่าอีกฝ่ายจะรอดไปได้ แต่เขาก็สามารถทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสได้
แต่เขาต้องเตรียมตัวรับมือกับกรณีที่เลวร้ายที่สุด
“นายท่าน ท่านต้องไม่ตาย ท่านจะเป็นเจ้านายของข้าเสมอ ข้าจะไม่มีทางลืมความเมตตาที่ท่านมีให้ข้า” เฮยหยา มองไปที่เจี้ยนเฉิน มีแค่เขาที่รู้ว่าแม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นเจ้านายและบริวาร แต่เจี้ยนเฉินไม่เคยปฏิบัติต่อเขาเหมือนบริวารเลย เจี้ยนเฉินถึงกับใช้ทรัพยากรที่ล้ำค่าจำนวนมากเพื่อทำให้เขาขึ้นมาถึงขอบเขตตั้งต้นได้
มีคนกี่คนในโลกเซียนที่ดูแลบริวารตัวเองแบบนี้ ?
ผลก็คือเฮยหยาไม่อาจจะลืมบุญคุณที่เจี้ยนเฉินมอบให้ได้
“นายท่าน เป็นข้าเองที่ไร้ประโยชน์ ข้าไม่อาจจะช่วยแก้ปัญหาของท่านได้ ข้ากลับเป็นได้แต่ภาระท่าน ข้าจะรอการกลับมาของท่าน” เฮยหยาคุกเข่าและก้มหน้าให้กับเจี้ยนเฉิน ก่อนที่จะออกจากอุกกาบาตนั้นไป
แต่เขาไม่ได้ออกไปจริง ๆ เขากลับไปนั่งที่อื่นห่างจากเจี้ยนเฉิน เพื่อรอคอยเจี้ยนเฉิน
“นายท่าน ท่านต้องรอด ท่านจะตายไม่ได้” เฮยหยาภาวนาในใจ เขายังคงนั่งอยู่ในอวกาศรอบนอกที่มืดมิด
ในเสี้ยวพริบตา เจี้ยนเฉินก็นั่งอยู่บนอุกกาบาตนั้นมา 3 วันแล้ว ระหว่างสามวันนี้เขาปรับพลังตัวเองให้ฟื้นฟูจนถึงขีดสุด ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดแล้ว กระบี่คู่ทั้งสองเองก็พร้อมเช่นกัน ตราบใดที่เจี้ยนเฉินตัดสินใจ กระบี่นี่จะหลอมรวมกันทันทีและปลดปล่อยพลังทำลายล้างออกมา
แน่นอนกระบี่คู่ไม่ใช่วิธีเดียวที่เจี้ยนเฉินใช้จัดการกับผู้อาวุโสภูผามหานที เพื่อที่จะฆ่าอีกฝ่ายในคราวเดียว แกนเนื้อที่เขาได้รับมาจากที่ราบรกร้างเองก็คือไพ่ลับของเขาเช่นกัน
แกนเนื้อนี้คือพลังงานที่กุสต้ากักเก็บไว้ พลังงานด้านในนั้นน่ากลัวอย่างมาก แม้แต่ตอนที่เจี้ยนเฉินดูดซับมัน เขาก็ต้องระวังอย่างมากเพราะกลัวว่าจะทำลายสมดุลพลังงานด้านใน
ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้ว หากการหลอมรวมกระบี่คู่ไม่อาจจะฆ่าอีกฝ่ายได้ เขาก็จะทำลายสมดุลของแกนเนื้อนี้และทำให้มันระเบิด
“มันผ่านมา 3 วันแล้ว ทำไมเขายังไม่มากัน ? ” เจี้ยนเฉินลืมตาขึ้นมาช้า ๆ สายตาเขาดูเย็นชาและมองผ่านอวกาศเพื่อมองไปยังที่ราบประกายดาว
ตามที่เขาเข้าใจเกี่ยวกับอีกฝ่าย 3 วันนี่น่าจะเพียงพอให้อีกฝ่ายมาถึงที่นี่
เจี้ยนเฉินยังคงรอต่อไป
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันที่สี่และห้าผ่านไป แต่ผู้อาวุโสภูผามหานทีก็ยังไม่มาตามหาเขา
เจี้ยนเฉินเริ่มหมดความอดทน เขาเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแทน
เขาเตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้ว เขาพร้อมที่จะหลอมรวมกระบี่คู่และระเบิดแกนเนื้อของกุสต้า เขาได้ตัดสินใจว่าจะฆ่าอัครสูงสุดแต่อัครสูงสุดกลับไม่มา ผลก็คือเขาไม่รู้ว่าจะใช้พลังทั้งหมดที่เตรียมมากับที่ไหน
ผ่านไปครึ่งเดือน เจี้ยนเฉินถึงได้หมดความอดทน เขาลุกขึ้นยืน เขาไม่ร็ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงยังไม่มา แต่เขารอมากว่าครึ่งเดือนแล้ว เขาไม่คิดจะรอต่อไปนานกว่านี้
“นายท่าน ยอดฝีมืออาจจะไม่มา” เฮยหยาพูดขึ้นด้วยความยินดีและรีบมุ่งหน้ากลับมา
เจี้ยนเฉินไม่ได้รู้สึกอะไร เขาไม่ได้ตอบกลับ หลังจากที่คิดอยู่สักพัก เขาก็ตอบกลับด้วยความขมขื่น “เฮยหยา ลองใช้ความสามารถของเจ้าดูว่าเจ้ารับรู้ตำแหน่งของไคยะได้หรือไม่ “
เฮยหยาพยักหน้าและใช้ทักษะของตัวเองทันที
“นายท่าน ข้าไม่อาจจะรับรู้ถึงไคยะได้อีกต่อไป…” หลังจากนั้นสักพัก เฮยหยาก็ส่ายหน้าและตอบกลับ
เจี้ยนเฉินปวดใจเมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าเขาหม่นลง แม้ว่าเขาจะเดาคำตอบเอาไว้แล้ว แต่เขาก็ยังคาดหวังกับมัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำพูดของเฮยหยาได้ทำลายความหวังสุดท้ายของเขาไป
“อีกไม่นานข้าจะแก้แค้นให้กับไคยะ เมื่อเขาไม่มาหาข้า ข้าจะไปหาเขาแทน” เจี้ยนเฉินกัดฟันและพูดขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ให้เฮยหยากลับเข้าไปในหอคอยอนัตตา เขาได้เปลี่ยนเป็นลำแสงและมุ่งหน้าไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ใกล้ที่สุดที่พาเขาไปยังที่ราบอื่นได้
หลายเดือนต่อมา เจี้ยนเฉินก็ได้มาถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ใกล้ที่สุด ด้วยการเคลื่อนย้ายติดต่อกัน ในที่สุดเขาก็มาถึงที่ราบรุ่งโรจน์
การเดินทางผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นรวดเร็วอย่างมาก หลังจากที่เคลื่อนย้ายมาหลายครั้งเขาก็เดินทางผ่านที่ราบหลายสิบแห่ง กินพื้นที่ในโลกเซียนได้ส่วนหนึ่ง สุดท้ายเขาก็มาถึงที่หมายของเขา ที่ราบรุ่งโรจน์
“ที่ราบรุ่งโรจน์…นี่คือที่ราบรุ่งโรจน์…” เจี้ยนเฉินยืนอยู่ในเมืองที่คึกคัก มองไปยังผู้คนรอบ ๆ ด้วยสีหน้าหม่น นี่คือที่ที่เขาจะคืนหอคอยอนัตตา ที่ที่ปัญหาทุกอย่างจะจบลง ตอนแรกเขาควรมาที่นี่ด้วยกันกับไคยะ แต่นางตายไปแล้ว ใบหน้าและเสียงที่คุ้นเคยของนางมีอยู่แค่ในความทรงจำของเขา
มันทำให้ใจของเจี้ยนเฉินว่างเปล่ายิ่งกว่าเดิมเพราะเขาได้เสียสหายที่ดีของเขาไป
“เขาทำได้แล้ว เขาทำได้ เขาทำได้จริง ๆ….”
“ซือหม่าหวูจื่อน่าประทับใจริง ๆ เขาเพิ่งทะลวงผ่านขึ้นเป็นราชาเทพช่วงปลายไม่ถึงร้อยปีและยังไม่ขึ้นถึงช่วงสูงสุด แต่เขากลับขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ราชาเทพได้…”
“ซือหม่าหวูจื่อคืออัจฉริยะของตระกูลซือหม่า มันพอมีเหตุผลที่เขานั่งบนบัลลังก์ราชาเทพได้เร็วแบบนี้…”
…
ตอนที่เจี้ยนเฉินสลดอยู่นั้นก็เกิดเสียงพูดคุยดังขึ้นมาใกล้ ๆ
พื้นที่ด้านหน้าเต็มไปด้วยผู้คน ผู้บ่มเพาะหลายคนได้ไปรวมตัวกันที่นั่นทำให้ทั้งลานดูคับแคบไป
บันไดวนโปร่งแสงลอยอยู่เหนือหัวทุกคน ขั้นบันไดนี้มีความจริงของโลกราวกับว่าอัดแน่นขึ้นมาจากวิถี พวกมันมีพลังของโลก
ที่บันไดขั้นสุดท้ายสูงขึ้นไปหลายพันเมตร มีบัลลังก์ขนาดใหญ่ลอยอยู่
ตอนนั้นเองมีชายหนุ่มในชุดสีม่วงทองนั่งอยู่บนบัลลังก์
บัลลังก์นี่ใช่ว่าจะนั่งได้ง่าย ๆ เหมือนที่ควรจะเป็น ตอนที่ชายหนุ่มนั่งอยู่บนบัลลังก์นี้ เขาเหมือนจะแบกรับความกดดันและทดสอบอยู่ตลอดเวลาจนทำให้ร่างกายของเขาสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าเขาสลับหม่นและซีดเผือดกันอย่างต่อเนื่อง
เจี้ยนเฉินยืนอยู่ที่เดิมและสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ เขาเองก็มองไปที่บัลลังก์บนท้องฟ้าเช่นกัน เขารู้ว่าบัลลังก์นั่นคืออะไร มันคือบัลลังก์ราชาเทพที่โด่งดังในโลกเซียน
บัลลังก์ราชาเทพโด่งดังไปทั่วที่ราบทั้ง 49 แห่งของโลกเซียน มันคงอยู่มานาน ไม่มีใครรู้ว่ามันถูกสร้างขึ้นตอนไหน
แต่ทั่วทั้งโลกเซียนและในหมู่ราชาเทพหลายคน ทุกคนที่ขึ้นไปนั่งได้คือคนที่ยิ่งใหญ่ ตราบใดที่สลักชื่อตัวเองบนบัลลังก์ราชาเทพได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นราชาเทพระดับสูงสุดผู้ทรงเกียรติ พวกเขาจะทำให้บรรพชนภูมิใจ มันคือสิ่งแทนสถานะของพวกเขา
บัลลังก์ราชาเทพจำกัดจำนวนเอาไว้ มันบันทึกไว้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด, มีพรสวรรค์ที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดพันคนในหมู่ราชาเทพนับไม่ถ้วนในโลกเซียน