เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2431 : พบกับซูหรานอีกครั้ง
ตอนที่ 2431 : พบกับซูหรานอีกครั้ง
อี้ซินมองหาผู้อาวุโสภูผามหานที แม้ว่าจะมีอัครสูงสุดไม่มากนักในโลกเซียน แต่มันก็ใช่ว่าจะมีจำนวนน้อย ๆ ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสภูผามหานทีไม่เพียงพอที่จะทำให้อี้ซินสนใจได้
ผลก็คือนางไม่รู้ว่าผู้อาวุโสภูผามหานทีเป็นใครกัน แต่นางคงไม่ลงมือฆ่าคนให้เจี้ยนเฉินด้วยตัวเอง นางปฏิเสธออกมาโดยไม่ลังเล “ข้าจะไม่ฆ่าใครให้กับเจ้า แม้ว่าเจ้าจะสร้างผลงานกับการสมบัติของอาจารย์กลับมา แต่อย่างคิดใช้มันเปลี่ยนพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงเป็นมีดให้กับเจ้า เปลี่ยนเงื่อนไขของเจ้าซะ”
องค์หญิงใหญ่รู้ดีและไม่สงสัยเลยว่าเจี้ยนเฉินได้สร้างผลงานชิ้นใหญ่ด้วยการนำหอคอยอนัตตากลับมา แต่เขาคงได้แต่ทรัพยากรการบ่มเพาะหรือการปกป้องจากพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงเป็นการแลกเปลี่ยนเท่านั้น
เขาไม่อาจจะเปลี่ยนพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงเป็นอาวุธของเขาได้ เพื่อฆ่าคนที่เขาต้องการหรือคนที่หมายหัวเขา
เจี้ยนเฉินบอกได้ว่าองค์หญิงใหญ่ต้องการจะพูดอะไร เขารู้ว่าการขอให้พระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงฆ่าใครบางคนให้เขานั้นไม่อาจจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดเรื่องนี้อีกต่อไป เขาได้พูดต่อ “มันมีอัครสูงสุดที่สามารถหาข้าได้ผ่านทักษะติดตัวที่เขามี ข้าต้องการใช้ผลงานของตัวเองแลกกับการหลีกเลี่ยงที่จะถูกพบโดยทักษะเหล่านั้น”
“ตกลง”
“บรรพชนทลายสวรรค์อาจจะเคยลงมือกับข้ามาก่อน ข้าหวังว่าพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงจะหยุดบรรพชนทลายสวรรค์เอาไว้ หากเขามาหาข้า…”
“ไม่มีปัญหา บรรพชนทลายสวรรค์นั้นจะไม่หมายตาเจ้าอีกในอนาคต”
“ข้าต้องการวิธีบ่มเพาะ, ทักษะต่อสู้และทักษะลับโบราณพร้อมกับทรัพยากรการบ่มเพาะ…”
“ได้ บิเชิง จะพาเจ้าไปยังโถงสืบทอด เจ้าเลือกมันได้ตามใจตั้งแต่ระดับ 1-2 เราจะคิดทุกอย่างตามระดับผลงานของเจ้าเทียบกับวิธีการบ่มเพาะและคุณค่าของมัน….”
“ข้าต้องการบางอย่างที่ฆ่าอัครสูงสุดได้…”
“เจ้าคิดว่าจะหาสมบัติที่ฆ่าอัครสูงสุดได้ทุกที่หรือไง ? เจ้าเลือกของจากระดับ 1-2 ของโถงสืบทอดได้” อี้ซินพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ไม่นานเจี้ยนเฉินและอี้ซินก็ตกลงกันได้ จากนั้นเขาก็ถูกส่งไปยังโถงสืบทอดโดยจิตวิญญาณวัตถุ
เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าโถงสืบทอดมีกี่ระดับ แต่เขาได้อยู่ที่สองระดับแรก
ระดับ 1 นั้นมีวิธีบ่มเพาะ, ทักษะต่อสู้และทักษะลับมากมาย
ระดับ 2 นั้นมีค่ายกลและวัตถุเทพ
เจี้ยนเฉินเลือกวิธีบ่มเพาะ, ทักษะต่อสู้และทักษะลับมาเป็นร้อย ๆ อย่างจากระดับ 1 ซึ่งแต่ละอันต่างก็มีคุณภาพต่างกันไป
สิ่งที่น่าเสียดายคือวิธีบ่มเพาะที่ดีที่สุดของระดับ 1 นั้นอยู่แค่ขั้นบรรพกาลช่วงสูงสุดเท่านั้น
วิธีบ่มเพาะและทักษะลับเหล่านี้ไร้ประโยชน์สำหรับเขาเพราะเขาได้บ่มเพาะร่างบรรพกาล ผลก็คือเขาได้ขอให้แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ส่งของพวกนี้ไปยังตระกูลเทียนหยวนในที่ราบเมฆา
เขาเตรียมของพวกนี้ให้กับตระกูลเทียนหยวน
ตระกูลเทียนหยวนเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน ชื่อเสียงยังน้อยนิด ทรัพยากรจากพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงสามารถทำให้ตระกูลเทียนหยวนแข็งแกร่งได้เร็วขึ้น
หลงจากนั้นเขาก็ไปที่ระดับสองของโถงสืบทอด เขาได้เดินผ่านค่ายกลต่าง ๆ และเลือกมันอย่างระมัดระวัง
“ค่ายกลเผาผลาญหายนะทั้งเก้า ! ” เจี้ยนเฉินหยุดตรงธงค่ายกลอันหนึ่ง เขามองไปที่คำอธิบายของมันก่อนที่จะตาเป็นประกายขึ้นมา
ธงนี้สามารถสร้างค่ายกลที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถใช้ไฟที่มองไม่เห็นเผาวิญญาณจนเป็นเถ้าได้ การโจมตีวิญญาณศัตรูแบบนี้ไม่อาจจะป้องกันได้เลย มันสามารถจัดการศัตรูที่อยู่ต่ำกว่าขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 7 ได้และฆ่าพวกนั้นช้า ๆ
“มันฆ่ายอดฝีมือขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 7 ได้ ! ” เจี้ยนเฉินสนใจขึ้นมาทันทีพร้อมกับความอาฆาตที่แผ่ออกมา ธงค่ายกลชุดนี้อาจจะใช้แก้แค้นให้กับไคยะได้
ในเวลาเดียวกันมันคือธงชุดค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยเห็นมาในระดับ 2 ดังนั้นเขาจึงรีบหยิบมันทันทีโดยไม่ลังเล
แต่เขาก็พบว่ามันมีค่ายกลเพียงชุดเดียวที่แข็งแกร่งแบบนี้ เขารู้สึกเสียดายอย่างมาก
เจี้ยนเฉินเอาของมาแค่ชิ้นเดียวจากระดับ 2 เขายังคงคิดขายวัตถุเทพอยู่ ดังนั้นจึงชัดแล้วว่าเขาจะไม่ใช้ผลงานไปกับของแบบนี้ ตระกูลเทียนหยวนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ต้องการวัตถุเทพ
หลายชั่วยามต่อมา เจี้ยนเฉินก็ได้ออกจากโถงสืบทอดและกลับไปยังโถงศักดิ์สิทธิ์
แน่นอนหอคอยอนัตตานั้นเป็นวัตถุเทพขั้นสูงสุด แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะแลกมันไปกับของมากมาย แต่ค่าผลงานของเขาก็ใช้ไปแค่ครึ่งเดียวกับการนำหอคอยอนัตตามาคืน
“ข้าจะเก็บผลงานที่เหลือครึ่งหนึ่งไว้ก่อน ข้าจะกลับมาแลกมันอีกเมื่อข้าต้องการบางอย่างในอนาคต” เจี้ยนเฉิน บอกกับองค์หญิงใหญ่หลังจากที่ครุ่นคิดได้สักพัก
ตอนแรกเขาต้องการขอให้พระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงปกป้องพี่สาวของเขา เจียงหยางหมิงเยว่ จนกว่านางจะฟื้นฟูความแข็งแกร่งของนาง
แต่ทันทีที่คิดถึงค่ายกลที่เขาได้เรียนรู้มาจากซุยหยุนหลาน และการที่น้องของเขาได้มีเรื่องบาดหมางกับองค์หญิงใหญ่ในอดีต เขาก็ได้แต่สลัดเรื่องนี้ออกจากหัว
ในอดีตนั้นองค์หญิงใหญ่ได้พ่ายแพ้ให้กับพี่สาวของเขา เจียงหยางหมิงเยว่ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่จะแค้นเคืองเรื่องนี้อยู่หรือไม่ แต่แน่นอนว่าเขาคงไม่เอาชีวิตของพี่สาวมาเสี่ยง
ไม่นานเจี้ยนเฉินก็ออกมาจากพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง หอคอยอนัตตาไม่ได้อยู่กับเขาอีกต่อไปแล้ว แต่เขาก็ยังได้จี้หยกกลับมา มันถูกสลักไว้ด้วยรูปแบบของวิถี
จี้นี้ได้มาจากองค์หญิงใหญ่ มันกันทักษะติดตัวแบบที่ผู้อาวุโสภูผามหานทีมี จากการค้นหาตัวเขา ยิ่งกว่านั้นก็ยังมีทรัพยากรการบ่มเพาะจำนวนมากอยู่ในแหวนมิติของเขาด้วย
เขาไม่ได้ขอให้พระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงปกป้องตระกูลเทียนหยวน เขารู้ตัวตนของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่หวังว่าตระกูลเทียนหยวนและพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงจะเกี่ยวข้องกันลึกซึ้งเกินไป
สักวันในอนาคตเขาอาจจะพาตระกูลเทียนหยวนออกจากโลกเซียน หากพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงปกป้องตระกูลเทียนหยวน เรื่องนี้มันอาจจะซับซ้อน
“เจี้ยนเฉิน ข้ารอเจ้าที่นี่มานานแล้ว ในที่สุดเจ้าก็มาถึงที่ราบรุ่งโรจน์” ตอนนั้นเองเสียงแก่ ๆ ก็ดังขึ้นมาตรงหน้าเขา
เจี้ยนเฉินเงยหน้าขึ้นและพบคนที่คุ้นเคยยืนอยู่ตรงหน้าเขา
นางเป็นหญิงชรา นางสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ และหลังค่อม ผมหงอกของนางยาวจนไปถึงหลัง
แม้ว่านางจะดูแก่มากจนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่น แต่สายตาของนางกลับสดใสอย่างมาก มันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานราวกับมีพลังของโลก
หญิงชราผู้นี้คือ ซูหราน คนที่แยกกับเขาที่ดาวเคราะห์เทียนหมิง !
เจี้ยนเฉินมองไปที่ซูหรานก่อนที่ตาเขาจะเป็นประกาย เขารีบป้องมือและพูดขึ้น “ยินดีด้วยกับการฟื้นฟูและกลับมาถึงขั้นบรรพกาลอีกครั้ง ! ”
“ข้าฟื้นฟูการบ่มเพาะได้ขึ้นมาอยู่จุดเดิมและยังพัฒนาได้ต่อก็เพราะวิถีดั้งเดิมของเจ้า” ซูหรานพูดขึ้น นางมองมาที่เจี้ยนเฉิน สายตาของนางดูลึกซึ้งราวกับว่านางมองทะลุเขาได้
“เจี้ยนเฉิน ข้ารับรู้ได้ถึงความอาฆาตที่แข็งแกร่งในตัวเจ้า” ซูหรานพูดต่อ
“ไคยะตายแล้ว” เจี้ยนเฉินเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางโศกเศร้า
ซูหรานชินกับเรื่องความเป็นความตายมานานแล้ว ใบหน้าของนางไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย นางแค่ถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น “ข้าไม่อาจจะชดเชยให้กับเจ้าสำหรับวิถีดั้งเดิมได้ แต่หากเจ้าต้องการแก้แค้น ข้าจะช่วยเจ้า”