เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2436 : เจ้าคือไป๋หยูรึ ?
ตอนที่ 2436 : เจ้าคือไป๋หยูรึ ?
ตอนนั้นกลุ่มผู้อาวุโสเองก็มาที่หอคอยธาตุแสงเช่นกัน
การมาถึงของพวกเขาทำให้ผู้คนรอบ ๆ เงียบลง แม้แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาที่เยาะเย้ยไป๋หยูก็พากันเงียบ
ไป๋หยูเห็นอดีตอาจารย์ของนาง มู่ชุ่ย ในทันที
ในอดีตนั้นตอนที่ไป๋หยูยังเป็นแค่ศิษย์ไร้ชื่อเสียงของยอดเขาทะยานเมฆ มันเป็นมู่ชุ่ยที่มายังยอดเขาทะยานเมฆและรับนางเป็นศิษย์ มู่ชุ่ยได้พานางเขามาในโถงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทำให้สถานะของไป๋หยูเพิ่มสูงขึ้น นางกลายเป็นศิษย์ของผู้อาวุโส ตำแหน่งที่ทุกคนต่างก็พากันอิจฉา
แต่มันก็เป็นมู่ชุ่ยนี่เองที่ขับไล่นางออกมา นางตัดสายสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ทิ้ง ไป๋หยูได้ร่วงลงจากสวรรค์สู่นรกในคราวเดียว
เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นตาของมู่ชุ่ย สายตานางก็แสดงความรู้สึกซับซ้อนออกมา หลังจากที่ลังเลได้สักพัก นางก็เดินฝ่าฝูงชนเข้าไปตรงหน้ามู่ชุ่ยและโค้งให้ ก่อนจะพูดขึ้นมา “อาจารย์ ! ”
ท่าทีของไป๋หยูทำให้ผู้อาวุโสทุกคนมองมา แต่สายตาของพวกเขากลับเย็นชากันหมด
สายตาของมู่ชุ่ยก็เย็นชาเช่นกัน นางมองไปที่ไป๋หยูด้วยสีหน้าเฉยเมยและพูดขึ้น “ไป๋หยู มันไม่เหมาะที่เจ้าจะอยู่ที่นี่และข้าได้ยุติการเป็นอาจารย์ของเจ้ามาหลายปีแล้ว เจ้าควรเรียกข้าว่าผู้อาวุโส”
ใจของไป๋หยูหล่นวูบเมื่อได้ยินคำพูดอันเย็นชาของมู่ชุ่ย ตาของนางแดงก่ำพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา นางอดทนคำเยาะเย้ยจากคนอื่นรอบตัวได้ แต่นางไม่อาจจะมองข้ามคำพูดของอดีตอาจารย์ของนางได้ ท่าทีเย็นชาของมู่ชุ่ยราวกับเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจนาง มันทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมาก
“ดูสิ ตงหลินหยานเซว่ มาที่นี่ด้วย…”
“อะไรนะ ? ตงหลินหยานเซว่รึ ? คนทรยศที่ช่วยคนของเชื้อสายนักรบวิญญาณหนีไปน่ะรึ ? นางยังมีหน้ากลับมาอีก...”
…
ตอนนั้นก็เกิดเสียงพูดคุยเบา ๆ ขึ้น
ตงหลินหยานเซว่ในชุดสีขาวซึ่งงดงามเกินกว่าจะผู้ใดได้ค่อย ๆ เดินฝ่าฝูงชนเข้ามา
ไม่ว่านางจะผ่านไปที่ไหน เหล่าเซียนรอบ ๆ ต่างก็พากันหลีกทางเพื่อเปิดเส้นทางให้กับนาง
ตงหลินหยานเซว่ได้ยินเสียงพูดคุยรอบตัวนาง แต่นางไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย นางดูใจเย็นอย่างมาก
“หยานเซว่ เจ้าเองก็มาด้วย” มู่ชุ่ยยิ้มออกมาและหันไปมองตงหลินหยานเซว่
ตงหลินหยานเซว่เองก็เคยช่วยเจี้ยนเฉินในอดีต ความผิดนี้ร้ายแรงกว่าของไป๋หยู
แต่มู่ชุ่ยกลับปฏิบัติต่อตงหลินหยานเซว่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
“ เจ้าต้องทำให้ดีที่สุดและพยายามเอากระบี่ผู้พิทักษ์มาให้ได้ เมื่อเจ้าได้รับการยอมรับจากกระบี่ผู้พิทักษ์ มันก็ไม่ใครกล้าพูดแย่ ๆ ต่อเจ้าอีกในอนาคต” มู่ชุ่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ตาของตงหลินหยานเซว่เป็นประกายขึ้นมา นางพยักหน้าตอบรับ
“กระบี่ผู้พิทักษ์ ! ” ไป๋หยูกำหมัดแน่น ตอนแรกนางไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกระบี่ผู้พิทักษ์นี้ แต่นางเริ่มเบื่อกับการก่อกวนและดูถูกของคนรอบตัวตลอดหลายปีนี้แล้ว ทันทีที่นางได้ยินว่ากระบี่ผู้พิทักษ์ทำอะไรได้ นางก็เริ่มสนใจขึ้นมาทันที
“แม้ว่ามันจะแทบเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะได้กระบี่ผู้พิทักษ์มาด้วยพรสวรรค์ที่ข้ามี แต่ข้าก็ต้องพยายามให้ได้มากที่สุด” ไป๋หยูสาบานในใจ
ไม่นานผู้นำและรองผู้นำทั้งแปดก็ออกมาจากหอคอยธาตุแสงพร้อมกัน พวกเขาร่วมมือกันในการปลดล็อคค่ายกลของจอมปราชญ์สูงสุดที่รายล้อมหอคอยธาตุแสงเอาไว้ก่อนจะส่งเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาทั้งหมดเข้าไป
การเปิดค่ายกลของจอมปราชญ์สูงสุดต้องใช้รองหัวหน้า 2 คนเป็นอย่างน้อย และพวกเขาก็ไม่อาจจะเปิดมันได้นานนัก เมื่อมันมีเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาอยู่หลายคน พวกเขาจึงต้องเปิดค่ายกลนี้อยู่นาน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้ทั้งหัวหน้าและรองหัวหน้าทั้งแปดร่วมมือกัน
เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาทั้งหมดที่รวมตัวกันที่นั่นได้พุ่งเข้าไปในหอคอยธาตุแสงรวดเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้เมื่อค่ายกลเปิดออก ร่างกายของพวกเขาส่องแสงออกมาพร้อมกับจำนวนของเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาด้านนอกที่ลดลงเรื่อย ๆ
สุดท้ายเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาทั้งหมดก็เข้าไปในหอคอยธาตุแสงหลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง แม้แต่ผู้อาวุโสก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย
ห้องโถงที่แออัดไปด้วยผู้คนกลับว่างเปล่าขึ้นมา
“เราเองก็เข้าไปด้วยเถอะ มาดูกันว่าใครจะได้การยอมรับจากกระบี่ผู้พิทักษ์” หัวหน้าโถงเซียนธาตุแสงพูดขึ้นมาก่อนจะหายไปพร้อมกับรองหัวหน้า พวกเขาเองก็เข้าไปในหอคอยธาตุแสงเช่นกัน
เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาที่รวมตัวกันในหอคอยธาตุแสงนี้มีหลายแสนคน
โถงเซียนธาตุแสงมีศิษย์กว่าล้านคนแต่ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าใจกฎแห่งศรัทธาได้ ผลก็คือมันมีแค่เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่
ยังไงซะกระบี่ผู้พิทักษ์ก็แทนโอกาสในการพัฒนา ทุกคนต่างก็สนใจมัน แน่นอนว่ามีคนที่ไม่สนใจแบบหานซินอยู่ไม่มาก
เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาทุกคนต่างก็นั่งลงกับพื้นและมองไปยังภูเขาที่ลอยอยู่บนฟ้าด้วยความสงสัย สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความต้องการ
“คนที่ได้กระบี่ทั้งเก้าไปต้องรับใช้เจ้าของหอคอยธาตุแสงและต้องสู้เพื่อเจ้าของ…” เสียงของจิตวิญญาณวัตถุดังก้องขึ้นไปทั่วราวกับฟ้าผ่า
จิตวิญญาณวัตถุได้บอกต้นกำเนิดของกระบี่ผู้พิทักษ์ซ้ำอีกครั้ง หลังจากที่ย้ำอีกรอบแล้วเขาก็พูดขึ้นมา “หากมีใครไม่เต็มใจ พวกเจ้าออกไปตอนนี้ได้เลย ไม่งั้นแล้วเมื่อพวกเจ้าได้กระบี่ไปและปฏิเสธทำตามคำสั่งของเจ้านายแล้ว เจ้าจะตายจากพลังของกระบี่ผู้พิทักษ์”
หยู่เฉิน หัวหน้าโถงเซียนธาตุแสงถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินแบบนั้น ด้วยเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เขาก็กลับออกมา ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ได้มีแผนที่จะแข่งขันกับคนอื่นเพื่อกระบี่ผู้พิทักษ์
ซวนจ้านลังเลอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจตามหยู่เฉินออกไปด้วย
รองหัวหน้าทั้งเจ็ดต่างก็แสดงสายตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาต้องการที่จะได้กระบี่นี้มาครอง
“ข้าสงสัยว่ากระบี่ผู้พิทักษ์นั้นจะรับมาได้ยังไง ? ” ตงหลินหยานเซว่มองไปที่กระบี่ที่ตั้งอยู่บนภูเขาทั้งเก้าและถามกับตัวเอง
เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาทุกคนที่มารวมตัวกันที่นี่ต่างก็มีความแข็งแกร่งแตกต่างกันไป หากพวกเขาต้องใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเพียงอย่างเดียวในการแยกแยะ ไม่เช่นนั้นมันคงไม่ยุติธรรม
ใครกันที่จะเอาชนะรองหัวหน้าทั้งเจ็ดคนได้ ?
“จิตวิญญาณวัตถุ เจ้าได้ยินข้าหรือไม่ ? มอบกระบี่ผู้พิทักษ์ทั้งเก้าเล่มให้กับคนที่ข้าบอก” กงซุนอี้ตะโกนออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ใบหน้าของเขาหม่นลง เขาหงุดหงิดอย่างมาก
เขาพบว่าจิตวิญญาณวัตถุเหมือนจะไม่ใส่ใจเขาเลยแม้แต่น้อยทั้ง ๆ ที่เขาเป็นหลานของจอมปราชญ์สูงสุด
กระบี่ผู้พิทักษ์ 9 เล่มนี้หมายถึงพลังของยอดฝีมือระดับสูง 9 คน เขาหวังว่าคนที่ได้ดาบนี้ไปจะอยู่ใต้การควบคุมของเขา
ตอนนั้นภูเขาทั้งเก้าลูกที่ลอยอยู่บนฟ้าก็ระเบิดแสงออกมา แสงนั้นได้ครอบคลุมเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาทุกคนในทันที
ทันใดนั้นทุกคนที่ถูกครอบคลุมด้วยแสงสีขาวต่างก็เสียการรับรู้ไป ที่พวกเขาเห็นตอนนี้มีแค่แสงสีขาวพร่ามัว พวกเขาไม่อาจจะขยายการรับรู้วิญญาณออกไปได้
แม้แต่รองหัวหน้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
นี่เพราะไม่มีใครเลยที่ต้านทานพลังของกระบี่ทั้งเก้าเล่มได้
ไป๋หยูนั่งอยู่ภายในแสงสีขาวนั้น นางรู้สึกอึดอัดและกังวล
“เจ้าคือไป๋หยูรึ ? ” ตอนนั้นเองก็มีเสียงอบอุ่นเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
ชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้านาง
ชายวัยกลางคนผู้นี้สวมชุดสีขาวและดูใจดี ร่างกายของเขาเหมือนมีพลังอันน่าพิศวงที่สามารถทำลายความอึดอัดและกังวลภายในตัวคนและทำให้พวกเขาใจเย็นลงโดยไม่รู้ตัว