เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2439 : สิ้นสุดการแจกจ่าย
ตอนที่ 2439 : สิ้นสุดการแจกจ่าย
“กระบี่ของสังหารเทพ ข้าได้กระบี่ผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดมา กระบี่ของสังหารเทพ ฮ่าฮ่า..” กงซุนอี้อดได้ที่จะหัวนเราะออกมาแล้วชูกระบี่ขึ้น ก่อนจะรับรู้ข้อมูลต่าง ๆ ที่ไหลเข้ามาในหัว
ตอนนั้นเองที่แสงสีขาวจากภูเขาทั้งเก้าได้หายไป เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาทุกคนที่ไปรวมตัวกันที่นั่นต่างก็แสดงตัวออกมา
ภูเขาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าได้หายไปมิติอีกครั้ง
“หือ ? เกิดอะไรขึ้น ? ภูเขานั่นหายไปไหนแล้ว…”
“ภูเขาได้หายไปแล้ว การแจกจ่ายกระบี่ผู้พิทักษ์จบสิ้นแล้ว …”
“มันมีกระบี่ผู้พิทักษ์อยู่ถึง 9 เล่ม ทำไมมันถึงจบลงหลังจากที่แจกมา 6 เล่ม ? หรือว่าไม่มีใครในหมู่พวกเราที่ถูกเลือก …”
…
ทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงพูดคุยกันโดยรอบ เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาหลายคนที่ไม่ได้รับเลือกต่างก็ไม่พอใจ สีหน้าของพวกเขาต่างสลดลงไป
ตอนนั้นบอลแสงทั้งห้าอันแข็งแกร่งได้ส่องประกายออกมาราวกับดวงอาทิตย์
เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธามองตามและพบกับสิ่งที่ทำให้พวกเขาอิจฉา
กระบี่ผู้พิทักษ์ 5 เล่มได้ลอยอยู่ที่นั่นเหนือหัว ตงหลินหยานเซว่, ไป๋หยู, หานซิน, ซวนหมิงและกงซุนอี้ พวกเขาต่างก็ห่อหุ้มไปด้วยชั้นแสง
ไม่ต้องบอกเลยว่าทั้งห้าคนคือคนที่ได้รับกระบี่ผู้พิทักษ์ไป
“นั่นไม่ใช่ไป๋หยูจากยอดเขาทะยานเมฆรึ ? ไป๋หยูกลับได้รับการยอมรับจากกระบี่ผู้พิทักษ์ สวรรค์ ตาข้าไม่ได้ฝาดไปใช่หรือไม่..”
“ไป๋หยูมีแกนวิญญาณแค่สองสีแต่นางกลับได้รับกระบี่ผู้พิทักษ์ นะ นี่มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย…”
“หานซินเองก็ได้กระบี่ผู้พิทักษ์ไปเช่นกัน สองคนสุดท้ายของยอดเขาทะยานเมฆต่างก็ได้รับกระบี่ผู้พิทักษ์ นะ นะ นี่มันน่าเหลือเชื่อ…”
“ยอดเขาทะยานเมฆแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว ในอนาคตจะไม่มีใครกล้าพูดแย่ ๆ เกี่ยวกับอาจารย์และศิษย์ของยอดเขาทะยานเมฆ..”
“ตงหลินหยานเซว่ก็ได้รับกระบี่ผู้พิทักษ์ไปด้วยรึ ? นางช่วยเจี้ยนเฉินที่เป็นคนของเชื้อสายนักรบวิญญาณให้หนีไป นางคือคนร้ายของโถงเซียนธาตุแสง แล้วทำไมกระบี่ผู้พิทักษ์ถึงได้เลือกนาง…”
…
เสียงตะโกนดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หลายคนยากที่จะรับความจริงที่ หานซิน, ไป๋หยู, และ ตงหลินหยานเซว่ ได้รับกระบี่ผู้พิทักษ์ไปได้
เหล่าเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาที่เคยดูถูกไป๋หยูหรือหาเรื่องนางต่างก็สีหน้าสลดลงเมื่อเห็นว่าไป๋หยูได้กระบี่ผู้พิทักษ์ไป
ผู้อาวุโสมู่ชุ่ยเองก็มองไปที่ไป๋หยู สีหน้านางดูสับสนอย่างมาก
เดิมที ไป๋หยูคือศิษย์ของนาง แต่มู่ชุ่ยได้ขับไล่นางออกไปเพราะความสัมพันธ์ของนางกับเจี้ยนเฉิน แต่นางไม่คิดว่าไป๋หยูจะโชคดีพอที่จะได้รับกระบี่ผู้พิทักษ์
เมื่อมองไปยังกระบี่ในมือไป๋หยู มู่ชุ่ยก็รู้สึกขมขื่นในใจ ตอนนั้นนางคิดว่าจะน่าภูมิใจแค่ไหนหากไป๋หยูยังเป็นศิษย์ของนางอยู่ ฐานะของนางในโถงเซียนธาตุแสงจะเพิ่มขึ้นแค่ไหนเพราะไป๋หยู ?
“เฮ้อ” มู่ชุ่ยถอนหายใจออกมาเบา ๆ นางรู้ว่าความสัมพันธ์ของนางกับไป๋หยูไม่อาจจะรื้อฟื้นกลับมาได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปเป็นดังเดิม
นี่เพราะไป๋หยูได้กลายเป็นคนสำคัญในโถงเซียนธาตุแสงไปแล้ว ด้วยกระบี่ผู้พิทักษ์นี้ทำให้ฐานะและอำนาจของนางมากกว่าผู้อาวุโสเสียอีก
“ตงหลินหยานเซว่ เจ้าคนทรยศ ! เจ้ากล้าเสนอหน้ามาที่นี่อีก ! ” จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา กงซุนอี้เห็นว่า ตงหลินหลานเซว่ได้รับการยอมรับจากกระบี่ผู้พิทักษ์เช่นกัน สายตาของเขาแสดงความอาฆาตออกมา
กงซุนอี้เกลียดตงหลินหยานเซว่อย่างมาก หากไม่ใช่เพราะนางช่วยเจี้ยนเฉินให้หนีไปในอดีต วิธีบ่มเพาะของจอมปราชญ์สูงสุดก็ต้องตกอยู่ในมือเขา
มันคือวิธีบ่มเพาะของจอมปราชญ์สูงสุด มีกี่คนในโลกเซียนที่สามารถทัดทานความรู้สึกแบบนี้ได้ ? หากเขาได้รับวิธีบ่มเพาะมา อนาคตของเขาก็ไร้ขีดจำกัด
แต่เพราะตงหลินหยานเซว่ จึงทำให้เขาเสียโอกาสในการครอบครองวิธีบ่มเพาะซึ่งทำให้กงซุนอี้หงุดหงิดอย่างมาก
“กงซุนอี้ เจ้าอาจจะเป็นราชาเทพธาตุแสงและมีระดับการบ่มเพาะเหนือกว่าข้า แต่เราต่างก็เป็นผู้ใช้กระบี่ผู้พิทักษ์ ดังนั้นฐานะของเราจึงไม่ได้ต่างกันอีกต่อไป เจ้าไม่มีสิทธิมาตัดสินว่าข้าทรยศหรือไม่” ตงหลินหยานเซว่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตอนนี้นางเป็นผู้ถือครองกระบี่ผู้พิทักษ์แล้ว นางจึงมั่นใจอย่างมาก
“เจ้ากล้าดียังไง ! ” กงซุนอี้ตะโกนออกมา ทันใดนั้นเขาก็สั่งให้เหล่าเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธารอบตัวเขาให้ถอยออกไป หลังจากนั้นเขาก็กวัดแกว่งกระบี่ของตนเข้าใส่ตงหลินหยานเซว่
แต่ทันทีที่เขากวัดแกว่งมันได้ครึ่งทาง กระบี่กลับหยุด ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน แต่กระบี่ก็ไม่ไปต่อเลยแม้แต่น้อย
มันราวกับว่ากระบี่อยู่นอกเหนือการควบคุมของกงซุนอี้
“กงซุนอี้ เจ้าคือคนสุดท้ายที่ได้รับกระบี่ผู้พิทักษ์ ดังนั้นเจ้าอาจจะยังรู้ข้อมูลของกระบี่ไม่หมด ศิษย์ทั้งเก้าของเจ้าของหอคอยธาตุแสงเคยผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน พวกเขาเป็นพี่น้องกันผ่านความเป็นความตาย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างพวกเขา เมื่อเราเป็นผู้ครอบครองกระบี่ผู้พิทักษ์ เราก็จะพบกับแรงต้านจากกระบี่หาเราโจมตีกันเอง” ตงหลินหยานเซว่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
สีหน้าของกงซุนอี้หม่นลงเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาเพิ่งจะรับข้อมูลของกระบี่เสร็จ มันเป็นเหมือนที่ตงหลินหยานเซว่ได้บอกเอาไว้ กระบี่ผู้พิทักษ์นั้นไม่อาจจะให้ผู้ถือครองสู้กันเองได้
ตอนนั้นหัวหน้าของโถงเซียนธาตุแสง หยู่เฉิน ก็ได้ปรากฏตัว เขามองไปที่ท้องฟ้าซึ่งภูเขาได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ก่อนจะมองไปที่ผู้ครอบครองกระบี่ผู้พิทักษ์ “ดูเหมือนว่าการมอบกระบี่ผู้พิทักษ์จะสิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนกลับไปได้” เมื่อพูดจบเขาก็หายไปทันที
“ท่านพ่อ ข้าได้รับกระบี่ผู้พิทักษ์มา ! ” ซวนหมิงอวดกระบี่ของตนให้ซวนจ้านดูด้วยความตื่นเต้น
“ซวนจ้าน ลูกของเจ้าน่าประทับใจจริง ๆ เขาเป็นผู้ถือครองกระบี่ผู้พิทักษ์ จากวันนี้ไปลูกของเจ้าคือผู้พิทักษ์ของโถงเซียนธาตุแสง” รองหัวหน้าอีก 7 คนต่างก็ไปรวมตัวกันที่นั่น พวกเขาต่างก็มองไปที่กระบี่ผู้พิทักษ์ด้วยความอิจฉา
“ดี ! ดี ! ดี ! ” ซวนจ้านยิ้มกว้างออกมา เขาภูมิใจอย่างมาก
ในอีกด้าน ตงหลินฉินชุยก็ได้มาอยู่ตรงหน้าตงหลินหยานเซว่ นางเองก็ตื่นเต้นอย่างมากเช่นกัน
ที่อีกแห่ง หานซินยกกระบี่ขึ้นด้วยความสับสน เขาทั้งแปลกใจและดีใจ เขายังไม่อาจจะรับได้ว่านี่คือความจริง การแจกจ่ายกระบี่ผู้พิทักษ์สิ้นสุดลงแล้ว กระบี่ 6 จาก 9 เล่มได้เลือกเจ้าของแล้ว ส่วนอีก 3 เล่มได้หายไปพร้อมกับภูเขา
จิตวิญญาณวัตถุไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากนั้น
ไม่นานเหล่าเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาต่างก็พากันออกจากที่นั่น มันมีแค่ส่วนหนึ่งที่เป็นราชาเทพช่วงปลายที่เลือกจะอยู่ต่อ พวกเขาคิดจะทะลวงผ่านขึ้นไปขอบเขตบรรพกาลก่อนจะอัดแน่นต้นไม้วิญญาณแล้วค่อยออกจากที่นั่น
กงซุนอี้ไม่ได้อยู่ต่อภายในหอคอยธาตุแสง เขาได้รับกระบี่ผู้พิทักษ์ที่ทรงพลังที่สุดมา กระบี่ของสังหารเทพ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจยิ่งกว่าเดิม เขาไม่ได้กลัวยอดฝีมือลึกลับที่เล็งเป้าหมายมาที่ราชาเทพธาตุแสงช่วงปลายเลย
ตอนที่ ซวนจ้าน, ซวนหมิง, ไป๋หยู, ตงหลินหยานเซว่, หานซิน และกงซินอี้ ได้ออกจากหอคอยธาตุแสงไปพร้อมกับกระบี่ผู้พิทักษ์ เซียนกระบี่สวรรค์ซึ่งนั่งอยู่บนภูเขาเทพกระบี่ก็ได้ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ เขามองไปยังทางโถงเซียนธาตุแสงด้วยท่าทีเฉยเมย ก่อนจะพึมพำออกมา “จิตวิญญาณกระบี่ได้เปลี่ยนจากสมาชิกของเผ่ากระบี่โบราณ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าหอคอยธาตุแสงของโถงเซียนธาตุแสงจะมีร่องรอยของเผ่ากระบี่โบราณด้วย พวกเขาได้สูญสิ้นไปแล้ว…”
ในเวลาเดียวกันก็มีชายคนหนึ่งดูเหมือนกับขอทานนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายใจและมองไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายภายนอกในเมืองหลวงของจักรวรรดิวายุม่วง
ตอนนั้นเองร่างของเขากลับแข็งทื่อขึ้นมา จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นนั่ง สายตาเขาสั่นไหวก่อนจะมองไปที่เขตกลางของที่ราบรกร้าง เขามองไปยังโถงเซียนธาตุแสง
“พลังงานแข็งแกร่งจริง ๆ ทำไมพลังงานทั้งหกนี้ถึงได้ปราฏขึ้นมาในโถงเซียนธาตุแสงได้ ? ยิ่งกว่านั้นพลังแต่ละอันอย่างน้อยก็เป็นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 7 ยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของที่ราบรกร้างนั้นคือเซียนกระบี่สวรรค์ซึ่งอยู่แค่ชั้นสวรรค์ที่ 6 เกิดอะไรขึ้นในโถงเซียนธาตุแสงกัน ? ”