เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2460: ผู้สืบทอดคนที่ 8
ตอนที่ 2460: ผู้สืบทอดคนที่ 8
ดูเหมือนฉิงฉันจะอายุใกล้เคียงกับเจี้ยนเฉิน เขาสวมชุดเสื้อคลุมสีฟ้าเรียบง่ายแต่กลับดูโดดเด่นมาก อย่างไรก็ตามเขาดูนิ่งขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
ตอนที่เจี้ยนเฉินพบฉิงฉันเป็นครั้งแรกในโลกดวงจันทร์และดวงดาว เขายังคงเป็นราชาเทพ
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขามาถึงขอบเขตตั้งต้น เขากลายเป็นขั้นอสงไขย
“ฉิงฉันพูดถูกต้อง น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าต้องเข้าใจว่าสมาชิกทุกคนในเชื้อสายนักรบวิญญาณเป็นครอบครัวใหญ่ เราอาจไม่สามารถแบ่งปันโชคชะตาของเราได้เสมอไป แต่เราจะผ่านความยากลำบากไปด้วยกันอย่างแน่นอน ปัญหาของเจ้าก็ถือเป็นปัญหาของเชื้อสายนักรบวิญญาณทั้งหมด เนื่องจากเจ้ามีปัญหาบาดหมางกับสำนักกลืนธารา นั่นหมายความว่าเชื้อสายนักรบวิญญาณของเราก็มีความคับแค้นใจกับสำนักกลืนธาราเช่นกัน เจ้าควรเรียกเรามาก่อนที่เจ้าจะไปทำลายสำนักกลืนธารา” หุนเจิ้งกล่าวเสริม เขาไม่ได้แสดงท่าทางเย่อหยิ่งของผู้เชี่ยวชาญต่อหน้าเจี้ยนเฉินเลย เขาแสดงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของพี่น้อง เขาตบไหล่ของเจี้ยนเฉินและพูดว่า “และด้วยความแข็งแกร่งของสำนักกลืนธารา มันไม่ได้มีอะไรเหลือบ่ากว่าแรงของเชื้อสายนักรบวิญญาณของเรา นอกเหนือจากผู้อาวุโสภูผามหานทีแล้ว ที่เหลือก็ไม่น่ากล่าวถึง”
น้ำเสียงของหุนเจิ้งเผยให้เห็นการดูถูกของเขาที่มีต่อสำนักกลืนธารา แม้ว่าสำนักกลืนธาราจะเป็นนิกายสูงสุดในที่ราบวารี แต่หุนเจิ้งก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับพวกเขาเลย
หัวใจของเจี้ยนเฉินอบอุ่นขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของฉิงฉันและหุนเจิ้ง เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฉิงฉันและหุนเจิ้งปฏิบัติต่อเขาในฐานะน้องชายของพวกเขาอย่างแท้จริง มันไม่มีแรงจูงใจซ่อนเร้นแต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่เขาถูกขังอยู่บนที่ราบรกร้างในครั้งสุดท้าย ผู้สืบทอดเชื้อสายนักรบวิญญาณ 7 คนได้ก้าวมาข้างหน้าและยืนหยัดเพื่อเขา พวกเขาไม่ได้กลัวผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจำนวนมากและไม่สนใจผลที่จะตามมา พวกเขาหยุดผู้เชี่ยวชาญสูงสุดทั้งหมดที่นั่นที่เข้าหาเจี้ยนเฉิน
เขาเคยเห็นการหลอกลวงและการทรยศหักหลังมากมายในชีวิต อย่างไรก็ตาม ผู้สืบทอดเชื้อสายนักรบวิญญาณ พวกเขาถือว่าเขาเป็นหนึ่งในพวกเขาเองอย่างสมบูรณ์เพราะเขามีพลังวิญญาณนักรบ พวกเขาปฏิบัติกับเขาเช่นนั้นแม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนแปลกหน้ามาก่อน พวกเขาไม่ได้ระแวงหรือระมัดระวังตัวกับเจี้ยนเฉินเลย เขาซึ้งใจมาก
“น้องเจี้ยนเฉิน ไปภูเขาวิญญาณนักรบกับเรา ภูเขาวิญญาณนักรบคือบ้านเกิดของเรา” ในท้ายที่สุดหุนเจิ้งได้เชิญเจี้ยนเฉินอย่างจริงใจ
เจี้ยนเฉินลังเล เขาต้องการบันทึกเกี่ยวกับพลังวิญญาณนักรบบนภูเขาวิญญาณนักรบเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เขาไม่ลืมเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเขาเช่นกัน เขากังวลอยู่ตลอดเวลาว่าเขาจะลากเชื้อสายนักรบวิญญาณลงไปพร้อมกับเขาในอนาคตหรือไม่เนื่องจากบางสาเหตุ
“เจี้ยนเฉิน เจ้าควรไปเยี่ยมชมภูเขาวิญญาณนักรบจริง ๆ ภูเขาวิญญาณนักรบครอบครองสิ่งที่เจ้าต้องการ ถ้าเจ้าสามารถใช้พลังวิญญาณนักรบในการต่อสู้ มันอาจจะง่ายกว่านี้มาก” ซูหรานกล่าวเสริมเมื่อนางเห็นความลังเลของเจี้ยนเฉิน นางเคยได้ยินมาแล้วว่าพลังวิญญาณนักรบแข็งแกร่งเพียงใด
“น้องเจี้ยนเฉิน เราทั้งคู่อยู่ในขอบเขตตั้งต้น ความสามารถในการต่อสู้ในปัจจุบันของเจ้าอาจเกินกว่าข้า แต่เจ้าเทียบข้าไม่ได้เลยในแง่ของพลังวิญญาณนักรบ มากับเราสิ เจ้าควรฝึกบ่มเพาะบนภูเขาวิญญาณนักรบอย่างขะมักเขม้น” ฉิงฉันกล่าวขณะที่เขาหัวเราะเบา ๆ กับเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบรับคำเชิญของหุนเจิ้งและฉิงฉัน หลังจากมอบยารักษาส่วนหนึ่งกับซูหรานแล้ว เขาก็อำลานางและก้าวไปยังภูเขาวิญญาณนักรบที่อยู่นอกที่ราบวารี
โถงศักดิ์สิทธิ์จากสำนักกลืนธาราหดตัวลงเหลือขนาดเท่ากำปั้น มันอยู่ในมือของหุนเจิ้งอย่างเชื่อฟังหลังจากที่เขาสยบมันด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีน้ำพุนรกอยู่ลึกลงไปใต้สำนักกลืนธารา น้ำนรกมาจากน้ำพุนรกนี้
อย่างไรก็ตามน้ำพุนรกเป็นสถานที่สำคัญทางภูมิศาสตร์ที่น่าอัศจรรย์ซึ่งก่อตัวขึ้นหลังจากหลายปีที่ผ่านมาภายใต้สภาพแวดล้อมพิเศษของที่ราบวารี มันไม่สามารถถูกพรากไปได้และต้องใช้เวลาเป็นล้านปีกว่าน้ำพุนรกเพียงจะสร้างหยดน้ำนรกสักหยด
เป็นผลให้เจี้ยนเฉินต้องยอมแพ้กับน้ำพุนรกใต้สำนักกลืนธารา
ในไม่ช้าเจี้ยนเฉินก็มาถึงภูเขาวิญญาณนักรบนอกที่ราบวารีภายใต้การนำของหุนเจิ้งและฉิงฉัน
ทันทีที่เขาก้าวเข้าสู่ภูเขานักรบวิญญาณ เขาก็พบว่าภูเขาขนาดมหึมานั้นไม่ได้มีอยู่จริง แต่มันถูกสร้างขึ้นจากพลังมหัศจรรย์ พลังนั้นมหาศาลมากจนดูเหมือนว่าโลกสั่นไหวสำหรับเจี้ยนเฉิน
“ภูเขาวิญญาณนักรบที่เราอยู่เป็นสถานที่มหัศจรรย์อย่างยิ่ง เนื่องจากมันทรงพลังเกินไป เราจึงไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ด้วยพลังของเรา เราจึงไม่สามารถเคลื่อนย้ายภูเขาวิญญาณนักรบได้ เราต้องใช้ทักษะลับเฉพาะที่ผู้อาวุโสในอดีตทิ้งไว้เพื่อควบคุมเศษเสี้ยวพลังของภูเขาวิญญาณนักรบเพียงเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เจ้าเห็นในตอนนี้จึงไม่ใช่ภูเขาวิญญาณนักรบที่แท้จริง”
“อย่างไรก็ตาม วิญญาณภูเขาของภูเขาวิญญาณนักรบยังคงเชื่อมโยงกับภูเขาวิญญาณนักรบไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ไม่ว่าเราจะอยู่ห่างไกลจากภูเขาวิญญาณนักรบแค่ไหน เราก็สามารถกลับมาได้ในชั่วพริบตา” หุนเจิ้งอธิบายกับเจี้ยนเฉินก่อนที่จะพาเขาไปหาคนทั้งห้าบนภูเขาวิญญาณนักรบ เขาแนะนำให้พวกเขารู้จักกับเจี้ยนเฉินทีละคน
หลังจากพูดคุยกัน เจี้ยนเฉินพอจะเข้าใจอย่างคร่าว ๆ เกี่ยวกับผู้สืบทอดเชื้อสายวิญญาณนักรบ
ในบรรดา 7 คนนั้น สามคนเป็นขั้นบรรพกาลสูงสุด นอกเหนือจากหุนเจิ้งแล้วขั้นบรรพกาลสูงสุดอีก 2 คนคือจื้อเจี้ยนและเยว่เฉา
อย่างไรก็ตาม หุนเจิ้งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทั้งสามคน
ชื่อของพวกเขาคือหยุนซื่อติงและซูฉี
หยุนซื่อติงดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบปี ดูเหมือนเขาจะเป็นนักวิชาการและเป็นขั้นบรรพกาลชั้นสวรรรค์ที่ 5
ซูฉีเป็นหญิงสาวที่งดงามที่ดูเหมือนจะอายุยี่สิบปี นางสง่างามและรูปร่างที่ได้สัดส่วนสวยงาม ทำให้นางมีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้ชาย นางเป็นขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 3
สองคนสุดท้ายคือไป่หรูเฟิงและฉิงฉัน
พวกเขา 2 คนเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาผู้สืบทอด 7 คน ทั้งคู่ต่างก็เป็นขั้นอสงไขย
ตอนนี้เจี้ยนเฉินรวมอยู่ด้วย เชื้อสายนักรบวิญญาณจึงมีขั้นอสงไขย 3 คน
อย่างไรก็ตาม ไป่หรูเฟิงได้มาถึงชั้นสวรรค์ที่ 9 ในฐานะขั้นอสงไขย เขาอยู่ห่างจากขั้นบรรพกาลเพียงไม่กี่ก้าว
ผู้สืบทอดเชื้อสายนักรบวิญญาณสู้ 8 คนประกอบด้วยขั้นบรรพกาล 5 คนและขั้นอสงไขย 3 คน
“น้องเจี้ยนเฉิน การค้นหาตัวเจ้าเป็นเรื่องยากมาก หลังจากที่เจ้าออกจากที่ราบรกร้างไปอย่างเงียบ ๆ พวกเราทั้งเจ็ดคนก็ใช้พลังของภูเขาวิญญาณนักรบ เพื่อใช้ทักษะลับอันยอดเยี่ยมร่วมกันในการค้นหาเจ้า แต่เราก็ไม่พบอะไรในท้ายที่สุด” ผู้หญิงคนเดียวในเชื้อสายนักวิญญาณ ซูฉีศึกษาเกี่ยวกับเจี้ยนเฉิน นางถามด้วยน้ำเสียงที่น่าฟังว่า “น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าสามารถบอกพี่ห้าของเจ้าได้หรือไม่ว่าเจ้ามีเรื่องบาดหมางอะไรกับสำนักกลืนธารา ? ”
เจี้ยนเฉินรู้สึกเศร้าใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “ผู้อาวุโสภูผามหานทีฆ่าสหายสนิทของข้า…” แม้ว่าเขาจะทำลายสำนักกลืนธาราไปแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถลบความเจ็บปวดของเขาได้ หัวใจของเจี้ยนเฉินเต้นรัวเมื่อใดก็ตามที่เขาคิดถึงการตายของไคยะ
“ผู้อาวุโสภูผามหานทีรู้ว่าเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของเชื้อสายนักรบวิญญาณของเรา แต่เขาก็ยังตามล่าเจ้า เช่นนั้นเราไม่ควรปล่อยสำนักกลืนธาราไป เราจำเป็นต้องทำให้ผู้คนในโลกเซียนรู้ว่าเชื้อสายนักรบวิญญาณของเราไม่ได้เป็นเป้าหมายให้ใครก็ได้มาคุกคาม ศิษย์น้อง โปรดรอสักครู่ ข้าจะกลับมาในไม่ช้า … ” เมื่อนั้นซูฉีก็หายไป นางออกจากภูเขาวิญญาณนักรบและก้าวเข้าสู่ที่ราบวารี
“ดูเหมือนว่าเชื้อสายนักรบวิญญาณของเราจะเก็บตัวมากเกินไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถึงเวลาแล้วที่องค์กรต่าง ๆ ของโลกเซียนจะต้องจดจำว่าเราเป็นใคร” จื้อเจี้ยนกล่าวเสริมขณะที่ดวงตาของเขาส่องแสงอย่างเย็นชา