เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2477: หัวใจของจื่อหยุน
ตอนที่ 2477: หัวใจของจื่อหยุน
เจี้ยนเฉิน, เสี่ยวม่านและจื่อหยุนนั่งอยู่ที่โต๊ะหินในสวนที่สวยงามภายในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะมาในฐานะตัวแทนของเชื้อสายนักรบวิญญาณเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดในการเป็นพันธมิตรกับเสี่ยวม่าน แต่พวกเขาทั้งสามก็ใช้เวลาด้วยกันนานพอสมควรกว่าจะคุยกันเรื่องนี้ พวกเขาพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ
หลังจากได้พบเจี้ยนเฉิน ดูเหมือนว่าจู่ ๆ นางก็พบกับคนที่พึ่งพาได้ นางอธิบายถึงความทุกข์ยาก, ความกังวลและความกลัวทั้งหมดที่นางประสบภายนอกโดยกล่าวถึงความยากลำบากทั้งหมดที่นางต้องเผชิญ เมื่อนางพูดถึงตอนที่นางถูกล้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญชั้นสูงทั้งหมด นางถึงกับต้องสะอื้นไห้ นางดูน่าสงสารอย่างมาก
“แร่ไพไรต์ทั้งหมดของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนต้องไปอยู่ในมือของบรรพชนทลายสวรรค์ ? ” เจี้ยนเฉินรู้ได้เลยว่ามันเป็นการตกลงระหว่างเสี่ยวม่านกับบรรพชนทลายสวรรค์ซึ่งทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แม้ว่าแร่ไพไรต์จะเป็นเพียงวัตถุดิบระดับเทพขั้นสูง แต่เขาก็รู้ว่าอมตะเที่ยงแท้วัฎสงสารได้บอกเพียงผิวเผิน
นั่นเป็นเพราะแร่ไพไรต์เป็นวัตถุดิบที่สำคัญมากสำหรับการสร้างสุดยอดอาวุธ เมื่อสุดยอดอาวุธได้รับการหลอมกลั่น โลกเซียนและโลกปีศาจจะต้องเผชิญหน้ากับหายนะ
“ข้ากลับอ่อนแอในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนและข้าไม่อาจเข้าใกล้แร่ไพไรต์ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงไม่อาจนำมันออกไปได้ ในตอนแรกข้าวางแผนที่จะแข็งแกร่งขึ้นก่อนที่จะแลกเปลี่ยนกับเสี่ยวม่านเพื่อสิ่งอื่น ข้าไม่คิดเลยว่าแร่ไพไรต์จะอยู่ในมือของบรรพชนทลายสวรรค์ไปแทน” เจี้ยนเฉินคิด อนาคตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้อย่างแท้จริง เมื่อเขาทิ้งแร่ไพไรต์ไป เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะหมดหวังที่จะได้มันมา
เขาเข้าใจดีว่าเนื่องจากแร่ไพไรต์ได้ตกอยู่ในมือของบรรพชนทลายสวรรค์ จึงไม่มีโอกาสที่เขาจะนำมันกลับคืนมาได้ เว้นแต่ว่าเขาจะมีพลังมากเสียจนไม่กลัวบรรพชนทลายสวรรค์อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามบรรพชนทลายสวรรค์เป็นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 9 ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดที่อยู่ต่ำกว่าจอมปราชญ์สูงสุด เขายืนอยู่บนจุดสุดยอดของโลก เจี้ยนเฉินไม่สามารถจัดการกับเขาได้แม้ว่าเขาจะจัดการกับขั้นบรรพกาลที่อ่อนแอ ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขา ความแตกต่างระหว่างเขากับบรรพชนทลายสวรรค์ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นช่องว่างที่มากแค่ไหน
“แต่บรรพชนทลายสวรรค์จะทำอย่างไรกับแร่ไพไรต์ทั้งหมดนั้น ? ” อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินรู้สึกสับสนมากเช่นกัน วัตถุดิบระดับเทพขั้นสูงนั้นมีค่าอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนอย่างบรรพชนทลายสวรรค์ให้ความสนใจได้
“พี่เจี้ยนเฉิน ท่านจะไปไหนเมื่อท่านออกจากที่ราบรกร้าง….”
“พี่เจี้ยนเฉิน ท่านเข้าร่วมกับเชื้อสายนักรบวิญญาณตั้งแต่เมื่อไหร่…..”
…
หลังจากนั้นเสี่ยวม่านก็ดูเป็นเด็กขี้สงสัยที่มาพร้อมกับคำถามมากมายเกี่ยวกับเจี้ยนเฉินในเวลาที่ผ่านมาไม่กี่ปี จื่อหยุนไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว
ในพริบตา หนึ่งวันหนึ่งคืนก็ผ่านไป เมื่อเจี้ยนเฉินเห็นว่าเสี่ยวม่านยังไม่ได้วางแผนที่จะหยุด เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดตัดบทนาง”เสี่ยวม่าน เรามาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องพันธมิตรก่อน”
“พันธมิตร ? ” เสี่ยวม่านเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นเมื่อนางได้ยินแบบนั้น นางมองไปที่จื่อหยุนและหัวเราะคิกคัก “ไม่ใช่ว่าข้ารู้อะไรเกี่ยวกับพันธมิตร ท่านอาจจะปรึกษาเรื่องนี้กับพี่จื่อหยุน ข้าจะทำตามที่จื่อหยุนตัดสินใจ พี่จื่อหยุน ท่านต้องคุยกับพี่เจี้ยนเฉินให้ดี ข้าจะไปบ่มเพาะก่อน” ด้วยเหตุนี้เสี่ยวม่านจึงทำหน้าตายและมองไปที่จื่อหยุนพร้อมกับกระซิบกับนางว่า “พี่จื่อหยุน ข้าสร้างโอกาสให้ท่านกับเขาแล้วนะ ท่านต้องทำให้มันเกิดประโยชน์ด้วยล่ะ”
“ดูเจ้าสิ พูดอะไรกัน ? ” จื่อหยุนหน้าแดงเล็กน้อย นางอดไม่ได้ที่จะเอ็ดเบา ๆ อย่างไรก็ตามเมื่อนางมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างรู้สึกผิดและหัวใจของนางก็เต้นแรงขึ้น
คำพูดลับจากคนที่มีระดับการบ่มเพาะระดับเสี่ยวม่านไม่อาจซ่อนมันจากราชาเทพได้ นับประสาอะไรกับเจี้ยนเฉินที่มีพลังมากกว่า ทำให้จื่อหยุนรู้ว่าเจี้ยนเฉินได้ยินสิ่งที่เสี่ยวม่านพูด
“นางต้องตั้งใจทำ” นางนึกสาปแช่งอยู่ในใจ แต่จริง ๆ แล้วนางก็รู้สึกตื่นเต้นและหวาบหวาน
“ท่านหญิงจื่อหยุน เนื่องจากเสี่ยวม่านต้องการให้ท่านเป็นคนตัดสินใจ ท่านจะเป็นตัวแทนของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนในการพูดรายละเอียดที่แน่นอนของการเป็นพันธมิตรกับเชื้อสายนักรบวิญญาณของเรา” เจี้ยนเฉินกล่าว การแสดงออกของเขาดูเป็นธรรมชาติราวกับว่าเขาไม่ได้ยินเรื่องใด ๆ เลย
จื่อหยุนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยทันทีเมื่อนางเห็นท่าทางของเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตามนางไม่ได้แสดงมันออกไป นางเพียงแค่สูดหายใจเข้าลึก ๆ และเริ่มพูดคุยกันอย่างเป็นทางการกับเจี้ยนเฉิน
การหารือเกี่ยวกับการเป็นพันธมิตรนั้นง่ายมาก ๆ มันเป็นแค่ข้อตกลงระหว่างการเป็นพันธมิตรของเชื้อสายนักรบวิญญาณกับพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน เชื้อสายนักรบวิญญาณต้องการที่จะรับผิดชอบในการปกป้องพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนเพื่อให้เจ้านายของมันปลอดภัย ในทางกลับกัน พระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนต้องออกหน้าช่วยเหลือเชื้อสายนักรบวิญญาณในการต่อสู้กับวัตถุเทพขั้นสูงอันอื่น ๆ
ไม่นาน เจี้ยนเฉินได้กล่าวถึงคำขอและข้อเสนอทั้งหมดที่หุนเจิ้งและคนอื่น ๆ ให้มา
“ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเชื้อสายนักรบวิญญาณของท่านมีเพียงโถงเซียนธาตุแสง การสร้างพันธมิตรกับเชื้อสายนักรบวิญญาณนั้นเป็นแค่เรื่องพื้น ๆ โถงเซียนธาตุแสงจะนั้นแทบจะเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญชั้นสูงที่มาไล่ล่าเราที่อวกาศรอบนอก ข้าเห็นด้วยกับการเป็นพันธมิตรเพื่อหาสถานที่บ่มเพาะที่เงียบสงบให้กับเสี่ยวม่าน” จื่อหยุนเห็นด้วยอย่างไม่ลังเล เพราะคำขอของเชื้อสายนักรบวิญญาณนั้นง่ายมาก พวกเขาไม่ได้เรียกร้องอะไร โดยเฉพาะยิ่งไปกว่านั้นทางฝั่งของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนกลับได้ประโยชน์กลับมาอย่างมาก มันจึงไม่จำเป็นต้องคิดมากแต่อย่างใด
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปบอกกับศิษย์พี่” เจี้ยนเฉินลุกขึ้นยืนทันที เขากำลังออกจากพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนทันทีที่เป้าหมายของเขาเสร็จสิ้น
“เจี้ยนเฉิน ! ” จื่อหยุนลุกยืนและเรียกเขา
เจี้ยนเฉินหยุดชะงักและมองกลับไป”ท่านหญิงจื่อหยุน มีอะไรงั้นหรือ ? ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่สับสนของเจี้ยนเฉิน มีแสงวาบผ่านดวงตาของจื่อหยุน นางกัดฟันและพูดด้วยความกล้าออกไป “ทำไมท่านไม่อยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้ ? ท่านจะรีบออกไปไหน ? ” มีความขมขื่นซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของนาง
“ไม่จำเป็น ศิษย์พี่ของข้ายังคงรอให้ข้าออกไปบอกผลของการเจรจา เราทุกคนต้องอยู่บนภูเขาวิญญาณนักรบ ดังนั้นเราจะมีโอกาสมากมายที่จะได้พบกัน” เจี้ยนเฉินตอบอย่างสุภาพ ก่อนที่จะออกจากพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนโดยไม่หันกลับไปมอง
จื่อหยุนยืนข้าง ๆ โต๊ะหินขณะที่นางมองไปยังทิศทางที่เจี้ยนเฉินเดินจากไปอย่างว่างเปล่า ใบหน้าของนางมีความผิดหวังและเศร้าหมองอย่างไม่ปิดบัง