เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2479: เยว่เฉาบาดเจ็บหนัก
ตอนที่ 2479: เยว่เฉาบาดเจ็บหนัก
จื่อหยุนนั่งลงอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินและจ้องไปที่ใบหน้าด้านข้างของเขา “พรสวรรค์ของนายน้อยเจี้ยนเฉินนั้นโดดเด่นและหายาก เจ้าเพิ่งจะได้กลายเป็นอสงไขยเมื่อไม่นานมานี้ แต่เจ้ามีพลังที่จะฆ่าขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ได้แล้ว เจ้าน่าประทับใจว่าอัจฉริยะชั้นสูงที่ได้รับการดูแลจากองค์กรระดับสูงในโลกเซียนหลายเท่า ข้าสงสัยว่าต้องเป็นหญิงสาวที่โดดเด่นแค่ไหนถึงจะคู่ควรกับเจ้า”
อย่างไรก็ตามทันทีที่นางพูดอย่างนั้น จื่อหยุนก็รู้สึกเหมือนว่านางพูดอะไรไม่เหมาะสม นางเข้ามาถึงหัวข้อชีวิตรักของเจี้ยนเฉินได้อย่างไร ? ดูเหมือนว่านางตั้งใจถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มันชัดเจนเกินไป
จื่อหยุนรู้สึกเหม่อลอยหลังจากตระหนักได้ถึงสิ่งที่นางเพิ่งจะถามไป หัวใจของนางเต้นเร็วขณะและรู้สึกประหม่า นางคิดว่า “ข้าเป็นอะไรไป ? ทำไมจู่ ๆ ถึงถามอะไรแบบนี้ ? ในสิบปีที่ผ่านมาข้า….กับนายน้อยเจี้ยนเฉิน….” ทันทีที่นางนึกถึงเรื่องนั้น จื่อหยุนอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเล็กน้อย นางดูค่อนข้างอายเหมือนเด็นสาวตัวน้อย ๆ
เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบ เขาจ้องมองไปที่อวกาศและพูดว่า “ข้าแต่งงานแล้ว”
จากนั้นจื่อหยุนก็ตัวแข็งทันที ใบหน้าของนางซีดลงทันทีและหัวใจที่เต้นรัวของนางก็รู้สึกเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ
“ใครก็ตามที่มีสถานะอย่างนี้ต่างก็มีภรรยาหลายคนในโลกเซียน เจี้ยนเฉินออกจะโดดเด่นถึงเพียงนี้ มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขาที่มีคู่ครองอยู่แล้ว” แต่จื่อหยุนก็สงบอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลานี้นางคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่างและยอมรับสิ่งเหล่านี้อย่างสมบูรณ์ นางยังสงบลงด้วยซ้ำ
“เจ้ามีคู่ครองแล้ว แต่มันก็สามารถมีได้มากกว่านี้ อัจฉริยะที่โดดเด่นสูงสุดอย่างนายน้อยเจี้ยนเฉินอาจมีภรรยาหลายคนในอนาคต” จื่อหยุนกล่าวเบา ๆ
เจี้ยนเฉินส่ายหน้าเบา ๆ และพูดอย่างใจเย็น “ข้ามีภรรยา 3 คนแล้ว แต่ข้ากลับยอมทิ้งพวกนางทุกคน ข้าล้มเหลวในการดำเนินชีวิตในฐานะสามี ยิ่งไปกว่านั้นข้าทุ่มเทให้กับการบ่มเพาะอย่างเต็มที่และบ่มเพาะอย่างหนักเพื่อให้มันสูงขึ้น ข้าไม่ได้คิดอย่างอื่นเลยแม้แต่ความรัก ดังนั้นข้าจึงยังไม่มีแผนที่จะรับผู้หญิงคนอื่นในอนาคต”
“บางทีเส้นทางของข้าอาจจะเหมาะกับการอยู่คนเดียวมากกว่า โดยไม่มีอะไรมาผูกมัดข้าไว้….”
เจี้ยนเฉินเข้าใจอย่างแท้จริงว่าจื่อหยุนนั้นมีความรู้สึกดี ๆ กับเขา แต่เขาก็ทำตัวกับนางเป็นเพื่อนมาโดยตลอด เขาไม่เคยคิดเรื่องอย่างนั้นเลย เขาจึงปฏิเสธนางตรง ๆ
“ข้าหวังว่าจื่อหยุนจะเข้าใจ” เจี้ยนเฉินคิด ในความเปิดจริงเขาสามารถรู้ได้ตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนว่าจื่อหยุนสนใจเขา สิบปีที่เขาต้องบ่มเพาะอย่างสันโดษนั้นก็คือการหลีกเลี่ยง
น่าเสียดายที่จื่อหยุนไม่อาจรับรู้ได้ หรือไม่บางทีนางอาจรู้แล้ว แต่นางก็เลือกที่จะไม่เชื่อ นางไม่อยากจะยอมแพ้ นางจะไม่หยุดจนกว่านางจะเจอทางตันซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงต้องพูดอะไรแบบนั้น
การที่เขาไม่รับหญิงสาวคนอื่นเลยตลอดชีวิตของเขาสามารถทำลายความหวังของจื่อหยุนได้
จื่อหยุนเงียบลง นางไม่พูดอะไรเลย นางเพียงแต่มองไปที่อวกาศอันไกลโพ้นนอกภูเขาวิญญาณนักรบที่ว่างเปล่า นางรู้สึกหดหู่ใจ
ในเวลานี้นางรู้สึกเหมือนกับโลกในอดีตที่นางสูญเสียสีสันไปเมื่อครั้งอดีต มันน่าเบื่อ แม้ว่าโลกภาพนอกจะมีสีสันและหลากหลายกว้างใหญ่และสวยงาม และเส้นทางการบ่มเพาะของนางในอนาคตก็ราบรื่น แต่จู่ ๆ นางก็รู้สึกว่าทุกอย่างไร้ความหมาย
ในตอนนี้มีคนมาจากด้านนอกของภูเขาวิญญาณนักรบ เขาตกลงอย่างรวดเร็วและล้มลงเบื้องหน้าภูเขาวิญญาณนักรบ
“นั่นศิษย์พี่สาม ! ” เจี้ยนเฉินจำคนที่ล้มลงได้ทันที เขาเป็นเยว่เฉา พี่สามของเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและเขาก็ไม่สนใจจื่อหยุนที่อยู่ข้าง ๆ เขาพุ่งออกไปยังอวกาศทันทีและเปล่งแสงเจิดจ้าราวกับปราณกระบี่ เขามาถึงด้านหน้าของเยว่เฉาในพริบตาและจับตัวของเขาไว้
“ศิษย์พี่สาม ทำไมท่างถึงได้บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ? ” เจี้ยนเฉินกลับลงพื้นดินและมองไปที่เยว่เฉาซึ่งเต็มไปด้วยเลือดและหน้าซีด เขาเครียดเป็นอย่างมาก
เขาสามารถบอกได้เพียงแค่มองแว่บเดียวว่าเยว่เฉาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก
เยว่เฉาเป็นหนึ่งในสามขั้นบรรพกาลสูงสุดของเชื้อสายนักรบวิญญาณ ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขาและพลังวิญญาณนักรบของเขา เขาสามารถต่อสู้กับอัครสูงสุดหรือแม้แต่ฆ่าพวกเขาได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาบาดเจ็บสาหัส
“ศิษย์น้องสาม ใครทำร้ายเจ้า ? ” เสียงแสงกระพริบ หุนเจิ้งก็มาถึงด้านหน้าของเยว่เฉา เขาหยิบเม็ดยาระดับเทพออกมาและป้อนให้กับเยว่เฉา ใบหน้าของเขาก็มืดหม่นอย่างน่ากลัว
“ศิษย์น้องสาม ใครทำร้ายเจ้าแบบนี้…..”
“ศิษย์น้องสาม….”
“ศิษย์น้องสาม….”
…
หลังจากนั้นเชื้อสายนักรบวิญญาณทั้งหมดก็เข้ามา พวกเขาทั้งหมดต่างก็ล้วนล้อมรอบตัวเยว่เฉา ใบหน้าของพวกเขาทั้งหมดหมองหม่นพร้อมกับจิตสังหารที่พุ่งออกมาจากพวกเขา
หลังจากกินยารักษาไปแล้ว ท่าทีของเยว่เฉาก็เปลี่ยนไปเป็นดีขึ้น เขากระอักเป็นเลือดสองสามครั้งก่อนที่จะลุกขึ้น”ข้าปิดบังตัวเองและไปที่ราบรกร้างเพื่อหาข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับกระบี่ผู้พิทักษ์ แต่ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะรู้ในท้ายที่สุด”
“หยู่เฉินทำร้ายเจ้า ? ” หุนเจิ้งคำราม หยู่เฉินเป็นหัวหน้าของโถงเซียนธาตุแสง
เยว่เฉาส่ายหน้า “มันไม่ใช่หยู่เฉิน”
“งั้นก็เป็นซวนจ้าน ? นอกจากหยู่เฉินแล้ว มีเพียงซวนจ้านเท่านั้นที่จะทำร้ายเจ้าได้ในโถงเซียนธาตุแสง แม้ว่าซวนจ้านจะเป็นแค่ขั้นบรรพกาลสูงสุด แต่พลังต่อสู้ของเขาก็เทียบได้กับอัครสูงสุด” จื้อเจี้ยนพูด
“ไม่ใช่ซวนจ้านเช่นกัน มันเป็นกระบี่ผู้พิทักษ์” เยว่เฉาพูด
“ห๊ะ ? เจ้าพบกระบี่ผู้พิทักษ์งั้นหรือ ? ” ทุกคนตกตะลึงขณะที่พวกเขามองไปที่เยว่เฉา
แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ขมวดคิ้วมากขึ้น เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับกระบี่ผู้พิทักษ์ของโถงเซียนธาตุแสงมาแล้ว เป็นเพราะการคงอยู่ของพวกเขาทำให้เชื้อสายนักรบวิญญาณต้องประสบกับภัยคุกคาม ทำให้พวกเขาต้องหาคนที่จะมาเป็นพันธมิตรด้วย
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นกระบี่ผู้พิทักษ์มาก่อน แต่เขาก็สามารถบอกได้ถึงพลังของมันจากสิ่งที่หุนเจิ้งและคนอื่นพูดมา ท้ายที่สุดกระบี่ผู้พิทักษ์ทำให้โถงเซียนธาตุแสงเป็นองค์กรที่น่ากลัวที่สุดบนที่ราบรกร้าง
เยว่เฉาสูดหายใจเข้าลึก “บอกตามตรง ข้าไม่อาจเหนือไปกว่ากระบี่ผู้พิทักษ์ได้ กระบี่ผู้พิทักษ์นั้นทรงพลังมากและมีพลังพอที่จะสั่นสะเทือนโลก ข้าคิดว่าเชื้อสายนักรบวิญญาณของเราก็ไม่อาจเทียบได้กับกระบี่ผู้พิทักษ์ในการต่อสู้ตัวต่อตัว อย่างไรก็ตามกระบี่ผู้พิทักษ์นั้นก็มีจุดอ่อนที่ร้ายแรงเช่นกัน กระบี่ผู้พิทักษ์ขาดพลังแห่งกฏที่เทียบเท่ากับพลังที่มีแต่กำเนิด ข้าคิดว่านั่นเป็นเพราะมรดกที่พวกเขาบ่มเพาะต่ำเกินไป”
“แต่เดิมข้าต่อสู้กับคนเพียงคนเดียวของกระบี่ผู้พิทักษ์ แม้ว่าข้าจะไม่กล้าปะทะกับพวกเขาอย่างเปิดเผย แต่ข้าก็สามารถหลบหลีดพวกเขาได้ด้วยความการบ่มเพาะที่ลึกซึ้งของข้า แต่ข้าก็ไม่อาจหลบหลีกเขาได้และไม่อาจป้องกันให้พวกเขาโจมตีข้าได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อกระบี่ผู้พิทักษ์คนที่สองปรากฏขึ้น พวกเขาก็บังคับให้ข้าหนีออกมาพร้อมกับอาการบาดเจ็บ”
“ศิษย์พี่สาม เท่ารู้ไหมว่าเขาเป็นใคร ? ” ซูฉีถาม
“พลังที่น่ากลัวของกระบี่ผู้พิทักษ์คนนั้นปิดบังตัวตนและรูปลักษณ์ของพวกเขา ข้าไม่อาจเห็นว่าเขาเป็นใครและข้าก็ไม่อาจทำร้ายข้าได้” เยว่เฉาค่อนข้างจริงจังและพูดต่อ “เจ้าต้องทะลวงการป้องกันของพวกเขาก่อน จึงจะทำร้ายพวกเขาได้”
“พลังป้องกันดูเหมือนว่าจะเป็นเศษเสี้ยวของตราประทับโบราณที่เก่าแก่อน่างมาก ทำให้มันสามารถป้องกันพลังวิญญาณนักรบของข้าได้ ทำให้พลังวิญญาณนักรบของข้าไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงกับคนที่ถือครองมรดก มันไม่อาจฝ่าการป้องกันของพวกนั้นได้”
ด้วยเหตุนี้ทุกคนของเชื้อสายนักรบวิญญาณจึงเคร่งเครียดอย่างมาก