เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2487: ท่าทีของซวนจ้าน
ตอนที่ 2487: ท่าทีของซวนจ้าน
ไม่ว่าซวนจ้านจะเปิดเผยความจริงที่ว่าเขาอยู่หรือไม่ ? เจี้ยนเฉินก็รู้ว่าการปรากฏตัวของซวนจ้านเพียงอย่างเดียวก็หมายความว่าเขาไม่สามารถอยู่บนที่ราบรกร้างได้อีกต่อไป เขากล่าวว่า “หยานเซว่, ไป๋หยู, อาจารย์ โปรดดูแลตัวเองด้วย ข้าขอตัวก่อน” หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ไป๋หยูและหานซินด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาพูดอย่างจริงจังว่า “บางทีเราอาจจะกลายเป็นศัตรูกันในอนาคต แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าจะเป็นศิษย์น้องและอาจารย์ของข้าอยู่ในใจข้าเสมอ ข้าขอลา”
ด้วยเหตุนี้ เจี้ยนเฉินก็จากไปโดยไม่หันกลับไปมอง
ตงหลินหยานเซว่ไม่เต็มใจจะให้เจี้ยนเฉินไป ในขณะที่นางมองเขา นางลุกขึ้นพูดอย่างไม่ลังเลว่า “ขอให้ข้าไปส่งเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ข้าจะทำให้ซวนหมิงวุ่นวายเกินกว่าเขาจะโจมตีเจ้า”
“ไปที่เมืองตงหลิน ที่นั่นมีค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาว”
“ซวนหมิง” เจี้ยนเฉินถอนหายใจเมื่อได้ยินชื่อนั้นอีกครั้ง แม้ว่าเขาและซวนหมิงจะเป็นแค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญเจอกัน แต่พวกเขาก็รู้จักกันมาก่อน เขาไม่คิดเลยว่าซวนหมิงจะกลายเป็นเช่นนี้ในวันนี้ มันทำให้เจี้ยนเฉินผิดหวังอย่างไม่น่าเชื่อ
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับวิถีของเซียนจอมปราชญ์ นับประสาอะไรกับเขาและซวนหมิง แม้แต่พี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อเอาวิถีของเซียนจอมปราชญ์มาวางตรงหน้าพวกเขา
“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงพาข้าออกมา ? วิถีของเซียนจอมปราชญ์อยู่กับเจี้ยนเฉิน นั่นคือวิถีบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก การได้มันมาอาจจะเป็นการเปิดทางไปสู่สวรรค์ แม้ว่าเราจะไม่สนใจวิถีของเซียนจอมปราชญ์ แต่ผู้เชี่ยวชาญสูงสุดต่ำกว่าจอมปราชญ์ก็ยังทำให้พวกเขาสนใจพอที่จะเขย่าโลกได้ทั้งใบ”ซวนหมิงมองไปที่พ่อด้วยความเสียใจ ตอนนี้เขาอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์เหนือเมฆของโถงเซียนธาตุแสง
ซวนหมิงได้กลายเป็นกระบี่ผู้พิทักษ์ของโถงเซียนธาตุแสง ทั้งสถานะและความแข็งแกร่งของเขาแตกต่างจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เขายืนอยู่บนจุดสูงสุดซึ่งเขามีสิทธิ์ที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเขา วิถีของเซียนจอมปราชญ์นั้นทำให้เขาสนใจเป็นอย่างมาก
ซวนจ้านมองไปที่ซวนหมิงและถอนหายใจเบา ๆ “หมิงเอ๋อ เจ้าหลงคิดว่าเจ้าเป็นกระบี่ผู้พิทักษ์จริง ๆ หรือ ? เจ้าต้องเข้าใจว่าพลังจากกระบี่ผู้พิทักษ์นั้นมาจากสิ่งอื่น เนื่องจากจิตวิญญาณวัตถุโถงเซียนธาตุแสงสามารถมอบให้เจ้าได้ เขาก็นำมันไปจากเจ้าได้ เมื่อเจ้าสูญเสียกระบี่ผู้พิทักษ์ไป เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถรักษาวิถีของเซียนจอมปราชญ์ได้หรือไม่ ? ”
ด้วยเหตุนี้ซวนหมิงจึงสงบลงทันที นอกจากนี้เขายังเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาครอบครองมาจากกระบี่ผู้พิทักษ์
“เนื่องจากกระบี่ผู้พิทักษ์ได้เลือกข้า มันคงจะไม่ทิ้งข้าไปง่าย ๆ หรอก” ซวนหมิงเริ่มกลัวเล็กน้อย เขาเข้าใจพลังที่ยิ่งใหญ่นี้และกลายเป็นจุดสูงสุดในชีวิต เขาไม่สามารถยอมรับการสูญเสียพลังนี้และตกจากฟ้าได้
ซวนจ้านส่ายหน้า “เจ้าคิดผิด ทุกคนคิดว่ากระบี่ผู้พิทักษ์เลือกเจ้า แต่ในความเป็นจริง มันคือจิตวิญญาณวัตถุที่เลือกเจ้า ไม่ใช่กระบี่ผู้พิทักษ์”
“จิตวิญญาณวัตถุมีอำนาจควบคุมอย่างเต็มที่ ว่าใครจะเป็นกระบี่ผู้พิทักษ์หรือไม่ได้เป็น มองไปที่ไป๋หยูและหานซินที่ได้รับกระบี่เช่นกัน ด้วยพรสวรรค์ของพวกเขา นับประสาอะไรกับการจัดอันดับของกระบี่ผู้พิทักษ์ของเขาที่เหนือกว่าเรา พวกเขาไม่ใช่ลูกหลานของจอมปราชญ์สูงสุดแต่อย่างใด”
ซวนจ้านได้อธิบายอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นซวนหมิงก็คงหมดอนาคตไปแล้วหากยังไม่เข้าใจ
“ท่านพ่อ ท่านกำลังบอกว่าทั้งหมดเป็นเพราะเจี้ยนเฉินที่ทำให้เราได้ครอบครองกระบี่ผู้พิทักษ์ ? ” ซวนหมิงหน้าซีดด้วยความตกใจ มีความไม่อยากเชื่อบนใบหน้าของเขา
ซวนจ้านไม่ได้ตอบตรง ๆ เขาพูดอย่างจริงจัง “หอคอยธาตุแสงได้หลับใหลมานานแล้ว แต่หลังจากที่เจี้ยนเฉินเข้ามา สิ่งต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นและปลุกจิตวิญญาณวัตถุ ในโลกจิ๋วที่เจี้ยนเฉินและกงซุนอี้แข่งขันกันเพื่อแย่งชิงมรดกนั้น ประตูก็ปิดลงทันทีหลังจากที่เจี้ยนเฉินจากไปเช่นกันและขังราชาเทพธาตุแสงทั้งหมดไว้ที่นั่น นอกจากกงซุนอี้ที่เป็นลูกหลานจอมปราชญ์สูงสุด ผู้ถือครองที่เท่าเทียมกับเจี้ยนเฉิน เจ้าไม่คิดว่ามันบังเอิญเกินไปหน่อยหรือ ? ”
ด้วยเหตุนี้ซวนหมิงก็จมอยู่ในความคิดทันที แววตาของเขาเปลี่ยนไป เขาทั้งประหลาดใจและไม่แน่ใจ เขาตกใจอย่างมากจากภายใน
“หมิงเอ๋อ จะดีที่สุดหากมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะของเจ้าต่อไป เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นอีก อย่าคิดเกี่ยวกับมรดกวิถีของเซียนจอมปราชญ์เช่นกัน แม้ว่าเจ้าจะได้รับมัน เจ้าก็จะกลายเป็นศัตรูกับกงซุนอี้ ด้วยตัวตนของกงซุนอี้ในฐานะทายาทจอมปราชญ์สูงสุดและมรดกที่เหลือซึ่งเขาได้รับโดยพื้นฐานแล้ว เขาควรจะได้รับวิถีของเซียนจอมปราชญ์” ซวนจ้านพูดด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย หลังจากลังเลอยู่นาน เขาก็ยังไม่ได้บอกซวนหมิงว่าเชื้อสายนักรบวิญญาณเป็นตระกูลราชวงศ์
เขายังไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับคนอื่นที่จะรู้ข่าวอันน่าตกใจนี้ มันอาจจะทำลายโถงเซียนธาตุแสงได้เลย
“ข้า ข้าผิดหรือ ? การตัดสินใจของข้ากลายเป็นความโลภบังตาจริง ๆ ? ” ในตอนนี้ซวนหมิงอดไม่ได้ที่จะถามคำถามเหล่านี้กับตัวเอง
…
ผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวในเมืองตงหลิน เจี้ยนเฉินก็ออกจากที่ราบรกร้างได้สำเร็จ เขาเดินทางต่อไปโดยไม่หยุดพัก โดยใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายมากขึ้นเพื่อที่จะกลับไปยังภูเขาวิญญาณนักรบโดยเร็วที่สุด เขารายงานทุกสิ่งที่เขาได้รู้ให้กับสมาชิกทั้งเจ็ดคนของเชื้อสายนักรบวิญญาณ
“ถ้ากระบี่ผู้พิทักษ์ทั้งสามไม่ได้เล็งเป้ามาที่เรา ความกดดันของเราในที่ราบรกร้างก็จะลดลงเป็นอย่างมาก” สมาชิกคนอื่น ๆ ของเชื้อสายนักรบวิญญาณรู้สึกโล่งใจหลังจากได้รับข่าวจากเจี้ยนเฉิน
“ปัญหาเดียวคือซวนจ้าน เขามีพลังมาก การที่เขาครอบครองกระบี่ผู้พิทักษ์นั่นทำให้เขาทรงพลังขึ้นไปอีก ข้าต้องยอมรับว่าไม่มีใครในเชื้อสายนักรบวิญญาณของเราจะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับซวนจ้านได้อีกต่อไป” หานเจิ้งพูดอย่างจริงจัง ในขณะที่เขานิ่วหน้าอย่างหนัก
“เนื่องจากเราไม่อาจสู้เขาได้ เราก็แค่ให้ภูเขาวิญญาณนักรบปกป้องเราตลอดชีวิต ตรายใดที่เรายังอยู่ในภูเขาวิญญาณนักรบ แม้แต่ซวนจ้านก็ไม่อาจทะลวงเข้ามาด้วยกระบี่ผู้พิทักษ์ได้” ซูฉีบอกได้ว่าภูเขาวิญญาณนักรบเป็นแนวป้องกันขั้นสุดท้ายสำหรับเชื้อสายนักรบวิญญาณ เว้นแต่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญสูงสุดที่สามารถเข้าถึงอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 9 เช่นเดียวกับบรรรพชนทลายสวรรค์ได้ ไม่มีใครทำลายภูเขาวิญญาณนักรบได้
“ข้าหวังว่าทายาทคนที่ 9 ของเราจะปรากฏตัวโดยเร็วที่สุด เมื่อทายาททั้งเก้ารวมตัวกัน เชื้อสายนักรบวิญญาณของเราจะมีพลังมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและสามารถยืนอยู่ได้บนจุดสูงสุดในโลกเซียน ยิ่งไปกว่านั้นเอกสารสำคัญของเราได้บ่งบอกว่า เมื่อทายาททั้งเก้าปรากฏตัว พวกเราก็สามารถเผชิญหน้ากับจอมปราชญ์สูงสุดได้” จื้อเจี้ยนพูดอย่างตื่นเต้น
เชื้อสายนักรบวิญญาณตอนนี้มี 8 คนแล้ว พวกเขาต้องการเพียงอีก 1 คน