เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 251: พายุที่กำลังโหมเข้ามา
ตอนที่ 251: พายุที่กำลังโหมเข้ามา
คลื่นฝูงชนเข้ามาเรื่อย ๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนที่จะลดจำนวนลง ในตอนนี้ชื่อเสียงของเจี้ยนเฉินก็ดังกระฉ่อนไปทั่วเมืองเวค ในตอนนี้ที่เขาอยู่ที่ตระกูลไค่ ชื่อเสียงของตระกูลก็แทนที่ตระกูลเทียนซ่งในฐานะตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเวค เพราะว่าตระกูลของพวกเขามีคนที่มีความแข็งแกร่งในระดับเซียนปฐพีที่สามารถควบคุมเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษหลายคนได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนผู้นี้เป็นเซียนผู้หนุนหลังตระกูลไค่ และภายในเมืองเวค เขาเป็นคนที่หาใดเทียบได้ ไม่ใครที่กล้าที่จะไปหาเรื่องเขา
ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่หยุนหลีจัดการเรื่องต่าง ๆ แล้ว ตามถนนและตรอกซอกซอยทุกหนแห่งนั้นก็เต็มไปด้วยประกาศข่าวเกี่ยวกับเคนดัลและรางวัลที่ให้กับคนที่บอกข้อมูลนั้นทำให้หลายคนพูดไม่ออก ถ้าข่าวที่ลือกันเป็นจริง พวกเขาจะได้รางวัล 10 เหรียญม่วง และถ้าพวกเขาบอกข้อมูลจนหาคนเจอ พวเขาจะได้รางวัล 100 เหรียญม่วง
เหรียญทองเหรียญเดียวเพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้ 3 เดือน เหรียญม่วง 1 เหรียญเท่ากับเหรียญทอง 100 เหรียญ และถ้ามีใครสักคนบอกข้อมูลที่ยืนยันได้ไปก็จะได้รับ 10 เหรียญม่วงที่เป็นรางวัลที่เย้ายวนของคนที่อาศัยอยู่ในเมืองและบรรดาทหารรับจ้าง ทั่วทั้งเมืองเวคก็วุ่นวายไปในทันทีเนื่องจากรางวัล 10 เหรียญม่วงเป็นจำนวนเงินที่มากมายสำหรับครอบครัวธรรมดาหลายครอบครัวรวมถึงทหารรับจ้างที่อ่อนแอ
ภายในโรงเตี๊ยมที่หรูหราในเมืองเวค ชายวัยกลางคนหลายคนนั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะ
“เจ้าคนที่ชื่อเจี้ยนเฉินเย่อหยิ่งขนาดนั้นเลยหรือที่ปฏิเสธที่จะพบกับพวกเราทุกคน ? ทั้งหมดที่เขาทำคือการได้โอกาสในการฆ่าสัตว์อสูรระดับ 5 ไป นั่นมันยอดเยี่ยมมากอย่างนั้นใช่หรือไม่ ? “
“ถูกต้อง สำหรับเด็กหนุ่มที่อายุ 20 ปีที่มีโชค เขาเย่อหยิ่งมาก” ชายอีกคนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยาม
หลังจากที่ได้ยินชายทั้งสองพูดคุยกัน ชายชุดม่วงอีกคนก็พูดออกมาเบา ๆ “ลืมมันไปซะ ถ้าเด็กหนุ่มผู้นี้มีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับพวกเรา ถ้างั้นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะหยิ่งยโส ความสามารถของเขานั้นไม่ธรรมดา พวกเราแค่ไปรายงานตระกูลของพวกเรา คนแบบนี้ต้องเป็นคนสำคัญที่ตระกูลเราจะต้องดึงตัวมา และถ้าเขาเข้าร่วมกับตระกูลของพวกเรา พวกเราต้องได้ผลประโยชน์มากแน่”
…..
ภายในคฤหาสน์ในเมืองเวค ทหารรับจ้างที่แต่งกายดีหลายคนก็ร่วมกันอยู่ที่ห้องประชุม
“ข้าได้ยินมาว่า เจี้ยนเฉินนั้นครอบครองแกนอสูรระดับ 5 อยู่ 2 อัน ต้าไห่ รีบรายงานเรื่องนี้ไปที่ตระกูลเซีย” ชายวัยกลางคนสั่ง
“หัวหน้า ทำไมพวกเราถึงไม่ซื้อแกนอสูรแล้วส่งมันให้กับตระกูลเซียล่ะ แบบนั้นพวกเราก็ไม่ต้องเจอเรื่องแย่ ๆ อะไร” ชายร่างกำยำถาม
หัวหน้าที่อยู่ด้านหน้าเขาส่ายหน้า “แบบนั้นไม่ได้ แกนอสูรระดับ 5 อย่าพูดถึงเรื่องที่พวกเรามีเงินซื้อมันหรือไม่เลย เจี้ยนเฉินอาจไม่ต้องการที่จะขายมันด้วย นอกเหนือไปจากนั้น ความแข็งแกร่งของเขานั้นก็เหนือกว่าพวกเรามาก นั่นหมายความว่าเขาอยู่เหนือการควบคุมของพวกเรา ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือส่งข่าวที่มีค่านี้ไปให้กับตระกูลเซียเพราะพวกเขามีกำลังพอที่จะแข่งขันเอาแกนอสูรระดับ 5 มาได้”
….
ในโรงเตี๊ยมที่ดูธรรมดา ชายที่แต่งตัวธรรมดากำลังรีบเขียนจดหมายอยู่ “เซียวฉัน!”
ในตอนที่เขาตะโกนออกมา ชายหนุ่มที่อายุประมาณ 20 ปีก็รีบเข้ามาและทักทายชายคนแรกอย่างเคารพ “ท่านลุงสอง ท่านเรียกข้ามาที่นี่ทำไมหรือ ? “
ชายคนนั้นยื่นจดหมายไปให้ชายหนุ่มแล้วพูดอย่างเคร่งเครียด “เซี่ยวฉัน นำจดหมายนี้พร้อมเด็กฝึกหัดกลับไปที่นิกายส่วนในและส่งมันให้เจ้านิกาย”
“ครับ ท่านลุงสอง ! ” ชายหนุ่มเอาจดหมายและออกไปทันที
หลังจากที่ชายหนุ่มออกไปจากห้อง ชายคนนั้นก็ถอนหายใจออกมา “แกนอสูรระดับ 5 นั้นเป็นของที่ล่อตาล่อใจมากจริง ๆ น่าเสียดายที่เจ้าหนุ่มที่ชื่อเจี้ยนเฉินนั้นแข็งแกร่งเกินไปและมีเพียงเจ้านิกายเท่านั้นที่จะรับมือเขาได้ โอกาสที่ข้าจะได้เป็นเซียนปฐพีคงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากถ้าข้าได้แกนอสูรระดับ 5 มา”
ในพริบตาเดียว สามวันได้ผ่านไป ภายในคฤหาสน์ เจี้ยนเฉินถอนหายใจออกมาในขณะที่เขาโบกมือออกไปอย่างสลด
เมื่อเห็นท่าทางของเจี้ยนเฉิน ผู้บัญชาการเต้าหลีก็รู้ทันทีว่ามันหมายความว่าอะไร “เอาพวกเขาออกไป” เขาสั่ง
“ครับ ! ” ทหารที่ยืนอยู่ข้างข้างตอบรับและเอาตัวชายที่คุกเข่าอยู่ออกไป
“เฮ้ หยุดก่อน เงินของพวกเรา รางวัลของพวกเราล่ะ? พวกเจ้าทำแบบนี้ได้ยังไง พวกเราให้ข้อมูลกับพวกเจ้า และพวกเจ้าก็ไล่พวกเราไปโดยไม่ให้รางวัลพวกเราเลย…”
ผู้บัญชาการไม่สนใจคำพูดเหล่านั้นในขณะที่เขาพยายามที่จะให้ความมั่นใจกับเจี้ยนเฉิน “น้องเจี้ยนเฉิน อย่าหมดความหวัง คนที่เจ้าต้องการที่จะตามหาต้องอยู่ในเมืองเวคอย่างไม่ต้องสงสัย ตั้งความหวังไว้”
“ข้าหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ผู้บัญชาการเต้าหลี ข้าจะกลับก่อนถ้างั้น” หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็ออกไปจากคฤหาสน์ทันที หลายวันที่ผ่านมา หลายคนได้เข้ามาที่คฤหาสน์หร้อมกับข่าวเกี่ยวกับครอบครัวของเคนดัล แต่ทุกคนก็พยายามที่จะหลอกและพูดเหลวไหลโดยไม่มีอะไรที่เป็นความจริงแม้แต่นิดเดียวเลย
หลายวันมานี้ เรื่องแบบนี้ก็เป็นไปเรื่อย ๆ ทำให้เจี้ยนเฉินมีอารมณ์หมองหม่นมากขึ้นทุกที ครอบครัวของเคนดัลออกไปจากเมืองเวคแล้วเช่นนั้นหรือ ? บางทีพวกเขาอาจย้ายไปที่เมืองอื่น โชคร้ายที่ทวีปเทียนหยวนนั้นกว้างใหญ่มากและมีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันเหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเจี้ยนเฉิน
หลังจากที่กลับไปที่ตระกูลไค่ เจี้ยนเฉินก็เดินไปที่ลานเล็ก ๆ ทันที
“หัวหน้า ทหารจากจวนเจ้าเมืองได้นำศพของราชาพยัคฆ์ขนทองระดับ 5 มา ในตอนนี้มันอยู่ที่นั่นแล้ว หัวหน้าอยากให้ทำอย่างไรกับมัน ? ” ไค่เอ้อพูดมาจากด้านข้าง
ในตอนที่ยินคนเอ่ยถึงราชาพยัคฆ์ขนทอง เจี้ยนเฉินก็หยุดอยู่กับที่ “ลอกหนังของศพออกและทำความสะอาดมันก่อนที่จะเอามันไปไว้ที่ชั้นเนื้อ วันนี้ พี่น้องของพวกเราจะได้ชิมว่าราชาพยัคฆ์ขนทองระดับ 5 นั้นเป็นอย่างไร!”
ใบหน้าของไค่เอ้อเต็มไปด้วยความยินดีจากคำพูดของเจี้ยนเฉิน เนื้อของสัตว์อสูรระดับ 5 นั้นเป็นประโยชน์กับคนที่อยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษมาก ไม่เพียงแต่มันจะเพิ่มพลังเซียนได้เท่านั้น มันยังเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายให้เหนือกว่าที่เคยเป็นมาก่อน ภายในพื้นที่เล็ก ๆ ของเมืองเวคที่มีศพของสัตว์อสูรอยู่มากมาย ศพของสัตว์อสูรระดับ 5 นั้นหายากและแพงมาก เงินหลายพันเหรียญทองยังไม่พอที่จะซื้อมันได้แม้เพียงชิ้นเดียวในตลาด และมีน้อยคนนักที่จะเคยได้ลิ้มรสเนื้อของสัตว์อสูร
“หัวหน้า ท่านอยากจะทำอย่างนี้จริง ๆ หรือ ? ” ไค่เอ้อถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
เจี้ยนเฉินพยักหน้าและพูดออกมาอย่างจริงจัง “ถูกต้อง เร็วเข้า ให้คนไปเตรียมการ คืนนี้ พวกเราจะกินเนื้อของราชาพยัคฆ์ขนทองกัน”
“ครับ หัวหน้า ! ” ไค่เอ้ออดไม่ได้ที่จะดีใจออกมา ศพสัตว์อสูรระดับ 5 ต้องใช้เงินเป็นพันเหรียญม่วงในการซื้อมา เขาไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินจะใช้บางอย่างที่ราคาแพงขนาดนี้เพื่อทำให้ทุกคนดีใจ ไค่เอ้อก็อดที่จะเชื่อไม่ได้ว่าเขานั้นโชคดีที่ตัดสินใจติดตามคนถูก ในเวลาเดียวกันความเคารพของเขาที่มีให้เจี้ยนเฉินก็พุ่งสูงขึ้นมาก
ในคืนนั้ ทุกคนที่อยู่ในตระกูลไค่ก็เฉลิมฉลองกันด้วยความยินดี ที่ลานกลาง เนื้อที่กำลังสุกของราชาพยัคฆ์ขนทองก็ตั้งอยู่ในขณะที่ชายที่พันแผลหลายคนก็กระซิบกระซาบกันอย่างตื่นเต้น พวกเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้างเป็นครั้งคราว แต่ละคนจดจ่อสายตาไปที่ร่างของราชาพยัคฆ์ขนทองที่หมุนอย่างช้า ๆ ด้วยน้ำลายที่เกือบไหลหกออกมาจากปากของพวกเขา
ในคืนนั้น หยุนหลีและผู้บัญชาการเต้าหลีก็ถูกเชิญมาร่วมกับตระกูลไค่เพื่อที่จะลิ้มรสเนื้อของราชาพยัคฆ์ขนทองด้วย
ในคืนนี้ ตระกูลไค่คงไม่สามารถที่จะนอนได้เลย เพราะพวกเขากินได้กินอาหารอันโอชะและดื่มเลือดเหมือนกับว่ามันเป็นไวน์ ภายใต้แสงเทียน คนประมาณ 200 คนกำลังยินดีและดื่มกินด้วยรอยยิ้มอย่างพอใจบนใบหน้าของพวกเขา
ในระหว่างคืนนั้น ชายส่วนมากที่นั่นเมาและไม่ยอมนอนจนกระทั่งเจ็ดแปดโมงเช้า
หลังจากที่คืนนั้นผ่านไป ทหารรับจ้างอัคนีก็นับถือเจี้ยนเฉินเพิ่มไปอีกระดับ
….
ในเช้าตรู เจ็ดวันก็ได้ผ่านไปตั้งแต่ที่มีฝูงสัตว์อสูรเข้ามาที่เมืองเวค ทั่วทั้งเมืองกลับมาอยู่ในสภาพปกติ โดยที่มีคนเข้าออกเมืองเป็นสายไม่หยุด บนใบหน้าของทุกคนนั้นไม่มีแววแห่งความกังวลใดใดเลย เศษซากของฝูงสัตว์อสูรอยู่บนพื้นที่เปื้อนเลือดไกลออกไป พร้อมกับหลุมหลายหลุมที่เกิดจากปืนใหญ่ผลึกแกนอสูร
ทันใดนั้นเอง กลุ่มชายที่สวมชุดสีสดใสก็ขี่ม้ามาที่ประตูเมือง ในกลุ่มเหล่านี้ มีรถสินค้าที่ถูกลากมาด้วยสัตว์อสูรระดับสาม 4 ตัวที่ถูกเลี้ยงมาเพื่อการวิ่งอยู่ ในขณะที่กลุ่มผ่านถนนมา ทุกคนก็เห็นป้ายใหญ่ที่ไสวไปกับลมที่มีสัญลักษณ์ของตระกูล “เซีย” บนนั้น
เมื่อยามรักษาการณ์ของเมืองเวคเห็นสัญลักษณ์ “เซีย” ที่เขียนอยู่บนป้าย ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจก่อนที่จะสั่งให้ทหารรีบหลีกทาง
“ย่าห์ ! ” “ย่าห์ ! “
กลุ่มคนขับไม่ช้าลงเลยและแทนที่กันพวกเขากลับขี่เข้าไปลึกเข้าไปในเมืองเวคโดยเหลือทิ้งไว้แต่ฝุ่น บนถนน หลายคนดูพวกเขาเคลื่อนที่ไปพร้อมกับซุบซิบกัน
“คนพวกนี้เป็นใครกันถึงได้กล้าทำแบบนี้ ? พวกเขาเร่งความเร็วเข้ามาในเมืองโดยไม่ลดความเร็วเลย ทหารก็ไม่กล้าหยุดพวกเขาเหมือนกัน..”
“ข้าเห็นสัตว์อสูรระดับสาม 4 ตัวกำลังลากรถม้านั้น นั่นไม่ใช่ของที่คนธรรมดาจะใช้ ข้าสงสัยจริงว่าพวกนั้นเป็นใคร”
“เจ้าไม่เห็นสัญลักษณ์ “เซีย” หรือ ? นั่นเป็นคนของตระกูลเซีย ข้าเดาว่าน่าจะเป็นหนึ่งในคนที่สำคัญของตระกูลเซียที่มายังเมืองเวค…”