เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2531 : นูบิสอยู่ในอันตราย
ตอนที่ 2531 : นูบิสอยู่ในอันตราย
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วและค่อนข้างหนักใจกับเรื่องนี้
เขาได้เห็นความแข็งแกร่งจากองค์หญิงใหญ่ของพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงแล้ว เมื่อเขาหลอมรวมวิญญาณ อมตะเที่ยงแท้วัฏสงสาร เมื่อเอ่ยถึงพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง เขาได้ยกย่องว่าองค์หญิงใหญ่นั้นห่างจากจอมปราชญ์สูงสุดแค่เพียงก้าวเดียวเท่านั้น
ในอีกความหมายคือองค์หญิงใหญ่ อี้ซิน นั้นเกือบจะขึ้นเป็นจอมปราชญ์สูงสุดแล้ว
แต่นางกลับพยายามฆ่าบรรพชนทลายสวรรค์ ซึ่งเป็นการแสดงความแข็งแกร่งของบรรพชนทลายสวรรค์แทน
“พวกเขาเป็นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 9 ! ยอดฝีมือแบบนี้ทุกคนต่างก็เป็นตัวตนที่น่าอัศจรรย์และไร้เทียมทานในหมู่ผู้บ่มเพาะระดับเดียวกันในอดีต” เจี้ยนเฉินแอบทึ่ง เขาเริ่มทำความเข้าใจความแข็งแกร่งของบรรพชนทลายสวรรค์ใหม่
“องค์ชายเก้า การที่ท่านอยู่ในตระกูลเทียนหยวนไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว เพราะบรรพชนทลายสวรรค์มุ่งเป้ามาที่ท่านโดยเฉพาะ” หมิงเซียบอกกับหมิงตงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขารับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับหมิงตง ตอนนี้เมื่อบรรพชนทลายสวรรค์หมายตาหมิงตง มันก็ทำให้หมิงเซียอึดอัดใจอย่างมาก
เขาไม่อาจจะทำอะไรได้ต่อหน้ายอดฝีมือที่เป็นรองแค่อัครสูงสุด
“เขามาเพราะข้ารึ ? เพราะศิษย์พี่ของข้าไล่ต้อนเขาน่ะรึ ? ” หมิงตงถามกลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ถูกต้องแล้ว บรรพชนทลายสวรรค์ถูกองค์หญิงใหญ่ไล่ล่ามาหลายสิบปีแล้ว เรื่องนี้รู้กันไปทั่วโลกเซียน มันได้ส่งผลต่อชื่อเสียงของบรรพชนทลายสวรรค์อย่างมาก มันเท่ากับการดูหมิ่นเขา ผลก็คือบรรพชนทลายสวรรค์รู้สึกแค้นเคืองและคิดจะจัดการกับเจ้า เขาต้องการจะจับท่านหรือไม่ก็ฆ่าท่านชดเชยกับสิ่งที่เขาเคยเจอมา”
“ยังไงซะใครก็ตามก็ต้องแค้นเคืองเมื่อถูกไล่ล่ากว่าหลายสิบปี นี่ไม่ต้องนับคนที่ยิ่งใหญ่แบบบรรพชนทลายสวรรค์เลย” หมิงเซียพูดขึ้น
“แต่ไม่ใช่ว่าอาจารย์ข้าอยู่ที่นี่ด้วยรึ ?ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะฆ่าข้าได้และศิษย์พี่เองก็อยู่ด้วย ข้าจะอยู่ที่นี่” หมิงตงพูดขึ้นมาด้วยท่าทีดื้อดึง
ตอนนั้นมีรายงานว่าผู้นำของพันธมิตรสี่เส้าและพันธมิตรชอบธรรมได้มาเยี่ยมพวกเขา แม้แต่ผู้เฒ่าเทียนซานก็ยังมาที่นี่ด้วย
ยังไงซะยอดฝีมือขอบเขตบรรพกาลของที่ราบเมฆาก็ได้เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ยอดฝีมือต้องการจะโจมตีตระกูลเทียนหยวนแต่เขาถูกหยุดไว้โดยยอดฝีมือคนอื่น
ยิ่งกว่านั้น บรรพชนทลายสวรรค์ก็ได้บอกตัวตนของทั้งสองออกมาแล้ว ตัวตนของอีกฝ่ายจึงเป็นที่รู้กันอย่างชัดเจน
ยังไงซะการที่องค์หญิงใหญ่ไล่ล่าบรรพชนทลายสวรรค์ก็โด่งดังไปทั่วโลกเซียนแล้ว ทุกคนต่างก็รู้เรื่องว่ามันเกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน
การต่อสู้ระดับนี้น่ากลัวและน่าตกใจเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะซ่อนตัวอยู่ได้ ตราบใดที่เข้าไปใกล้ที่ราบก็จะเกิดเหตุการณ์ผิดปกติขึ้น ท้องฟ้าของที่ราบสั่นซึ่งทำให้ทุกคนที่นั่นรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ผลก็คือยอดฝีมือทั้งหมดของที่ราบเมฆาต่างก็เข้าใจว่าองค์หญิงใหญ่ได้ไล่ล่าบรรพชนทลายสวรรค์ และพวกเขาก็รู้ว่าบรรพชนทลายสวรรค์ได้หมายตาหมิงตงเอาไว้
นี่ทำให้ยอดฝีมือของที่ราบเมฆาแม้แต่พวกที่ฝีมือต่ำลงมาต่างก็พากันโกรธแค้นหมิงตงแทน
เป็นธรรมดาที่หมิงตงจะไม่สนใจพวกนั้น แต่เจี้ยนเฉินไม่อาจจะมองข้ามพวกมันได้ เขาต้อนรับพวกนั้นในฐานะผู้นำตระกูลเทียนหยวน
ยังไงซะพวกนี้ก็คือคนมีอำนาจของที่ราบเมฆา เขาไม่อาจจะมองข้ามพวกนี้ได้
“องค์หญิงใหญ่ห่วงหมิงตงอย่างมาก ดูเหมือนว่าหมิงตงจะเป็นศิษย์ขององค์หญิงใหญ่…”
“องค์หญิงใหญ่ได้ไล่ล่าบรรพชนทลายสวรรค์มานาน แต่เราไม่เคยได้ยินว่านางใช้พลังของอัครสูงสุดเลย เมื่อ บรรพชนทลายสวรรค์โจมตีตระกูลเทียนหยวนก่อนหน้านี้ เขาก็ทำให้นางหงุดหงิดซึ่งทำให้นางใช้ไพ่ลับอย่างพลังของอัครสูงสุดอกมา แค่นี้ก็เพียงพอแสดงให้เห็นแล้วว่าองค์หญิงใหญ่เป็นห่วงหมิงตงมากขนาดไหน …”
“เราต้องดูแลหมิงตงให้ดี ๆ หากเราผูกสัมพันธ์กับพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงได้ก็จะเป็นเรื่องดีต่อเราอย่างมาก...”
ผู้นำที่มาเยี่ยมต่างก็พากันคิดและพูดคุยกัน
ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของหมิงตง พวกเขาเชื่อว่าหมิงตงคือศิษย์ขององค์หญิงใหญ่
ตอนที่ เจี้ยนเฉิน ทำการต้อนรับผู้นำของสองพันธมิตรนั้นก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญปรากฏตัวขึ้นมาในพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลเทียนหยวน
มันคือผู้หญิงที่ค่อนข้างงดงาม นางใส่ชุดสีขาว นางปรากฏตัวตรงหน้าหมิงตงในพริบตา ค่ายกลอันแข็งแกร่งที่ หมิงตงสร้างเอาไว้รอบตระกูลเทียนหยวนเหมือนกับไม่มีตัวตนต่อหน้านาง
“ศิษย์พี่แปด ทำไมท่านถึงได้มาที่นี่ ? ” ใบหน้าของหมิงตงเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาเมื่อเห็นนาง
ตลอดหลายปีที่เขาอยู่ในพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง เขาสนิทกับศิษย์พี่แปด ไป่หรง ของเขามากที่สุด ในเวลาเดียวกัน ไป่หรงเองก็คือคนที่คอยชี้แนะเขามากที่สุด
“ศิษย์น้องเก้า บรรพชนทลายสวรรค์หมายตาเจ้าอยู่ ได้เวลาที่เจ้าจะกลับไปแล้ว การที่เจ้าอยู่ด้านนอกนี้ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว” สิ่งแรกที่ไป่หรงพูดขึ้นมาคือให้หมิงตงกลับไป นางพูดด้วยท่าทีเฉยเมยแต่น้ำเสียงฟังดูอ่อนโยน นางไม่ได้คิดว่าบรรพชนทลายสวรรค์นั้นเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่นางก็ไม่กล้ามองข้ามเขาเช่นกัน
หมิงตงปฏิเสธโดยไม่ลังเล เขายืนกรานที่จะอยู่ต่อในตระกูลเทียนหยวน เขาถึงกับอ้างถึงอาจารย์ของเขาด้วย ไป่หรงถอนหายใจออกมาและแสดงสีหน้าหมดหนทาง “แม้ว่าอาจารย์จะฟื้นฟูตัวเองแล้วและจิตของอาจารย์ปกป้องเจ้าที่ไหนก็ได้ เจ้ารู้ว่าอาจารย์เป็นตัวตนแบบไหนกัน ในฐานะศิษย์แล้ว เราไม่ควรสร้างปัญหาให้กับอาจารย์ ศิษย์น้องเก้า ข้าจะไม่บังคับเจ้าเพราะเจ้ายืนกรานที่จะอยู่ต่อแต่ข้าขอแนะนำให้เจ้ารีบออกจากที่นี่ไปซะ”
เมื่อพูดจบ ไป่หรงก็จากที่นั่นไป นางหายไปโดยไม่เหลือร่องรอยใด ๆ เหมือนกับตอนที่นางปรากฏตัวขึ้นมา ในเสี้ยวพริบตาก็ผ่านไปกว่า 1 ปี ระหว่างนั้นทุกอย่างที่ที่ราบเมฆายังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ตระกูลเทียนหยวนกลับขยายตัวอย่างรวดเร็ว มันมีฐานะที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงจากทรัพยากรที่ได้มาจากจักรวรรดิจันทราสวรรค์
องค์หญิงใหญ่ อี้ซิน ยังคงไล่ตามบรรพชนทลายสวรรค์ที่อวกาศรอบนอกต่อ เรื่องนี้กลายเป็นที่พูดถึงในหมู่ยอดฝีมือขอบเขตบรรพกาลในโลกเซียนกันหมด พวกเขาต่างก็พากันคาดเดาถึงเหตุผลของเรื่องนี้
นี่ก็เป็นเวลา 1 ปีแล้วนับตั้งแต่ที่นูบิสและผู้พิทักษ์ซือได้ไปยังที่ราบสำราญด้วยกันแต่ก็ยังไม่กลับมา
ในวันนั้น เจี้ยนเฉินได้นั่งลงไปในบ้านของเขาและทำการบ่มเพาะแต่จู่ ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับหยก 3 ชิ้นที่ปรากฏขึ้นมาในมือ พวกมันต่างก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
สีหน้าของเจี้ยนเฉินหม่นลงทันทีเมื่อเห็นว่าเครื่องรางหยกนี่พังลง
ก่อนที่นูบิสจะจากที่นี่ไป เขาได้ให้เครื่องรางที่เชื่อมต่อกันกับนูบิส 3 อัน หากอันหนึ่งถูกพังลงนั้นก็หมายความว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ
หาก 2 อันพังลง มันหมายความว่าเขาตกอยู่ในอันตรายและต้องการความช่วยเหลือ
หาก 3 อันพังลง มันหมายความว่านูบิสกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายรายแรงขั้นที่อาจจะเป็นภัยถึงชีวิตได้
“นูบิสตกอยู่ในอันตราย ! ”
เจี้ยนเฉินใจเต้นรัวและมองไปที่เครื่องรางหยก เขาหยุดบ่มเพาะและหายตัวออกไปจากบ้านทันที
“ผู้พิทักษ์ทั้งหมดให้มารวมตัวกันโดยเร็วที่สุด ! ” ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็ได้สั่งการเรียกยอดฝีมือขอบเขตบรรพกาลทั้งหมดในตระกูลให้มารวมตัวกัน
ผู้พิทักษ์ขอบเขตบรรพกาลต่างก็พากันออกมาจากการบ่มเพาะและปรากฏตัวตรงหน้าเจี้ยนเฉินโดยเร็วที่สุดที่พวกเขาทำได้
คำสั่งของหัวหน้าตระกูลนั้นต่างจากในอดีต เมื่อเจี้ยนเฉินใช้มันเป็นครั้งแรก มันก็ใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าที่ผู้พิทักษ์ขอบเขตตั้งต้นบรรพกาลทั้ง 15 คนจะมารวมตัวกันที่โถงหลัก
แต่ครั้งนี้มันใช้เวลาไม่ถึง 5 วินาทีก็ทำให้ผู้พิทักษ์ขอบเขตตั้งต้นทั้งหมดมาปรากฏตัวตรงหน้าเขาและรอฟังคำสั่งจากเขา
“ผู้อาวุโสซู ! ” เจี้ยนเฉินมีสีหน้าร้อนใจและติดต่อกับซูหราน
จากนั้นซูหรานก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเขา นางมองมาที่เจี้ยนเฉินอย่างใจเย็นและถามขึ้นมา “เจ้ามีปัญหาอะไร ? ”
การมาถึงของซูหรานนั้นทำให้เหล่าผู้พิทักษ์ต่างก็ต้องแปลกใจ
“มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นรึ ? ผู้นำตระกูลถึงกับเรียกผู้อาวุโสซูมาที่นี่ด้วย” เหล่าผู้พิทักษ์ต่างก็พากันสงสัย