เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2532 : จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์
ตอนที่ 2532 : จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์
“นูบิสตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต เขาขอความช่วยเหลือ ผู้พิทักษ์ซือไปกับเขาด้วย แต่แม้แต่ขั้นอสงไขยก็ไม่อาจจะจัดการกับปัญหานี้ได้ ข้าคงได้แต่ขอให้ผู้อาวุโสซูไปกับข้าที่ที่ราบสำราญเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้”
ซูหรานพยักหน้า สีหน้าของนางไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยและได้ถามขึ้นมา “เราจะเดินทางกันตอนไหน ? ”
“สถานการณ์นี้เร่งด่วนอย่างมาก เราต้องออกเดินทางกันเดี๋ยวนี้” เจี้ยนเฉินสั่งการออกไปทันที เจี้ยนเฉิน, ซูหราน และผู้พิทักษ์ทั้งหมดต่างก็ออกจากตระกูลเทียนหยวนไปอย่างเร่งรีบ
ตอนแรกมีแค่เขตกลางของที่ราบเมฆาทีมีค่ายกลเคลื่อนย้ายภายนอกแต่ตั้งแต่ที่พันธมิตรสี่เส้าได้มาตั้งรกรากที่เขตใต้ พวกเขาก็ได้ใช้ทรัพยากรไปจำนวนมากเพื่อสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายภายนอกที่เขตใต้ มันอยู่ที่เมืองหลวงของจักรวรรดิตะวันโลหิต
เมื่อหัวหน้าตระกูลเทียนหยวนได้มาถึงจักรวรรดิตะวันโลหิตพร้อมกับผู้พิทักษ์ขอบเขตตั้งต้นจำนวนมาก เขาก็ได้แจ้งไปยังจักรพรรดิของจักรวรรดิตะวันโลหิต เขาได้เข้าไปในวังด้วยตัวเองและถึงกับทำให้พวกระดับสูงของพันธมิตรสี่เส้าถึงกับต้องสนใจเรื่องนี้
แน่นอนว่าคนที่กังวลและกลัวกาปรากฏตัวของเจี้ยนเฉินมากที่สุดคือองค์ชายเก้า
“ เจ้าว่าไงนะ ? ผู้นำตระกูลเทียนหยวน เจี้ยนเฉิน ได้ปรากฏตัวในเมืองหลวงพร้อมกับกลุ่มยอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นงั้นหรือ ? ” องค์ชายเก้าเริ่มลนลานเมื่อได้ยินข่าวนั้น เขาเริ่มอึดอัดใจและเดินไปรอบ ๆ
ตอนที่เขาไล่ล่าดอกไม้แห่งวิถีในอดีต เขาเกือบที่จะทำลายตระกูลเทียนหยวน หากไม่ใช่เพราะการมาถึงของจักรพรรดิของจักรวรรดิซีในตอนวิกฤตและช่วยตระกูลเทียนหยวนเอาไว้ ชื่อของตระกูลเทียนหยวนอาจจะหยุดอยู่แค่เขตใต้
ผลก็คือความบาดหมางที่เขามีกับตระกูลเทียนหยวนนั้นฝังรากลึก
เมื่อรู้ว่าเจี้ยนเฉินได้มายังจักรวรรดิตะวันโลหิต องค์ชายเก้าก็เริ่มลนลานขึ้นมาทันที
“ข้าตกลงกับองค์หญิงซีหยูของจักรวรรดิซีเอาไว้ว่าจะสู้กันจนตายในอีกหมื่นปีให้หลัง เจี้ยนเฉินไม่น่าจะมาฆ่าข้าในรอบหมื่นปีนี้” องค์ชายเก้าคิดและกำหมัดแน่นพร้อมเหงื่อที่ผุดไปทั่วทั้งตัว เขากังวลอย่างมาก ตอนนี้เขาทำได้แค่ปลอบใจตัวเอง
เขาเข้าใจดีว่าผู้นำตระกูลเทียนหยวนมีฐานะสูงส่งเพียงใด เพราะหมิงตง, ทั้งพันธมิตรสี่เส้าและพันธมิตรชอบธรรมได้พยายามผูกมิตรกับตระกูลเทียนหยวนและไม่กล้าหาเรื่องพวกนั้น
จักรวรรดิตะวันโลหิตเป็นแค่องค์กรหนึ่งภายใต้พันธมิตรสี่เส้า เอาจริง ๆ แล้วพวกเขาเหมือนกับสุนัขรับใช้ของพันธมิตรสี่เส้า ด้วยฐานะผู้นำตระกูลเทียนหยวนของเจี้ยนเฉินนั้น แม้แต่กำจัดจักรพรรดิของพวกเขาในตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก นี่ไม่ต้องนับองค์ชายที่หมดอำนาจอย่างเขาเลย
จักรพรรดิโลหิตได้ปรากฏตัวตรงหน้าเจี้ยนเฉินโดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่นานเขาก็รู้ว่าเจี้ยนเฉินต้องการจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังที่ราบสำราญ ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาไปส่งเจี้ยนเฉินด้วยตัวเองและให้เจี้ยนเฉินใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ฟรี ๆ
ไม่นานกลุ่มของพวกเขาก็ได้ออกจากที่ราบเมฆาผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย
“อะไรนะ ? ผู้นำตระกูลเทียนหยวนจากไปแล้ว ? เขาออกไปจากที่ราบเมฆาแล้วรึ ? เขาไม่ได้มาหาข้างั้นหรือ ? ”
ข่าวนี้ไปถึงหูขององค์ชายเก้าอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้เขายินดีอย่างมาก ในที่สุดเขาก็วางใจได้ราวกับว่าเพิ่งรอดจากภัยพิบัติครั้งใหญ่มาได้
“ดูเหมือนว่าผู้นำตระกูลตระกูลเทียนหยวนอยากรอให้การต่อสู้ของข้ากับซีหยูในอีกหมื่นปีนี้จบลงก่อน ข้าไม่น่าจะรอด แต่มันก็ยังมีเวลาก่อนที่จะถึงเวลานั้น” องค์ชายเก้าถอนหายใจออกมาก่อนจะถามคนรับใช้ข้างกาย “หวงฮวน เหลือเวลาอีกกี่ปีที่ข้าจะต้องต่อสู้กับองค์หญิงซีหยู ? ”
“องค์ชาย มันยังเหลือเวลา 9,900 ปี…” คนรับใช้ตอบกลับ
“9,900 ปี…” องค์ชายเก้าพึมพำออกมาพร้อมสีหน้าที่หม่นลง นั่นคือเวลาที่เขาเหลือที่จะมีชีวิตอยู่รึ ?
…
ในเมืองที่คึกคักภายในเขตกลางของที่ราบสำราญ ค่ายกลเคลื่อนย้ายภายนอกจู่ ๆ ก็ส่องแสงขึ้นมา เมื่อแสงนั้นมอดดับลง กลุ่มของเจี้ยนเฉินก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาที่นั่น
พวกเขาไม่ต้องการให้ใครมาสนใจกับการมาถึงครั้งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงปกปิดพลังของตัวเองเพื่อกันไม่ให้ผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ล่วงรู้ระดับการบ่มเพาะของพวกเขา
“เฮยหยา รีบหาตำแหน่งของพวกเขา” เจี้ยนเฉินรีบร้อนอย่างมาก ก่อนที่เขาจะออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ เขาก็ได้สั่งการกับเฮยหยาไว้แล้ว
นูบิสได้บดเครื่องรางหยก 3 อันทิ้ง ดังนั้นสถานการณ์คงต้องเร่งด่วนอย่างมาก เขาอาจจะตายตอนไหนก็ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจจะล่าช้าได้
เฮยหยาเห็นว่าเจี้ยนเฉินกังวลมากเพียงใด เขาพยักหน้าก่อนจะหลับตาโดยไม่พูดอะไรอีกและใช้ความสามารถของตัวเอง
เฮยหยาเคยเห็นสมาชิกสำคัญของตระกูลเทียนหยวนหมดแล้ว ดังนั้นการหาตัวนูบิสก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ข้าเจอพวกเขาแล้ว ! พวกเขาอยู่ที่นั่น ! ” ไม่นานเฮยหยาก็ชี้ออกไปในทางหนึ่งและพูดขึ้นมา “แต่นูบิสกับผู้พิทักษ์ซืออยู่คนละที่ พวกเขาอยู่ห่างกันกว่า 10 ล้านกิโลเมตร”
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วและสั่งการออกมา “นำทางไป ไปหานูบิสก่อน”
กลุ่มของเจี้ยนเฉินได้เดินทางออกไปด้วยความเร็วแสง
มันมีสันเขานับไม่ถ้วนที่ปลายที่ราบสำราญ สันเขาแห่งนี้มีทั้งสูงและต่ำราวกับคลื่นในท้องทะเล
แต่มันมีหุบเขาขนาดใหญ่ลึกเข้าไปในสันเขาแห่งนี้และมีไฟปะทุออกมาจากด้านล่าง
มันไม่ใช่ไฟธรรมดาแต่เป็นไฟที่มีพลังของกฎ เมื่อมันปะทุขึ้นมา มันจะแผ่ความร้อนที่น่ากลัวและย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีแดง
ไฟนี้ลอยอยู่ในอากาศและแผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้างกว่าหมื่นกิโลเมตร
มิติในระยะนั้นต่างก็ครอบคลุมไปด้วยเปลวไฟ
“อ๊าก...”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากในเปลวไฟตลอดเวลา เสียงนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดราวกับคนที่ร้องนั้นกำลังเจอกับการทรมานที่โหดร้ายที่สุดในโลก
มีงูสีทองยาวบิดตัวไปมาในเปลวไฟ มันดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดเพื่อทนเปลวไฟเอาไว้ มันดูน่าอนาถอย่างมาก ภายใต้เปลวไฟนั้นงูทองนั้นเหมือนจะโดนเผาจนสุก มันส่งกลิ่นหอมและพลังชีวิตที่รั่วไหลออกมาจากเปลวไฟช้า ๆ
“หึหึหึ เด็กน้อย ดิ้นรนและร้องได้ตามที่เจ้าต้องการเถอะ นี่คือเสียงสุดท้ายที่เจ้าจะร้องออกมาได้ในโลกที่แสนวิเศษนี้ ในอีก 3 ชั่วยาม พลังชีวิตของเจ้าก็จะถูกดึงออกมาหมด”
ชายแก่ในชุดดำนั่งอยู่ที่พื้นด้านนอกเปลวไฟ เขาถือน้ำเต้าเหล้าและคอยจิบเหล้าอยู่ตลอดเวลา เขาก่อกองไฟเล็ก ๆ ขึ้นมาข้างตัวและย่างสัตว์อสูรด้วยกองไฟนั่น
เขาพอใจกับเหล้าและมองดูงูสีทองดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดในเปลวไฟ เขาดูพอใจอย่างมาก
“หายากที่จะได้พบกับอสรพิษทองริ้วเงินในโลกเซียน การมาถึงของเจ้าทำให้ข้าแปลกใจและทำให้ข้ายินดีอย่างมาก เพื่อที่จะหาคนในเผ่าและทำลายแก่นของพวกเขา ข้าจึงเดินทางไปทั่วโลกเซียนแต่กลับพบแค่ประมาณ 10 คนเท่านั้น”
“หลังจากที่ดูดซับแก่นของพวกนั้นมา ข้าก็พยายามหาคนอื่น ๆ ในโลกเซียนต่อ”
“แน่นอนว่าข้ารู้ว่ามันยังมีอีกหลายคนในโลกเซียน แต่คนที่อ่อนแอนั้นซ่อนตัวได้ดี การหาพวกนั้นให้เจอแทบเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ ข้าไม่กล้าไปหาเรื่องพวกที่แข็งแกร่งกว่า ข้าได้แต่ซ่อนตัวจากพวกนั้น สุดท้ายก็มีน้อยคนนักที่ข้าจะจัดการได้ “
“เด็กน้อย เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข่าวที่เจ้าได้มานั้นมาจากการตรวจสอบของเจ้า ? ข้าจะบอกความจริงให้เจ้ารู้ ทุกอย่างที่เจ้ารู้นั้น ข้าจงใจแพร่งพรายมันออกไปเองเพื่อล่อเจ้ามา “
“ข้าได้ยินมาว่าไม่ว่าจะเป็นตระกูลไหนก็ตามในที่ราบเมฆาก็จะมียอดฝีมือขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 9 อยู่ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจจะเสี่ยงได้ ผลก็คือข้าจงใจปล่อยข่าวเพื่อที่เจ้าจะได้ออกมาจากตระกูล สุดท้าย ฮาฮา เจ้าก็หลงกล” ชายแก่หัวเราะออกมาอย่างพอใจ เขามองไปที่แก่นพลังชีวิตที่รั่วไหลออกมาจากเปลวไฟพร้อมกับเริ่มทำตัวร้อนรนขึ้นมา