เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2538 : พบกับเสี่ยวจินและเสี่ยวหลิงอีกครั้ง
ตอนที่ 2538 : พบกับเสี่ยวจินและเสี่ยวหลิงอีกครั้ง
“โจมตีพระราชวังของจักรวรรดิเมฆทวีต้องใช้เวลาอยู่บ้าง หากหัวหน้าพิรุณกลับมาล่ะ ? เราไม่มีใครรับมือกับ หัวหน้าพิรุณได้” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมาด้วยความกังวล ยังไงซะเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ พวกเขาจะโจมตีเมืองหลวงของจักรวรรดิเมฆทวี พวกเขาจะทำให้เกิดความบาดหมางครั้งใหญ่และทำให้หัวหน้าพิรุณไม่พอใจ
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เมื่อเรากล้าพอที่จะโจมตีเมืองหลวงของพวกเขา ชัดแล้วว่าเราก็เตรียมการที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ต่าง ๆ ” เฉิงหมิงรับรองว่าความสำเร็จอยู่ในกำมือเขา
“ตอนแรกลัทธิปิศาจวางแผนที่จะโจมตีจักรวรรดิเมฆทวีภายใน 1 เดือนจากนี้เพราะมีจำนวนยอดฝีมือบรรพกาลน้อยกว่า เราต้องเตรียมตัวการเพื่อรับรองว่ามันจะประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้เมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว เราก็สามารถโจมตีได้ก่อนกำหนด “
“แน่นอน เจ้าไม่จำเป็นต้องให้คำตอบข้าตอนนี้ อีกสามวันเจ้าค่อยบอกว่าเจ้าตัดสินใจยังไงก็ได้ เจ้าควรไปพบกับเสี่ยวจินและเสี่ยวหลิงก่อน พวกเขากลับมาแล้ว” เมื่อพูดจบ เฉิงหมิงก็ใช้พลังของโถงศักดิ์สิทธิ์ส่งเจี้ยนเฉินกลับไปที่ห้องโถงที่เขาเคยอยู่เมื่อตะกี้
ผู้พิทักษ์ของตระกูลเทียนหยวนรอคอยอยู่ที่นั่น พวกเขาพากันแสดงสีหน้าอึดอัดใจออกมา
แต่เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจพวกนั้น สายของเขาจับจ้องไปยัง 2 คนที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นมา
สองคนนั้นเป็นผู้หญิง 1 คนและผู้ชาย 1 คน ผู้หญิงนั้นดูเหมือนกับเด็ก นางดูอายุประมาณ 12-13 ปี นางสวมชุดสีขาว ใบหน้าของนางดูบริสุทธิ์ นางดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เห็นเล็กน้อย แค่มองก็เป็นไปได้ที่จะบอกว่านางคือสาวน้อยที่ยังโตไม่เต็มที่
ผู้ชายนั้นดูอายุ 17-18 ปี แม้ว่าเขาจะได้ดูแก่แต่เขาก็ดูเหมือนกับเคยฆ่าคนมามากซึ่งดูไม่เข้ากับอายุของเขาเลยแม้แต่น้อย เขายังมีกลิ่นคาวเลือดลอยออกมาจากตัวเขาด้วย
เขาเหมือนกับเทพสังหารที่ไร้ปราณีที่ซึ่งเพิ่งจะออกมาจากสนามรบ มันราวกับว่าตัวเขาอาบไปด้วยเลือดของศัตรูนับไม่ถ้วน
ทั้งสองคนคือ เสี่ยวจินและเสี่ยวหลิง
“พี่ใหญ่ ! ” เสี่ยวหลิงตาแดงก่ำทันทีที่เห็นเจี้ยนเฉิน นางตะโกนออกมาด้วยความดีใจและแปลกใจก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดเจี้ยนเฉินเอาไว้แน่น
“เสี่ยวหลิง ในที่สุดข้าก็พบเจ้า เจ้าสบายดีหรือไม่ตลอดหลายปีมานี้ ? ” เจี้ยนเฉินยิ้มออกมาและถามขึ้น เขาลูบหัวเสี่ยวหลิงด้วยความเอ็นดู
หลายสิบปีผ่านไปแต่เสี่ยวหลิงยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย นางยังคงเป็นเหมือนเดิมเหมือนในอดีต “พี่ใหญ่ ” เสี่ยวจินพูดขึ้นและมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความดีใจ
ผ่านมาหลายสิบปี เสี่ยวจินเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งความแข็งแกร่งและจิตใจนั้นไม่ได้เหมือนในอดีตเลย
ตอนนี้เขาสวมเกราะสีทองและมีผมสีทองพาดลงมาที่ไหล่ เขามีกลิ่นอายเลือดลอยออกมาจากตัว ไม่รู้ว่าเขาผ่านการทดสอบมามากแค่ไหนกัน เขาเหมือนกับเทพสังหารน้อย
“เสี่ยวจิน เจ้าโตขึ้นเยอะเลย ! ” เจี้ยนเฉินมองไปที่เสี่ยวจินและยินดีอย่างมาก แค่พลังที่เสี่ยวจินแผ่ออกมา เจี้ยนเฉินก็พบว่าพบว่าอีกฝ่ายคือคนที่สามารถแบกรับความรับผิดชอบเอาไว้ได้ เขาไม่ใช่เด็กน้อยคนเดิมอีกแล้ว
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นราชาเทพได้เร็วแบบนี้ เจ้าเป็นถึงราชาเทพช่วงกลาง” เจี้ยนเฉินมองระดับของเสี่ยวจินออกในทันทีและก็ต้องแปลกใจ
ความก้าวหน้าของเสี่ยวจินทำให้เขาแปลกใจจริง ๆ
“พี่ใหญ่ ข้าประสบความสำเร็จเพราะปู่เฉิง มันเพราะปู่เฉิงที่ให้ทรัพยากรมากมายกับข้าซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงขึ้นมาเป็นราชาเทพช่วงกลางได้เร็วเช่นนี้” เสี่ยวจินพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาแสดงความเคารพที่มีต่อปู่เฉิง
แต่เสี่ยวจินเหมือนจะคิดบางอย่างออก เขาสีหน้าหม่นลงและถอนหายใจออกมา “น่าเสียดายที่มันยากจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพี่เสี่ยวหลิง ไม่งั้นแล้วนางคงได้เป็นราชาเทพแบบข้าหรืออาจจะเหนือกว่านั้น”
“หึหึ ข้าไม่ต้องการเป็นราชาเทพหรอก การบ่มเพาะมันน่าเบื่อ มันมีปู่เฉิงกับนายท่านคอยปกป้องข้าในลัทธิปิศาจชั้นฟ้า และมีพี่ใหญ่คอยปกป้องข้าเมื่อออกไปภายนอก ยิ่งกว่านั้นน้องเสี่ยวจินก็แข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว ในอนาคตเจ้าก็สามารถปกป้องข้าได้ ข้าอยากเห็นว่าใครกันที่กล้ารังแกข้าบ้าง ฮึ่ม” เสี่ยวหลิงแลบลิ้นและพูดขึ้นมา นางดูใสซื่อและไม่กังวลสิ่งใด
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวหลิงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ เสี่ยวจินก็เงียบไป เขาโตแล้ว ดังนั้นเขาจึงมองความรู้สึกของนางออก เขาเข้าใจว่าทางเดียวที่จะเอาตัวรอดในโลกนี้ได้คือต้องแข็งแกร่งขึ้น นี่คือกฎพื้นฐาน
คนอื่น ๆ สามารถปกป้องเราได้ชั่วคราว แต่มันคงยากที่จะทำแบบนั้นตลอดไป
เจี้ยนเฉินมองไปที่เสี่ยวหลิงโดยไม่พูดอะไรออกมา ชัดแล้ว่าเขารู้ว่าทำไมเสี่ยวหลิงถึงได้ไม่คิดจะเพิ่มความแข็งแกร่งของนาง มันเพราะนางไม่สมบูรณ์ ร่างกายของนางบกพร่องซึ่งกันไม่ให้จิตใจของนางเติบโต นั่นทำให้นางดูมีอายุแค่ 12 ปีแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน
มันง่ายกว่าสำหรับเสี่ยวหลิง ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมาภายใต้ขอบเขตที่ต่ำกว่าขอบเขตเทพ มันไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจกฎของโลก ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวหลิงก็เป็นจิตธรรมชาติ ดังนั้นนางจึงเกิดมาอยู่ที่ขอบเขตดั้งเดิม โดยพื้นฐานแล้วนางไม่ต้องใช้เวลามากนักในการบ่มเพาะ ผลจากข้อบกพร่องของร่างกายนั้นจึงไม่ได้ร้ายแรง
แต่หลังจากที่ขึ้นมาถึงขอบเขตเทพแล้ว ความเข้าใจกฎของโลกจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นขึ้นมาในการบ่มเพาะ ความสามารถในการคิดที่จำกัดของนางชัดแล้วว่าเป็นตัวจำกัดนางอยู่
“เสี่ยวหลิง ข้าจะแก้ปัญหาของเจ้าให้ได้” เจี้ยนเฉินสาบานกับตัวเอง
ในเสี้ยวพริบตาก็ผ่านไป 3 วัน เจี้ยนเฉินได้ไปพบกับเฉิงหมิงและตกลงที่จะร่วมมือกับลัทธิปิศาจชั้นฟ้าเพื่อโจมตีเมืองหลวงของจักรวรรดิเมฆทวี
เฉิงหมิงไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ เขาได้สั่งการออกมาทันที “เอาล่ะ เมื่อเป็นเล่นนี้ก็ลงมือกันเลย ปีศาจเมฆา, ปีศาจวายุ, ปีศาจโลหิต, ปีศาจคมมีด พวกเจ้าอยู่หรือไม่ ? ”
“คารวะหัวหน้าผู้อาวุโส ! ” ทั้งสี่ปรากฏตัวขึ้นมาจากความมืดมิด ทุคกนต่างก็มีพลังมหาศาลและมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัว
ทั้งสี่คนคือแม่ทัพของลัทธิปิศาจชั้นฟ้า
แต่เดิมแล้วลัทธิปิศาจชั้นฟ้ามีแม่ทัพ 5 คน หนึ่งในนั้นตายไปด้วยฝีมือของปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ ตอนที่เขาออกไปยังที่ราบเมฆากับหัวหน้าผู้อาวุโส ดังนั้นจึงเหลือแม่ทัพแค่ 4 คน
เจี้ยนเฉินหรี่ตาลง เขาบอกได้ทันทีว่าทั้งสี่คนต่างก็เป็นยอดฝีมือบรรพกาล
แต่ทั้งสี่กลับแสดงท่าทีเคารพต่อเฉิงหมิง
“สั่งการออกไป ให้กองทัพทั้งหมดเดินหน้าและเริ่มโจมตีจักรวรรดิเมฆทวี” หัวหน้าผู้อาวุโสสั่งการออกมา
“ขอรับ หัวหน้าผู้อาวุโส ! ”