เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 257 : ความกดดัน
ตอนที่ 257 : ความกดดัน
เมื่อเห็นว่าคนของนิกายเทียนหัวค่อนข้างมีท่าทีที่สุภาพและไม่ได้มีแววจะสร้างปัญหา เจี้ยนเฉินก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจออกมาอย่างแปลกแปลก เขาไม่ใช่คนที่ต่อสู้เพียงคนเดียวเพราะเขายังมีกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีอยู่ ดังนั้น เจี้ยนเฉินถึงไม่ต้องการที่จะไปทำให้คนที่ทรงพลังมากเกินไปโกรธเข้า ไม่อย่างนั้น ทหารรับจ้างอัคนีคงจะต้องเจอกับการถูกทำลายล้างเป็นครั้งที่ 2
เจี้ยนเฉินทักทายทั้งสามคนและพาพวกเขาทั้งสามเข้าไปที่ลานของตระกูลไค่
ภายในลานส่วนตัวของเจี้ยนเฉิน เขาและชายทั้งสามจากนิกายเทียนหัวก็นั่งอยู่ที่โต๊ะหินก่อนที่เขาจะยิ้มกว้างออกมา “สหาย ข้าได้ยินมาว่านิกายเทียนหัวนั้นอยู่ห่างจากเมืองเวค 2,000 กิโลเมตร ท่านต้องรีบรุดมาที่นี่เป็นแน่ จริงหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินไม่เสียเวลาพูดโยกโย้และเข้าประเด็นทันที
ชายทั้งสามมองหน้ากันและกันอย่างลังเลก่อนที่ฉิงหยุนจะกระแอมออกมา “ความจริงก็คือ นิกายเทียนหัวของพวกเราได้ยินมาว่าท่านเจี้ยนเฉินมีแกนอสูรระดับ 5 นั่นเป็นของที่นิกายเทียนหัวต้องการ ดังนั้น หัวหน้าของพวกเราจึงสั่งให้พวกเรามาที่เมืองเวคเพื่อซื้อมันจากท่าน”
เจี้ยนเฉินทำหน้าสลดก่อนที่จะตอบกลับไป “ข้าต้องขอโทษด้วย ข้ามีแกนอสูรระดับ 5 อยู่กับข้าจริง แต่มันก็ไม่ได้มีไว้ขายเพราะข้าก็ต้องใช้มันเหมือนกัน” การฝึกฝนของเจี้ยนเฉินต้องใช้แกนอสูรจำนวนมาก และเพื่อที่จะฟื้นฟูจิตวิญญาณม่วง-ฟ้าทั้งสอง เขาต้องใช้พลังงานปริมาณมหาศาล แม้ว่าเขาจะมีแกนอสูรระดับ 3 และ 4 จำนวนมาก แต่มันก็ยังไม่พอ แกนอสูรระดับสี่ 100 อันเทียบเท่ากับพลังงานของแกนอสูรระดับห้า 1 อัน ดังนั้นเมื่อเขาจึงจำเป็นต้องใช้แกนอสูรระดับ 5 นอกจากนั้น เขาไม่ต้องการเงินอีกด้วย
แกนอสูรระดับ 5 สามารถหาซื้อได้ง่ายในเมืองที่พลุกพล่านซึ่งมีจอมยุทธจำนวนมากอาศัยอยู่ แต่ในเมืองที่ห่างไกลออกไปเช่นเมืองเวคนั้น มันหาได้ยากมาก แม้ว่าพวกเขาจะหามันพบได้ในตลาด แต่ราคามันก็จะสูงเกินไป
ชายกลุ่มนี้รู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะต้องออกมาแบบนี้ แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจขณะที่พวกเขาฟังเจี้ยนเฉินกล่าว แกนอสูรระดับ 5 เป็นสมบัติที่แม้แต่นิกายเทียนหัวยังต้องการ ถ้าพวกเขาไปที่เมืองใหญ่เพื่อที่จะซื้อมัน อันตรายอย่างใหญ่หลวงคงจะตามมา ถ้าข่าวที่พวกเขาซื้อแกนอสูรหลุดออกไป ท้องถนนคงเต็มไปด้วยโจรที่จะเข้ามาชิงมัน ในทวีปเทียนหยวนนั้น ไม่มีโจรที่เป็นเซียนปฐพีมากนัก แต่ก็มีกลุ่มโจรใหญ่หลายกลุ่มและยังมีแม้แต่เซียนสวรรค์ที่ยังต้องการแกนอสูรอีก
หลังจากที่พูดคุยกับสักพัก ชายทั้งสามก็รีบออกไปจากลาน
พวกเขากลับไปที่โรงเตี๊ยมที่พวกเขาออกมาตอนแรก ชายทั้งสามรวมกันอยยู่ในห้องที่ปิดประตูอยู่
“ท่านอาจารย์ ในตอนนี้ พวกเรารู้แล้วว่า เจี้ยนเฉินไม่ปรารถนาที่จะขายแกนอสูรระดับ 5 ของเขา พวกเราควรทำอย่างไรดี ? ” ชายหัวล้านฉิงมู่พูดออกมา
ฉิงหยุนหรี่ตาลง “เจี้ยนเฉินคนนี้ดูหนุ่มมาก แต่จากประสบการณ์ในชีวิตของข้า ข้าบอกได้เลยว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา เขาดูเป็นคนลึกลับพร้อมด้วยความแข็งแกร่งที่น่าประหลาดใจ แม่ว่าพวกเราจะเดาไม่ได้ว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เขาสามารถสู้กับสัตว์อสูรระดับ 5 ได้ นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่ นอกเหนือไปจากนั้น เขายังสามารถฆ่าลุยเซิ่งที่มีความแข็งแกร่งพอ ๆ กับข้าได้อีก”
“ท่านอาจารย์ ถ้างั้นเราควรกลับนิกายหรือเปล่า ? ” ฉิงฉันพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่อยากกลับไป
ชายวัยกลางคนเงียบไปสักพัก “ถ้าเด็กหนุ่มผู้นี้มีความแข็งแกร่งในระดับนี้ละก็ ถ้างั้นเรื่องที่ข้าห่วงก็คือการที่เจี้ยนเฉินมีตระกูลที่แข็งแกร่งที่คอยหนุนหลังเขาอยู่ นี่ไม่ใช่อะไรที่เราจะบุ่มบ่ามตัดสินใจ พวกเราต้องรายงานข้อมูลกลับไปที่หัวหน้าก่อนที่จะดำเนินการขั้นถัดไป ฉิงฉัน ฉิงมู่ พวกเจ้าทั้งสองอยู่ที่เมืองเวคในตอนนี้เพื่อรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น จำไว้ว่าเจ้าต้องไม่สร้างปัญหาให้ตระกูลไค่และรอข้ากลับมา”
“ครับ ท่านอาจารย์” ทั้งสองตอบกลับทันที แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีอายุที่ต่างกันมาก แต่ทั้งฉิงมู่และฉิงฉันก็มีความสำคัญมากในใจของฉิงหยุน
ฉิงหยุนออกไปจากห้องอย่างไม่ลังเลก่อนที่จะขี่สัตว์อสูรระดับ 3 เพื่อที่จะกลับไปที่นิกายเทียนหัวอย่างเร่งรีบ
เจี้ยนเฉินกำลังนั่งอยู่ที่ลานในตระกูลไค่ หลังจากที่ชายทั้งสามคนจากไป เจี้ยนเฉินก็ยังคงนั่งคิดอยู่บนโต๊ะ
ความเย้ายวนของแกนอสูรระดับ 5 ทำให้เขาต้องคิดมากกว่าที่เขาคิดไว้ตอนแรกเยอะ เขาไม่รู้เลยว่าแม้แต่เซียนปฐพียังมาจากที่ไกล ๆ เพื่อที่ต้องการที่จะซื้อแกนอสูรระดับ 5 เจี้ยนเฉินรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขามากพอที่จะทำให้พวกนั้นกลัว ไม่อย่างนั้นเขาก็คงโดนขโมยแกนอสูรไปนานแล้ว
วันนี้เป็นวันที่เขาไล่ตระกูลเซียไปและยังมีนิกายเทียนหัวซึ่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตระกูลเซียมาเยี่ยมอีก ทั้งสองกลุ่มไม่อาจจัดการได้ง่าย ๆ และแต่ละกลุ่มยังมีเซียนปฐพีอีกด้วย ใครจะรู้ว่าจะยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่านี้ปรากฎตัวขึ้นมาในอนาคตอีกไหม?
เซียนปฐพีเป็นจอมยุทธในระดับสูงที่สามารถทำอันตรายเจี้ยนเฉินได้ หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรระดับ 5 ที่เขาได้ต่อสู้ด้วยมา เจี้ยนเฉินก็รู้ว่าถ้าเขาต้องไปเจอเข้ากับเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 1 หรือ 2 ปราณกระบี่ม่วง-ฟ้าของเขาก็คงสามารถที่จะรับมือพวกนั้นได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาต้องไปเจอเข้ากับเซียนปฐพีวัฏจักรที่ 5 หรือที่ 6 โอกาสจะต่ำกว่านั้นมาก
ความแตกต่างระว่างเซียนปฐพีแต่ละขั้นนั้นกว้างมาก ดังนั้นมันจึงถูกแบ่งออกเป็นหกวัฏจักร จากวัฏจักรที่หนึ่งถึงหก ช่องว่างแต่ละช่องก็ห่างกันมาก
ตระกูลเซี่ยและนิกายเทียนหัวมีเซียนปฐพีที่เป็นอันตรายกับเจี้ยนเฉินและกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีของเขา แม้ว่าเขาจะมีเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษอยู่มาก แต่การที่จะต้องสู้กับกลุ่มใหญ่ เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะเลย
“พวกเราต้องใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ข้าต้องใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มความแข็งแกร่งของข้า” เจี้ยนเฉินพูดอย่างแน่วแน่ก่อนที่จะกลับไปที่ห้องของเขา
เจี้ยนเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง เขาถือแกนอสูรระดับ 4 เอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างในขณะที่เขาเริ่มคิดกับตัวเอง หลังจากที่เขาได้พัฒนาการกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษและได้รู้ถึงการมีอยู่ของจิตวิญญาณกระบี่ม่วง-ฟ้าแล้ว เขาก็รู้ว่าจิตวิญญาณทั้งสองอยู่ในความยากลำบากมากและต้องการพลังงานมหาศาลเพื่อที่จะฟื้นฟูขึ้นอย่างช้า ๆ การที่จิตวิญญาณกระบี่ทั้งสองอ่อนแอมีส่วนในความแข็งแกร่งของปราณกระบี่ด้วย เจี้ยนเฉินสามารถช่วยจิตวิญญาณกระบี่ในการฟื้นฟูความแข็งแกร่งได้ แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำได้ขนาดไหนเมื่อเขาต้องใช้พลังงานปริมาณมหาศาล
ในตอนนี้ เขามี 2 วิธีเพื่อที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา
อย่างแรกคือเขาใช้พลังงานทั้งหมดที่เขาฝึกฝนแก่จิตวิญญาณกระบี่ทั้งสองเพื่อที่จะให้พวกเขาฟื้นฟู แบบนี้จิตวิญญาณกระบี่ก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
อย่างที่สองคือใช้พลังงานทั้งหมดและเพิ่มความแข็งแกร่งและความสามารถให้กับเขาเอง อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาใช้วิธีการที่สอง ถ้าเขาไม่สามารถฝึกฝนให้เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับสูงได้ เขาก็ไม่สามารถที่จะต่อกรกับเซียนปฐพีได้ด้วยตัวเอง
เจี้ยนเฉินคิดอยู่กับตัวเองสักพักโดยที่ยังไม่ตัดสินใจ ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจที่จะใช้เส้นทางที่สองเพื่อที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา แม้ว่าจิตวิญญาณกระบี่ม่วง-ฟ้าจะแข็งแกร่งมาก แต่ในท้ายที่สุด มันก็เป็นพลังของคนอื่นไม่ใช่ของเขาเอง ถ้าเขาพึ่งมันมากเกินไป เขาก็คงไม่สามารถช่วยตัวเองได้ในการมีชีวิตอยู่ที่โลกใหม่นี้