เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2583: เห็นต่าง
ตอนที่ 2583: เห็นต่าง
“ไม่ต้องกังวล ตระกูลเทียนหยวนของเราได้เริ่มสงครามกับพวกเขาแล้ว มันจะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ไม่ช้าก็เร็ว” เจี้ยนเฉินยักไหล่และพูดโดยไม่ใส่ใจเพื่อให้เทียนซวงเลิกกังวล
เทียนซวงได้รับโถงศักดิ์สิทธิ์จากเจี้ยนเฉิน นางปล่อยซิงเอ๋อและหลานเอ๋อที่ถูกขังอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์
ผ่านไปหลายปี องค์หญิงทั้งสองก็งดงามขึ้น ทั้งสองคนไม่เพียงแต่มีร่างกายที่เป็นเอกลักษณ์ของร่างหยินสวรรค์และร่างวิถีแรกกำเนิด แต่ความงามของพวกนางก็เพียงพอที่จะส่องแสงประชันกับจันทรา พวกนางยังมีบุคลิกประจำตัวอันสูงส่งเนื่องจากการเลี้ยงดู นั่นเพียงพอแล้วที่จะดึงดูดผู้คนให้อยากครอบครองพวกนาง
แต่ตอนนี้ทั้งคู่หน้าซีด ความสิ้นหวังความเศร้าและความโกรธท่วมท้นดวงตา
พวกนางถูกมู่หลินลักพาตัวไป พวกนางเฝ้าดูบรรพชนทั้งสองของจักรวรรดิเสิ่นเตาตาย และพ่อที่บาดเจ็บสาหัสของพวกนางก็ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ทั้งหมดนี้ฝังแน่นอยู่ในหัวของพวกนาง พวกนางทำใจลำบากที่จะยอมรับสิ่งนี้ เนื่องจากพวกนางไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน
ซิงเอ๋อและหลานเอ๋อหันกลับมาด้วยสายตาที่ค่อนข้างกังวลทันทีที่พวกนางโผล่ออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่พวกนางเห็นเทียนซวงยืนอยู่ข้าง ๆ ในที่สุดความมีชีวิตชีวาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาที่หม่นหมองของพวกนาง
“บรรพชน ! ” ซิงเอ๋อและหลานเอ๋อต่างก็ร่ำไห้อย่างเสียใจ พวกนางเกาะแขนเทียนซวงขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม ร่างของพวกนางสั่นเบา ๆ
“ซิงเอ๋อ, หลานเอ๋อ ไม่ต้องกลัว ตอนนี้พวกเจ้าปลอดภัยแล้ว เจี้ยนเฉินช่วยพวกเจ้าไว้” เทียนซวงมองพวกนางสองคนด้วยความรักใคร่ นางพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ซิงเอ๋อ,หลานเอ๋อ ขอบคุณผู้นำเจี้ยนเฉินสิ”
ด้วยเหตุนี้ซิงเอ๋อและหลานเอ๋อจึงเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบ ๆ พวกนางเห็นหัวที่เปื้อนเลือดอยู่ใกล้ ๆ เพียงแวบเดียว ดวงตาของพวกนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังทันที
หลังจากนั้นพวกนางก็หันไปมองเจี้ยนเฉินและขอบคุณเขา พวกนางกำลังเศร้าโศก
“บรรพชน ชายคนนี้เป็นใคร ? จักรวรรดิเสิ่นเตาของเรามีความคับแค้นใจอะไรกับเขาหรือ ? ทำไมเขาถึงมาทำลายจักรวรรดิเสิ่นเตาของเรา ? ” ซิงเอ๋อจ้องไปที่หัวของมู่หลินด้วยความเกลียดชังขณะที่นางกัดฟันแน่น
“เขาไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับจักรวรรดิเสิ่นเตาของเจ้าเลย ข้าเดาว่าเขาทำร้ายพวกเจ้าเพียงเพราะพวกเจ้าอยู่ฝ่ายเดียวกับพันธมิตรชอบธรรม” เจี้ยนเฉินตอบคำถามของซิงเอ๋อ
อันที่จริงเจี้ยนเฉินรู้ดีอย่างยิ่งว่ามู่หลินมาเพื่อร่างกายที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกนาง การทำลายจักรวรรดิเสิ่นเตาอาจเป็นเรื่องรอง อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะช่วยองค์หญิงทั้งสองไม่ให้รู้สึกผิดไปมากกว่านี้ เขาจึงให้เหตุผลของพันธมิตรชอบธรรม
มิฉะนั้นหากองค์หญิงทั้งสองรู้ว่าพวกนางเป็นสาเหตุของวิกฤตการณ์ของจักรวรรดิเสิ่นเตา พวกนางก็คงไม่มีวันให้อภัยตัวเอง พวกนางจะจมอยู่กับความเจ็บปวดและโทษตัวเอง
“ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ จักรวรรดิเสิ่นเตาจะไม่ถูกทำลาย สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นเพียงบททดสอบบนเส้นทางของจักรวรรดิเสิ่นเตาสู่ความแข็งแกร่ง ซิงเอ๋อ, หลานเอ๋อ อยู่กับตระกูลเทียนหยวนไปก่อน ข้าจะกลับไปที่จักรวรรดิเสิ่นเตาและตรวจสอบสถานการณ์ที่นั่น” เทียนซวงกล่าว ตอนนี้นางสงบลงอย่างสมบูรณ์ นางสำรวมและแสดงออกอย่างบรรพชนของจักรวรรดิเสิ่นเตา
ด้วยเหตุนี้ นางจึงออกจากตระกูลเทียนหยวนเพียงลำพังและกลับไปที่จักรวรรดิเสิ่นเตาด้วยแผ่นอาคมเส้นทางสวรรค์
ในเวลาเดียวกันบรรพชนทั้งห้าของพันธมิตรสี่เส้าได้รวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่
“มู่หลินตายแล้ว เราไม่สามารถเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้อีก เขาเป็นผู้คุ้มกันเพียงคนเดียวที่มาจากที่ราบประกายดาวพร้อมกับนายน้อยประกายดาว การตายของเขาอาจจะทำให้นายน้อยประกายดาวโกรธมาก สายลมพลิ้ว เห็นได้ชัดว่าเจ้าสามารถช่วยมู่หลินได้แต่เจ้าไม่ได้ทำ นั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริง ๆ หรือ ? ” กงจี้ หนึ่งในบรรพชนทั้งห้าถาม เห็นได้ชัดว่ามีความสงสัยในน้ำเสียงของนาง
“ถ้าเราไม่ขัดขวางก็เท่ากับเราก็ไม่ได้เข้าไปยุ่ง แต่เมื่อเราเข้าไปเกี่ยวข้อง เราจะเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องทั้งหมด นายน้อยประกายดาวดูเหมือนจะอยู่เคียงข้างเราในตอนนี้ แต่เรายังไม่สามารถเป็นพันธมิตรกับภูเขาประกายดาวได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่สามารถแทรกแซงได้เลย เมื่อเราทำให้เจี้ยนเฉินขุ่นเคือง นั่นก็เท่ากับเป็นการล่วงเกินพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง” บรรพชนสายลมพลิ้วกล่าวด้วยความกังวล
“สายลมพลิ้ว เจ้าขี้ขลาดเกินไปแล้ว เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าหากเราทำสิ่งต่าง ๆ แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ และยังไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือนายน้อยประกายดาวอย่างจริงจัง เท่ากับว่าเราขับไล่เขาและเขาจะจากเราไปในที่สุด ? ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดเพื่อพันธมิตร เจ้าต้องการเป็นพันธมิตรกับนายน้อยประกายดาว ในขณะเดียวกันเจ้าก็ไม่อยากล่วงเกินพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง อย่างไรก็ตาม หากเจ้าไม่ยอมลงทุนเต็มที่ เจ้าจะได้รับสิ่งตอบแทนได้อย่างไร ? ” วูหลู หนึ่งในห้าบรรพชนกล่าวอย่างแน่วแน่ เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดของบรรพชนสายลมพลิ้วอย่างชัดเจน
“สายลมพลิ้ว เดิมทีข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้าโดยคิดว่าเราควรจะลองสานไมตรีกับนายน้อยประกายดาวและหลีกเลี่ยงการรุกรานตระกูลเทียนหยวนและพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง อย่างไรก็ตาม จากการเหตุการณ์ที่ผ่านมา ข้าก็ค่อย ๆ เข้าใจบางอย่าง สิ่งต่าง ๆ จะสมบูรณ์แบบในโลกนี้ได้อย่างไร ? ข้าคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ ถ้าเราทำตัวแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ เราก็จะสูญเสียทุกอย่างและจบลงด้วยความทุกข์แทน” กงจี้กล่าวอย่างเคร่งเครียด นางเห็นด้วยกับวูหลูในเรื่องนี้
วันนี้ความไม่ลงรอยกันครั้งแรกเกิดขึ้นระหว่างบรรพชนของพันธมิตรสี่เส้าตั้งแต่การก่อตั้ง ในที่สุด พวกเขาก็ยุติการประชุมด้วยความไม่ลงรอย
“อะไรนะ ? มู่หลินตายแล้วรึ ? เขาถูกเจี้ยนเฉินฆ่าด้วยตัวเอง ? ” ไม่นานนายน้อยประกายดาวก็ได้รับข่าวการเสียชีวิตของมู่หลินในบ้านพักหรูหราภายในพันธมิตรสี่เส้า เขาบินออกไปอย่างโกรธเกรี้ยวทันที
“ เอาล่ะ ได้เลย ได้เลย เจี้ยนเฉิน ข้าสาบานว่าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า เจ้าฆ่าคนของข้า ข้าจะไม่กลับไปยังที่ราบประกายดาวจนกว่าเจ้าจะตาย” นายน้อยประกายดาวขบฟันขณะที่ใบหน้าของเขาแดงก่ำจากความโกรธ
ในขณะนั้นจิตสังหารและความแค้นของเขาที่มีต่อเจี้ยนเฉินพุ่งไปถึงขีดสุด
ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยคิดแค้นหรือเกลียดใครมากขนาดนี้มาก่อน
“หากนายน้อยวางแผนที่จะจัดการกับตระกูลเทียนหยวน ข้าสามารถช่วยได้” ในขณะนี้มีเสียงดังขึ้น หญิงชราเดินเข้ามาทีละก้าว
นางเป็นหนึ่งในบรรพชนห้าคนของพันธมิตรสี่เส้า กงจี้
“และข้า ! ” ด้านหลังนาง วูหลูก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน
บรรพชนสองในห้าคนมาที่บ้านพักของนายน้อยประกายดาวด้วยกัน พวกเขาปกปิดพลังแห่งการมีอยู่ของตัวเอง พวกเขาดูเหมือนมนุษย์ทั่วไป