เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2600: ชัยชนะอย่างแท้จริง
ตอนที่ 2600: ชัยชนะอย่างแท้จริง
“ด้วยการรวมพลังของเรา เราอาจจะมีพลังพอ ๆ พี่จื้อเจี้ยนและพี่เยว่เฉาได้” เจี้ยนเฉินตกตะลึงเมื่อเขาสัมผัสพ พลังที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน
ในบรรดาทั้งห้าคน หยุนซื่อติงเป็นขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 5, ซูฉีเป็นขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 3, ไป่หรูเฟ ฟิงเป็นขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 และฉิงฉานเพิ่งจะทะลวงขั้นอสงไขยเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง
หากเป็นผู้บ่มเพาะคนอื่น แม้ว่าพวกเขาจะรวมพลังกันผ่านค่ายกลรูปแบบต่าง ๆ พวกเขาก็ไม่อาจมีพลังเกินกว่าขั้น บรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 9 ได้อย่างแน่นอน
พลังที่รวมกันระหว่างชั้นสวรรค์ที่ 5 และชั้นสวรรค์ที่ 9 ของขั้นบรรพกาลได้แปรผันตามปริมาณเพียงอย่างเดียว นอ อกจากนี้ยังมีความแตกต่างในด้านคุณภาพ
อย่างไรก็ตามเชื้อสายนักรบวิญญาณสามารถทำสิ่งเหล่านี้สำเร็จได้อย่างง่ายดายผ่านข่ายวิญญาณนักรบ
“ศิษย์น้องแปด เราจะฆ่าใครดี ? ” เสียงของฉิงฉานดังขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉิน
ในขณะที่พวกเขายืนอยู่ในข่ายวิญญาณนักรบ พวกเขาทั้งห้าสามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องเอ่ยปากพูด พวกเขาจำเป็นต้ องใช้ความคิดเท่านั้น พวกเขาต้องการเพียงแค่คิด อีก 4 คนก็สัมผัสได้ในเวลาเดียวกัน มันลึกซึ้งอย่างมาก
“เรามาเลือกคนอ่อนที่สุดกันก่อน มันจะง่ายกว่าถ้าเราเริ่มจากคนที่อ่อนแอกว่า เราไม่อาจฆ่าคนที่แข็งแกร่งได้ ภายในการโจมตีครั้งเดียว” เจี้ยนเฉินพูด เป็นการดีที่จะฆ่าคนได้ในทีเดียว ดีกว่าจำทำร้ายพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นศพ พของอัครสูงสุดยังเป็นสิ่งที่ล่อลวงใจเกินกว่าจะพลาด
เพียงศพเดียวของผู้เชี่ยวชาญในระดับนั้นก็สามารถทำให้กล้วยไม้กลืนกินอมตะเติบโตมากมาย
ความต้องการของกล้วยไม้กลืนกินอมตะนั้นจำเป็นต้องการศพเพิ่มในอนาคต ความต้องการในระดับการบ่มเพาะของมันก็จะเพิ่ มด้วยเช่นกัน เขาจึงจำเป็นต้องรวบรวมให้ได้มากที่สุด
“แม้ว่าเราจะอยู่ในข่ายวิญญาณนักรบ แต่เราก็สามารถทำร้ายอัครสูงสุดได้ด้วยพลังของพวกเราทั้งห้าคน การฆ่าพวก กนั้นค่อนข้างยาก ใช้พลังวิญญาณนักรบของเจ้าเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ของข้าวุ่นวาย ปล่อยให้การสังหารเป็นหน้าที่ของศ ศิษย์พี่อย่างข้าแทน” จื้อเจี้ยนกล่าวอย่างลับๆ เขาต่อสู้กับเจิ้งหู่และจางหยุนเฟิงจากพันธมิตรสี่เส้า เขาใช้พลั งวิญญาณนักรบขั้นสูงเพื่อที่จะให้เจิ้งหู่และจางเฟิงหยุนวุ่นวายชั่วคราว
เจี้ยนเฉินเหลือบมองลงไป เขาเข้าใจผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดของพันธมิตรสี่เส้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “ทั้งสองคนคือจาง งหยุนเฟิงและเจิ้งหู่ พวกเขาทั้งสองได้กลายเป็นอัครสูงสุดเมื่อหลายปีก่อน แต่มีคนบอกว่าเจิ้งหู่เพิ่งจะเป็นอัคร รสูงสุดได้ไม่นาน งั้นก็ฆ่าเขาก่อน” ดวงตาของเจี้ยนเฉินเย็นชา เขาไม่มีความสงสารเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้เข้าได้เข้าร่วมกับพันธมิตรสี่เส้าอย่างสมบูรณ์แล้ว พวกเขาเป็นศัตรูกัน เมื่อรวมกับปัจจัยว่านายน้อยประก กายดาวแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างของพวกเขานั้นมีเพียงอย่างเดียว คือต้องตายกันไปข้างหนึ่ง
“งั้นจัดการจางเฟิงหยุนให้วุ่นวายและให้เวลาศิษย์พี่รองจัดการ” หยุนซื่อติงกล่าวทันที
ในเวลาต่อมา ข่ายนักรบวิญญาณก็ส่องสว่าง พลังที่สามารถต่อสู้กับขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 9 ได้ปะทุขึ้นทันที และยิงออกมาจนเป็นลำแสงพร่างพราว มันพุ่งไปทางจางเฟิงหยุน
จางเฟินหยุนขมวดคิ้ว เขาเคร่งเครียดอย่างมาก ในฐานะที่เป็นอัครสูงสุด การโจมตีจากขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 9 9 นั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา แต่เขาไม่กล้าดูถูกเชื้อสายนักรบวิญญาณ
เขาใช้ชุดเกราะวัตถุเทพทันที พลังปราณพลุ่งพล่านรอบ ๆ ตัวของเขาและเต็มไปด้วยพลังของกฏ เขายื่นนิ้วออกไป
ท่าทางนั้นมีพลังทีน่ากลัวของอัครสูงสุด ท่าทางนั้นราวกับสามารถยึดครองโลกผ่านความจริงอันลึกซึ้ง
นี่คือเหตุผลว่าทำไมอัครสูงสุดถึงน่ากลัว ความเข้าใจของพวกเขาเกี่ยวกับวิถีของโลกได้มาถึงระดับที่ลึกซึ้งแล้ว การโจมตีแบบสบาย ๆ จากพวกเขาสามารถยึดครองโลกได้สบาย ๆ
ตูม !
ด้วยเหตุนี้ การโจมตีจากข่ายวิญญาณนักรบก็ได้กระจายออกไปโดยจางเฟิงหยุน แม้ว่าการโจมตีจะมีพลังถึงขั้นบรรพกาลชั้น นสวรรค์ที่ 9 จากการรวมพลังโจมตีซึ่งเทียบเท่ากับจื้อเจี้ยนและเยว่เฉา แต่มันก็ยังคงห่างกันเล็กน้อยระหว่างทั งสองคน
อย่างไรก็ตามจางเฟิงหยุนทำได้เพียงสลายพลังเท่านั้น ไม่มีอะไรที่เขาทำได้เกี่ยวกับพลังวิญญาณนักรบที่โจมตีเข้ามา า
พลังวิญญาณนักรบระเหยก่อนที่จะหลอมรวมกับมิติ มันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าและสัมผัสวิญญาณ มันพุ่งเข้าหาจางเฟิงหยุ นโดยที่เขาไม่อาจหยุดได้
แม้ว่าจางเฟิงหยุนจะมีวัตถุเทพปกป้อง แต่เขาก็ไม่อาจหยุดพลังวิญญาณนักรบได้
สีหน้าของจางเฟิงหยุนเปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที ในตอนนี้การโจมตีของเขาเฉื่อยลงนิดหน่อย
“ทักษะการทำลายวิญญาณ ! ” บนภูเขาวิญญาณ พลังของพวกเขาทั้งหมดได้หลอมรวมที่ร่างของหยุนซื่อติง เพียงความคิด ทั้งสี่ก็รู้สึกได้ทันทีว่าพลังวิญญาณนักรบของพวกเขาลดลงอย่างมาก ด้วยการใช้ทักษะการทำลายวิญญาณทำให้กลายเป็น นกระบี่ล่องหนเล่มที่สองแทงซ้ำไปที่วิญญาณของจางเฟิงหยุนในพริบตา
การโจมตีครั้งนี้มีพลังมากกว่าครั้งล่าสุด จางเฟิงหยุดฮึดฮัดออกมา เขารู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของเขาถูกเข็มแทง ง เขาปวดหัวอย่างมาก
จางเฟิงหยุนรู้สึกได้ถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย หากจื้อเจี้ยนทำร้ายเขาในเวลานี้ เขาต้องเผชิญหน้ากับการคุกคามที่ม มันถึงชีวิต โดยไม่ลังเล เขาถอยห่างจากจื้อเจี้ยนทันที เขาพร้อมที่จะต่อสู้ก็ต่อเมื่อพลังวิญญาณของเขาฟื้นตัว
เมื่อจางเฟิงหยุนถอยไป เหลือเพียงเจิ้งหู่เท่านั้นที่สู้กับจื้อเจี้ยน
“ไม่มีใครแล้ว เจ้าไม่อาจต่อสู้กับข้าได้ การฆ่าเจ้ามันก็แค่ของกล้วย ๆ ” จื้อเจี้ยนพูดอย่างเย็นชา ทันใดนั้นดวง งตาของเขาก็กลายเป็นสีดำสนิทราวกับหลุมมิติ มันซ่อนพลังงานที่น่ากลัวอย่างมาก
ใบหน้าของเจิ้งหู่เปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเขาเห็นดวงตาของจื้อเจี้ยน เขารู้ทันทีว่ามันเป็นอย่างไร นี่ไม่ใช่พลั งวิญญาณนักรบที่โจมตีออกมาตามปกติ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเจิ่งหู่จะระวังตัว แต่ก็สายเกินไป พลังวิญญาณนักรบไม่อาจป้องกันได้และจื้อเจี้ยนสามารถใช้พลัง งวิญญาณนักรบได้เพียงแค่คิด เมื่อเจิ้งหู่สังเกตเห็นดวงตาของจื้อเจี้ยน พลังวิญญาณนักรบก็พุ่งออกไปแล้ว มันมาถึ งภายในเสี้ยววินาที
ทันใดนั้น เจิ้งหู่ก็ส่งเสียงฮึดฮัดออกมา เขาเริ่มเซในขณะที่พยายามทนต่อความเจ็บปวดจากวิญญาณของเขา เขาสูญเสียส สัมผัสรอบ ๆ ตัวของเขาไปชั่วคราว
วูบ !
ในเวลาเดียวกัน มีแสงวาบขึ้นและกระบี่ของจื้อเจี้ยนก็กวาดแทงออกไปที่หัวของเจิ้งหู่ราวกับสายฟ้า
เจิ้งหู่ตาย
จื้อเจี้ยนสะบัดกระบี่ของเขาและโยนศพของเจิ้งหู่ไปที่ภูเขานักรบวิญญาณหลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปหาจางเฟิงหยุน น
“เจิ้งหู่ตายแล้วจริง ๆ….” จางเฟิงหยุนค่อย ๆ ฟื้นตัว เขาจ้องไปที่ศพของเจิ้งหู่อย่างเหม่อลอยขณะที่หน้าผากของ งเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น
“บัดซบ….” กงจี้, วูหลูและคนอื่น ๆ ต่างก็สบถออกมา ด้วยการเสียชีวิตของเจิ้งหู่ พวกเขาสูญเสียผู้เชี่ยวชาญระดับ บสูงไปอีกคน ชัยชนะของพวกเขาค่อย ๆ ลอยห่างออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ
เหลาม่านเทียนและเหอยี่เต๋าต่างก็เครียด พวกเขาจ้องไปที่ศพของเจิ้งหู่อย่างเงียบ ๆ
“ถอยกันเถอะ” บรรพชนสายลมพลิ้วถอนหายใจเบา ๆ ในตอนนี้เขามืดหม่นมาก เขามองไปที่โจวซีเตา, ตงวู่หมิงและเลี่ย ยหวานหวู่จิที่ไม่ได้เข้าร่วมสู้ก่อนที่จะหันหลังและจากไป
กงจี้, วูหลูและจางเฟิงหยุนรู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้พวกเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พวกเขาหยุดต่อสู้และถอยกลับอย่างไม ม่ลังเล
เหลาม่านเทียนและเหอยี่เต๋าชำเลืองมองกันและกัน พวกเขากัดฟันและถอยเหมือนกับคนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้กลับไปที่เผ่าเทพที่ร่วงหล่นและสำนักเต๋าฉุกเฉิน แต่พวกเขาตรงไปที่สำนักงานใหญ่ของพันธ ธมิตรสี่เส้า
ในเวลาเดียวกัน ค่ายกลทั้งหมดรอบ ๆ สำนักงานใหญ่ของพันธมิตรสี่เส้าถูกเปิดใช้งาน มันปลดปล่อยพลังที่ทรงพลังที่สุด ของมันออกมา พันธมิตรสี่เส้าเข้าสู่สภาวะระวังตัวสูงสุด