เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2603: กลายเป็นอาหาร
ตอนที่ 2603: กลายเป็นอาหาร
ในเวลาเดียวกัน เผ่าเทพที่ร่วงหล่นไม่อาจสู้กับครอบครัวตงได้เลย อัครสูงสุดและขั้นบรรพกาลทั้งหมดของพวกเขาหายไป ในทางกลับกันครอบครัวตงเลือกที่จะล้างตระกูล พวกเขาใช้ขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 4 ของพวกเขากับขั้นอสงไขยของเผ่าเทพที่ร่วงหล่น และขั้นอสงไขยของครอบครัวตงสังหารเหนือเทพของเผ่าเทพที่ร่วงหล่น
ทำให้ คนของเผ่าเทพที่ร่วงหล่นต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีการบ่มเพาะเหนือกว่า 1 ขึ้น ตามปกติแล้วพวกเขาไม่อาจรับมือได้
การต่อสู้ที่ปะทุขึ้นในเผ่าเทพที่ร่วงหล่นนั้นรุนแรงมาก ในช่วงเวลาสั้น ทั้งเผ่าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งห้าคนของเผ่าเทพที่ร่วงหล่นกลายเป็นสิ่งที่พวกเขาปรารถนาของผู้เชี่ยวชาญครอบครัวตง เนื่องจากแหวนมิติของพวกเขานั้นน่าดึงดูดอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ต้องส่งคน ๆ หนึ่งออกไปเพื่อเก็บแหวนมิติ
“หลัวเหอปิง เจ้าคงไม่คิดว่าเจ้าจะมีวันนี้ใช่หรือไม่ ? ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้อาวุโสสูงสุดของครอบครัวตง ตงเซียว หิ้วคอหลัวเหอปิงและยกขึ้นมาบนอากาศก่อนที่จะหัวเราะอย่างสะใจ
หลัวเหอปิงไม่ถูกกับเขามาก่อนหน้านี้แล้ว เขาต้องการฆ่าหลัวเหอปิงตั้งนานแล้ว น่าเสียดายที่พวกเขาทั้งคู่เป็นบุคคลระดับสูงของทั้งสองตระกูลบนที่ราบเมฆา เพื่อที่จะไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลแย่ลงไป เขาได้เพียงแค่เก็บความแค้นนี้ไว้ลึก ๆ
ตอนนี้ศพของหลัวเหอปิงอยู่กับเขา เขารู้สึกพอใจอย่างมาก แม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของเขาก็ตาม
“หลัวเหอปิง แม้ว่าข้าจะไม่ได้ฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเอง แต่ข้าก็สามารถทำลายศพของเจ้าได้จนแหลกเป็นชิ้น ๆ ” ตงเซียวหัวเราะเสียงดัง มีความเย็นชาผ่านสายตาของเขา เขากำลังทำลายศพของหลัวเหอปิงหลังจากนี้
อย่างไรก็ตามในตอนนี้มีแสงพุ่งเข้ามา เจี้ยนเฉินมาถึงข้าง ๆ ตงเซียวและป้องมือใส่เขา “ผู้อาวุโส นี่คือศพของขั้นบรรพกาล การทำลายมันค่อนข้างน่าเสียดาย ทำไมท่านไม่ปล่อยให้ข้าจัดการล่ะ ? ”
ใบหน้าของตงเสี่ยวหมองลงทันที อย่างไรก็ตามเมื่อเขาหันกลับไปและเห็นเจี้ยนเฉิน อารมณ์ร้าย ๆ ของเขาก็หายไปทั้งหมดทันที เขาเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มและพูดอย่างเป็นมิตรว่า “เป็นผู้นำตระกูลเทียนหยวนนี่เอง ได้เลย เมื่อผู้นำร้องขอ ข้าก็จะให้ศพไอ้สวะลั่วปิงเหอกับผู้นำ”
ตงเซียวหยุดสักพัก ก่อนที่จะมีท่าทางลังเล เขาหยิบแหวนมิติออกจากศพของหลัวเหอปิง “ท่านผู้นำ นี่คือแหวนมิติของหลัวเหอปิง ท่านควรรับมันไปด้วย”
ตงเซียวเป็นหนึ่งในสี่ผู้อาวุโสสูงสุดขั้นบรรพกาลของครอบครัวตง โดยพื้นฐานแล้วเขามีระดับสูงในตระกูล อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มีท่าทีหยิ่งยโสเลยเมื่อเผชิญหน้ากับเจี้ยนเฉิน เขาดูสุภาพมาก
ขั้นบรรพกาลทั้งหมดในที่ราบเมฆาได้เห็นการต่อสู้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่อวกาศรอบนอก
ทำให้ขั้นบรรพกาลทั้งหมดหรือแม้แต่ขั้นอสงไขยบางส่วนบนที่ราบเมฆาได้รับรู้ว่าพลังที่อยู่เบื้องหลังของเจี้ยนเฉินนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด
“ข้าเพียงต้องการศพ ท่านเก็บแหวนมิติไว้เถอะ” เจี้ยนเฉินกล่าว เขาไม่ได้ยโสเลย แต่เขากลับถ่อมตัว เขาจับศพของหลัวเหอปิงและโยนเข้าไปในโถงเมฆธารา
“สหายข้า เจี้ยนเฉิน ดูเหมือนต้องการศพมาก สมาชิกทุกคนในครอบครัวตงอย่าทำลายศพแม้แต่ศพเดียว ไม่ต้องสนใจความแข็งแกร่งของศพ พยายามทำให้ศพของเผ่าเทพที่ร่วงหล่นครบสามสิบสองมากที่สุด” ตงวู่หมิงพูด
ทันใดนั้น ทุกคนในครอบครัวตงก็ระมัดระวังมากขึ้น เมื่อพวกเขาสังหารศัตรู พวกเขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ร่างกายทั้งหมดอยู่ครบสมบูรณ์
“ขอบคุณ ผู้อาวุโส ! ” เจี้ยนเฉินหันไปขอบคุณอย่างเร่งรีบ
“ฮิฮิ เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนี้ ครอบครัวตงของเราควรขอบคุณเจ้าแทน ถ้าไม่ใช่เพราะเชื้อสายนักรบวิญญาณของเจ้า ครอบครัวตงจะทำอย่าวนี้ได้รึ” ตงวู่หมิงพุ่งเข้ามาหาเจี้ยนเฉินและยิ้มเหมือนชายชราใจดี
หลังจากพูดอย่างนั้น ศพขั้นบรรพกาลอีก 4 ศพก็มาถึงมือเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินก็เก็บมันไปทั้งหมด แม้แต่ขั้นอสงไขย เขาก็ไม่พลาด พวกมันถูกเก็บไว้ในโถงเมฆธาราเพื่อเอาไว้เป็นอาหารของกล้วยไม้กลืนกินอมตะ
แน่นอน เจี้ยนเฉินไม่เอาไปหมด เขาเอาเฉพาะศพและทิ้งแหวนมิติทั้งหมดให้กลับครอบครัวตง
หลังจากรวบรวมแหวนมิติของขั้นบรรพกาลทั้งห้าคนจากเผ่าเทพที่ร่วงหล่นแล้ว ตงเซียวก็มุ่งความสนใจไปที่ขั้นอสงไขยของเผ่าเทพที่ร่วงหล่น เขาเริ่มเข่นฆ่าพวกเขาทั้งหมด
มีผู้อาวุโสขั้นอสงไขย 20-30 คนในเผ่าเทพที่ร่วงหล่น แม้ว่าจะมีหลายคน แต่พวกเขาก็ตายไปทีละคนในขณะที่พวกเขาถูกตามล่าจากขั้นอสงไขย 4-5 คนจากครอบครัวตง
แม้แต่ขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ไม่อาจหลีกหนีความตายได้
“ครอบครัวตง เจ้าไม่สนใจมิตรภาพของพวกเขามาหลายปีและฆ่าล้างเผ่าเทพที่ร่วงหล่นของเรา…” ชายชราขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 8 ตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและไม่อาจยอมรับสถานการณ์นี้ได้
ไม่มีใครสนใจเขาหรือสงสารเขา ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้เห็นสิ่งที่เกิดในอวกาศรอบนอก หากเชื้อสายนักรบวิญญาณไม่ปรากฎตัวอย่างกะทันหัน เผ่าเทพที่ร่วงหล่นก็จะไม่ถูกทำลาย แต่เป็นครอบครัวตงของพวกเขาเอง
“กล้วยไม้กลืนกินอมตะ เจ้าได้รับอาหารมื้อใหญ่สำหรับศพที่นี่ ไป นี่เป็นโอกาสดีครั้งหนึ่งในชีวิต” เจี้ยนเฉินลอยอยู่บนอากาศและเรียกกล้วยไม้กลืนกินอมตะออกมา
กลีบดอกไม้ที่สวยงามของกล้วนไม้กลืนกินอมตะแกว่งไปมาเบา ๆ ขณะที่มันพลังจิตที่น่ากลัวไปที่เจี้ยนเฉิน หลังจากนั้นมันก็ตกลงบนพื้นตรง ๆ และรากบาง ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนก็งอกขึ้นมาอย่างดุเดือด มันยาวขึ้นเรื่อย ๆ หนาขึ้นและหนาขึ้น พวกมันทั้งหมดแทงลงดิน
กล้วยไม้กลืนกินอมตะเพิ่งหยั่งรากมันก็แผ่ออกไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว ไม่นานมันก็ครอบคลุมพื้นที่ของเผ่าเทพที่ร่วงหล่นทั้งหมด
เจี้ยนเฉินสามารถบอกได้ผ่านสัมผัสวิญญาณของเขาว่ารากของกล้วยไม้กลืนกินอมตะนั้นเป็นเหมือนตาข่ายขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมทุกตารางนิ้วของเผ่าเทพที่ร่วงหล่น เลือดที่ไหลนองพื้นถูกดูดโดยรากของมัน
ในเวลาเดียวกันรากจำนวนมากก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินและแทงไปที่ศพตรง ๆ
ทันใดนั้นมีบางอย่างแปลก ๆ เกิดขึ้น ซากศพของผู้บ่มเพาะเซียนและแม้แต่ผู้บ่มเพาะที่ต่ำกว่าจากเผ่าเทพที่ร่วงหล่นก็เหี่ยวแห้งในระดับที่มองเห็นได้ชัด เลือดและพลังปราณทั้งหมดถูกดูดออกจากร่างกายของพวกเขาและพวกเขาก็กลายเป็นซากศพแห้ง ๆ ในเวลาสั้น ๆ
มีศพเผ่าเทพที่ร่วงหล่นมากเกินไปและจำนวนก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว เป็นผลทำให้กล้วยไม้กลืนกินอมตะไม่ได้กินพวกมันทั้งหมด มันดูดซับแก่นแท้ของพวกเขาเท่านั้น
“ด้วยการบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้ได้มาถึงขีดจำกัดอย่างรวดเร็ว หากเจ้ากินศพของราชาเทพตอนนี้ ข้าจะเก็บศพของราชาเทพไว้ก่อน ไปกินศพของเหนือเทพและคนที่อยู่ต่ำกว่าเหนือเทพเสียก่อน” เจี้ยนเฉินพูดกับกล้วยไม้กลืนกินอมตะอย่างลับ ๆ เขาไม่เพียงแต่ยืนเฉย ๆ เขาให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด เมื่อใดก็ตามที่ขั้นอสงไขยจากเผ่าเทพที่ร่วงหล่นตาย เขาจะเก็บศพทันที แหวนมิติทั้งหมดเป็นของครอบครัวตง
ท้ายที่สุด ครอบครัวตงก็เป็นคนสังหารเผ่าเทพที่ร่วงหล่น เขาต้องเหลือของดี ๆ ให้พวกเขาบ้าง