เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2606: อยู่ด้านหลังของเจ้า
ตอนที่ 2606: อยู่ด้านหลังของเจ้า
เมื่อเจี้ยนเฉินสะบัดมือ โถงศักดิ์สิทธิ์สีน้ำเงินขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฏขึ้น
มันคือโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อ โถงเมฆธารา
เพียงความคิดประตูก็เปิดออกราวกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นจากภายใน แหวนมิติในมือของเจี้ยนเฉินมันถูก ดูดเข้าไปที่นั่นทั้งหมด
“กล้วยไม้กลืนกินอมตะเพียงแค่บ่มเพาะในโถงเมฆธาราในช่วงเวลาถัดไป หากมีปัญหาใด ๆ เจ้าสามารถติดต่อจิตวิญญาณวัตถุ ของโถงศักดิ์สิทธิ์ได้” เจี้ยนเฉินกล่าวกับกล้วยไม้กลืนกินอมตะ
กลีบดอกไม้ของกล้วยไม้กลืนกินอมตะแกว่งไปมาเบา ๆ ราวกับว่ามันพยักหน้าให้เจี้ยนเฉิน หลังจากที่เห็นอย่างนั้น เจี้ย ยนเฉินก็เก็บโถงเมฆธาราและหายไป
เจี้ยนเฉินได้เก็บโถงเมฆธาราไว้ ตอนนี้คงต้องขึ้นอยู่กับกล้วยไม้กลืนกินอมตะแล้วล่ะว่าจะไปถึงระดับไหนได้
เขาไม่ได้กังวลว่ากล้วยไม้กลืนกินอมตะจะไม่สามารถใช้แหวนได้ เนื่องจากกล้วยไม้กลืนกินอมตะได้พัฒนาสติปัญญาไม่น้ อยไปกว่ามนุษย์ นอกจากข้อจำกัดที่มีมาแต่กำเนิด ทำให้มันไม่เป็นร่างเป็นมนุษย์และพูดได้ก็ไม่ต่างจากมนุษย์ แม้ กระทั่งมนุษย์บางแง่มุม การใช้แหวนมิติก็เป็นเหมือนกับปลอกกล้วยเข้าปาก
กล้วยไม้กลืนกินอมตะลอยอยู่ในโถงเมฆธารา เนื่องจากมาถึงขอบเขตตั้งต้นจึงไม่สามารถปกปิดพลังปราณทั้งหมด ดังนั้นพลั งและแรงกดดันของขอบเขตตั้งต้นจะแผ่ออกมาจากมัน
แหวนมิติวางอยู่บนพื้นเงียบ ๆ ก่อนหน้านั้น
ทันใดนั้นรากของกล้วยไม้กลืนกินอมตะก็เริ่มเติบโตขึ้น รากมากมายกลายเป็นยาวหลายสิบเมตรในเสี้ยววินาทีก็เริ่ม มที่จะพันรอบแหวนมิติ
ในเวลาต่อมา แหวนมิติทั้งหมดถูกเปิดออกและซากศพก็ลอยออกมากองรวมกันอยู่ภายในโถงเมฆธารา
เมื่อมองไปที่ศพ กล้วยไม้กลืนกินอมตะก็อดไม่ได้ที่จะสั่น มันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ดอกไม้ นายท่านบอกว่าให้เจ้าเริ่มดูดซับอันที่อ่อนแอก่อน” ในขณะนี้เสียงเย็นชาดังขึ้นจากศาลา มันมาจากจิตวิ ญญาณวัตถุของโถงเมฆธารา
“ข้าเข้าใจ ขอบคุณนายท่านสำหรับอาหาร” กล้วยไม้กลืนกินอมตะตอบ แน่นอนว่ามันไม่อาจพูดได้ มันจึงสื่อสารผ่านพลั งจิต
……
…
ในเวลาเดียวกัน บรรพชนเผ่าเทพที่ร่วงหล่น เหลาม่านเทียนยืนอยู่กับบรรพชนของสำนักเต๋าฉุกเฉิน เหอยี่เต๋า พร้อม มกับใบหน้าที่มืดครึ้มบนภูเขาของสำนักงานใหญ่พันธมิตรสี่เส้า พวกเขาจ้องมองไปยังทิศทางของเผ่าเทพที่ร่วงหล่นและส สำนักเต๋าฉุกเฉินผ่านค่ายกลที่ทรงพลังที่สุดของพันธมิตรสี่เส้า มีจิตสังหารเต็มใบหน้าของพวกเขา
ในฐานะที่เป็นอัครสูงสุด พวกเขาสามารถสังเกตดูที่ราบเมฆาได้ทั้งหมดเพียงความคิดเดียว พวกเขาได้เห็นการทำลายล้าง งของเผ่าเทพที่ร่วงหล่นและสำนักเต๋าฉุกเฉิน แต่ไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถทำอะไรได้ ทำให้พวกเขายังคงซ่อนตัวอยู ที่นี่เหมือนคนขี้ขลาด เฝ้ามองสำนักและเผ่าที่ทรงพลังของพวกเขาที่มีมานานหลายล้านปีถูกทำลาย
“ครอบครัวตง ตระกูลเทพเจ้าแห่งไฟ สำนักจักรวาล จะต้องมีสักวันที่ข้า เหลาม่านเทียน จะทำให้เจ้าต้องเสียใจกับการก กระทำของเจ้า” เหลาม่านเทียนพูดผ่านไรฟัน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดกับการทำลายล้างบางอย่างที่เขาลงมื อลงแรงมากกว่าล้านปี
แม้ว่าพวกเขาจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ แต่การจะกลับไปสู่ความรุ่งเรืองเช่นในอดีตจะใช้เวลานาน
“ไม่ต้องกังวล นายน้อยประกายดาวอยู่ข้างเรา เราจะได้แก้แค้นในไม่ช้าก็เร็ว” เหอยี่เต๋าคำราม
“จิ๊ ๆ ข้าจะไม่พูดว่าเจ้าสามารถโทษคนอื่นได้ ท้ายที่สุดผู้เฒ่าเทียนซานเกือบจะตายด้วยน้ำมือของเจ้า” เสียงของฉาง งเฟิงหยุนดังขึ้น เขาเป็นชายกลางคนในชุดคลุมสีม่วง เขาค่อย ๆ เดินจากไปจากระยะไกล
“ข้ากำลังพูดถึงเจ้าโดยเฉพาะ เหลาม่านเทียน มีดของเจ้ายอดเยี่ยมจริง ๆ มันถึงกับมีกฏคำสาประดับอัครสูงสุดชั้นสว วรรค์ที่ 4 เป็นอย่างน้อย โชคดีที่ผู้เฒ่าเทียนซานอยู่ชั้นสวรรค์ที่ 3 ดังนั้นเขาจึงสามารถระงับคำสาป ถ้ามันเป็ นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 2 คงใช้เวลาไม่นานเขาจะตายจากคำสาป” ฉางเฟิงหยุนกล่าวขณะยิ้มจาง ๆ
ถึงแม้รอยยิ้มของเขาจะไม่มีอะไรพิเศษ แต่ดูเหมือนจะเป็นการเย้ยหยันภายในสายตาของเหลาม่านเทียนและเหอยี่เต๋า
ท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นคนทรยศ พวกเขาได้ใช้การลอบโจมตีผู้เฒ่าเทียนชานที่ไว้ใจพวกเขาอย่างมาก การกระทำของเขา น่ารังเกียจจากความรู้สึกทางศีลธรรม
“ฉางเฟิงหยุน เจ้าควรดูปากของเจ้า ข้าไม่คิดจะสู้กับเจ้าที่นี่” เหลาม่านเทียนตอบอย่างเย็นชาทันที
“นี่คืออาณาเขตของพันธมิตรสี่เส้าของเรา เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะสู้กันที่นี่ ? ” ฉางเฟิงหยุนหัวเราะเบา ๆ เขาไม่ไ ได้จริงจังกับเหลาม่านเทียนเลย
พันธมิตรชอบธรรมและพันธมิตรสี่เส้าได้ต่อสู้กันมาหลายปีแล้ว ความข้องใจของพวกเขาก่อขึ้นมานานแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ พวกเขาจะคืนดีกันง่าย ๆ แม้ว่าเหลาม่านเทียนจะเข้าร่วมกับพวกเขาแล้วและตอนนี้พวกเขาต่อสู้ในแนวรบเดียวกัน มันย ยากมากสำหรับพวกเขาจะเข้ากันได้
“พอได้แล้ว ฉางเฟิงหยุน มันไม่ใช่เวลาที่จะสร้างความขัดแย้งภายใน บรรพชนสายลมพลิ้ว ต้องการให้เราไปที่โถงยั่งยืน และปรึกษากันว่าเราควรจะจัดการกับอนาคตอย่างไร” กงจี้มาถึงแล้วและหยุดการโต้เถียงกันระหว่างฉางเฟิงหยุนและเหลา าม่านเทียน
ไม่นาน อัครสูงสุดทั้งสี่ของพันธมิตรสี่เส้าและผู้ทรยศพันธมิตรชอบธรรมก็มารวมตัวกัน พวกเขาคุยกันว่าควรเผชิญหน้า ากับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างไร
“กงจี้ นายน้อยประกายดาวว่าอย่างไร ? เป็นไปไม่ได้ที่เราจะจัดการกับสถานการณ์นี้ด้วยตัวเอง เราสามารถพึ่งนายน้อ อยประกายดาวในการส่งผู้เชี่ยวชาญบางส่วนจากที่ราบประกายดาว” บรรพชนสายลมพลิ้วถามพลางขมวดคิ้วในระหว่างการประชุม
กงจี้ส่ายหัว “ข้าเคยขอความช่วยเหลือจากนายน้อยประกายดาวหลายครั้งเพื่อให้เขาติดต่อผู้เชี่ยวชาญจากที่ราบประกาย ดาว แต่นายน้อยประกายดาวไม่เคยติดต่อบรรพชนเลย ข้า-ข้าดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับเขา”
“กงจี้,วูหลู เจ้าสองคนต้องรับผิดชอบสำหรับสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ รวมถึงการเสียชีวิตของเจิ้งหู่ด้วย บอ อกเราว่าตอนนี้เราควรทำอะไร เมื่อเชื้อสายนักรบวิญญาณและพันธมิตรชอบธรรมโจมตีเรา เราไม่อาจอยู่ได้นานนักด้วย ยค่ายกลของเราเพียงอย่างเดียว เมื่อพันธมิตรสี่เส้าแตก ชะตากรรมของเราจะเป็นแบบเดียวกับเผ่าเทพที่ร่วงหล่น สำ ำนักปฐพีสะเทือนและสำนักเต๋าฉุกเฉิน เราจะถูกลบออกจากที่ราบเมฆาอย่างแท้จริง” ฉางเฟิงหยุนกล่าวอย่างเคร่งเครียด
“เจ้าไม่อาจตำหนิเราสำหรับเรื่องนี้ ใครจะไปคิดว่าเชื้อสายนักรบวิญญาณจะปรากฏขึ้นในทันทีและใครจะรู้ว่าเชื้อสาย ยนักรบวิญญาณจะไม่กลัวนายน้อยประกายดาวและต่อต้านเราอย่างเปิดเผย” กงจี้กล่าวอย่างไร้อารมณ์
เกิดการโต้เถียงครั้งใหญ่ระหว่างการประชุม สำหรับนายน้อยประกายดาวยังคงอยู่ในที่พักอันหรูหราของเขา ใบหน้าของ เขาก็มืดลงอย่างสมบูรณ์เช่นกัน เขาเต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรง
“เชื้อสายนักรบวิญญาณ ฮึ่มม เมื่อการฝึกฝนของเจ้าจบ ข้าจะขอให้บิดาบุญธรรมของข้าจัดการเองและให้เจ้าจ่ายค่าตอบแท ทนอย่างหนัก” นายน้อยประกายดาวกำหมัดแน่นในขณะที่เขาโกรธอย่างเต็มที่
แผนการในครั้งนี้น่าจะสมบูรณ์ไร้ที่ติ เจี้ยนเฉินจะทำอย่างไรก็ตาม แต่การปรากฏตัวของเชื้อสายนักรบวิญญาณได้พลิก กสถานการณทำให้เขาต้องพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาใกล้จะได้รับชัยชนะ ทำให้เขาเกลียดเชื้อสายนักรบวิญญาณอย่าง งที่สุดตอนนี้
“ทำไมเจ้าต้องโกรธ นายน้อยประกายดาว ? ” ในเวลานี้ มีเสียงดังจากโถงที่ว่างเปล่า
“ใคร ? ออกมา ! ” ใบหน้าจองนายน้อยประกายดาวหมองลง เขามองไปรอบ ๆ และไม่เคยเห็นใครเลย เขาไม่พบต้นกำเนิดของเ เสียงเช่นกัน
“ข้าอยู่ด้านหลังเจ้า ! “