เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2608: ลงมือ
ตอนที่ 2608: ลงมือ
ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรสี่เส้า, พันธมิตรชอบธรรมหรือแม้แต่เชื้อสายนักรบวิญญาณก็ไม่มีใครรู้ว่าราชาสวรรค์แห่งสีฟ้ากระจ่างได้มาบนที่ราบเมฆา ราวกับว่ามีเพียงนายน้อยประกายดาวคนเดียวที่รู้
อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ เด็กคนนั้นสังเกตเห็นการกระทำของราชาสวรรค์เผิงฟ้าบนที่ราบเมฆาตลอดเวลาจนเขาได้ออกไป
เด็กคนนั้นคือเด็กไร้หัวใจของพรรคกระดูกโอฬาร
เด็กไร้หัวใจยังคงอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิตะวันโลหิตตลอดเวลา เขานั่งอยู่บนหลังคาของโรงเตี้ยมที่อยู่ห่างจากพันธมิตรสี่เส้าอย่างมาก
“เขาได้ให้ขนนกมีชีวิตจริง ๆ นกตัวนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ? เขาต้องการฆ่าเจี้ยนเฉินโดยหลอกใช้นายน้อยประกายดาว ? ” สายตาของเขาเปลี่ยนไป จากสำนักงานใหญ่ของพันธมิตรสี่เส้า ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นมองไปยังอวกาศรอบนอก การจ้องมองของเขาลึกซึ้งอย่างมากราวกับว่าจักรวาลสะท้อนสิ่งที่เขาเห็น ร่างกายาสวรรค์ดูเหมือนจะเคลื่อนผ่านสายตาของเขาซึ่งสอดประสานกับกฏของโลก
เขาจ้องตรงไปที่ส่วนลึกของจักรวาล โดยมองไปที่ร่างสีฟ้าที่เดินทางมาด้วยความเร็วที่น่ากล้ว ร่างสีฟ้าหยุดอยู่ห่างจากที่ราบเมฆามากและให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับที่ราบเมฆา
ทั้งคู่ปกปิดตัวเอง แต่เด็กไร้หัวใจค้นพบราชาสวรรค์แห่งสีฟ้ากระจ่างได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ราชาสวรรค์แห่งสีฟ้ากระจ่างไม่รู้สึกอะไรเลย
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กไร้หัวใจให้ความสนใจกับทุกสิ่งที่เขาทำบนที่ราบเมฆา พร้อมกับสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้
“นกตัวนั้นสมคำร่ำรือ เขาเป็นคนที่มีความอาฆาตอย่างมาก เขารู้ว่าตงหมิงและจอมปราชญ์อนัตตายังมีชีวิตอยู่ แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ในการพยายามฆ่าเจี้ยนเฉิน เขายืมมือนายน้อยประกายดาวเพื่อฆ่าเจี้ยนเฉิน….”
“อย่างไรก็ตาม เขาอาจจะยังไม่รู้ว่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเจี้ยนเฉินกับจอมปราชญ์อนัตตา เจี้ยนเฉินยังเป็นผลไม้แห่งวิถีของจอมปราชญ์ ดังนั้นหากเขาตายจริง ๆ นกตัวนั้นก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้นาน”
เด็กไร้หัวใจพึมพำ เขายิ้มอย่างสนใจขณะที่ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง” อย่างไรก็ตาม เรายังคงต้องการเจี้ยนเฉินเพื่อจัดการกับวิกฤติของพรรคกระดูกโอฬารของเรา เจี้ยนเฉินไม่อาจตายที่นี่ได้ แม้ว่าที่ราบเมฆาจะดูน่ากลัวและเหมือนจะวุ่นวาย”
เด็กไร้หัวใจดูสบายใจ เขามองไปที่ที่ราบเมฆาเหมือนเขาเป็นเพียงผู้ชมและคอยดูการแสดงที่น่าสนใจด้วยความตื่นเต้น
ในพริบตา มันเป็นเวลา 3 วันแล้วที่สำนักปฐพีสะเทือน, สำนักเต๋าฉุกเฉินและเผ่าเทพที่ร่วงหล่นถูกทำลาย ในช่วงสามวันนี้ทั้งห้าภูมิภาคของที่ราบเมฆาต่างก็เงียบสงบ ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรชอบธรรมหรือเชื้อสายนักรบวิญญาณทั้งสองก็ไม่ได้ออกมาทำอะไรกับพันธมิตรสี่เส้าเลย
ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพันธมิตรสี่เส้าบนพื้นฐาน ค่ายกลป้องกันยังคงเปิดใช้งาน มันส่องแสงบาง ๆ และมีพลังที่สั่นสะเทือนโลกซ่อนอยู่ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในและห้ามให้ใครเข้าหรือออก
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดของที่ราบเมฆารู้ดีว่านี่เป็นเพียงความสงบก่อนที่จะเกิดพายุ การเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์นี้อาจส่งผลกระทบต่อที่ราบเมฆาทั้งหมดหรือแม้แต่กระทั่งเป็นการเขียนประวัติศาตร์ซ้ำอย่างเงียบ ๆ ภายใต้หน้ากากแห่งความสงบสุข
นั่นเป็นผลทำให้ภูเขาวิญญาณนักรบไม่เคยจากไป
ภาพมายาของภูเขาที่เป็นตัวแทนของเชื้อสายนักรบวิญญาณ ตราบใดที่ภูเขาวิญญาณนักรบยังอยู่ นั่นหมายความว่าเชื้อสายนักรบวิญญาณยังคงอยู่บนที่ราบเมฆา
สุดท้ายหลังจากผ่านไป 10 วัน นับตั้งแต่องค์กรชั้นสูงทั้งสามถูกทลาย ความสงบสุขก็บนที่ราบเมฆาก็หายไป ตระกูลและศิษย์จำนวนมากหลั่งไหลออกมาจากตระกูลเทพเจ้าแห่งไฟและสำนักจักรวาล ภายใต้การนำของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้นต้น พวกเขาทั้งหมดพุ่งเข้าสู่โถงศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ
หลังจากนั้น โถงศักดิ์สิทธิ์ที่มีการออกแบบและมีคุณภาพที่หลากหลายเหล่านี้ต่างหดอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้น พวกเขาถูกนำไปยังพื้นที่ทางใต้ผ่านทางค่ายกลเคลื่อนย้ายโดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นเหล่านี้
ค่ายกลเคลื่อนย้ายครอบคลุมสำนักงานใหญ่ของพันธมิตรสี่เส้าพร้อมกับส่องแสง พลังงานที่น่ากลัวที่แผ่ออกมาต่างทำให้ทุกคนต่างศิโรราบ
มีคนปรากฏขึ้นด้านนอกค่ายกล ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นจากครอบครัวตง, ตระกูลเทพเจ้าแห่งไฟและสำนักจักรวาล รวมตัวกันตั้งแต่อาวุโสระดับขั้นอสงไขยไปจนถึงบรรพชนอัครสูงสุด ในตอนนี้ทั้งสามองค์กรของพันธมิตรชอบธรรมได้ถูกระดมกำลังอย่างสมบูรณ์
“ค่ายกลล้มเหลว ! ”
“ค่ายกลล้มเหลว ! ”
“ค่ายกลล้มเหลว ! ”
ในเวลานี้ทั้งสามตะโกนออกมาและโถงศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูออกและผู้บ่มเพาะเซียนจากทั้งสามองค์กรหลั่งไหลออกมาราวกับน้ำท่วม
ทันทีที่พวกเขาออกจากโถงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ตกอยู่ในค่ายกลต่าง ๆ พลังงานที่ทรงพลังพุ่งสูงขึ้นทำให้สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเปล่งประกายด้วยลำแสงหลากสี มันเห็นได้อย่างชัดเจน
คราวนี้ องค์กรชั้นสูงทั้งสามได้ระดมคนเกือบสองแสนคน
องค์กรเหล่านี้มีความเป็นมานับแสน ๆ ปีหรือถึงล้านปี ศิษย์และสมาชิกของพวกเขามีจำนวนประมาณหนึ่งล้านคนหรือมากกว่านั้น
อย่างไรก็ตามกองทัพเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในขอบเขตเหนือมนุษย์และขอบเขตดั้งเดิม มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงขอบเขตเทพได้อย่างแท้จริง สำหรับคนที่มาถึงขอบเขตตั้งต้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เป็นเหตุให้หากไม่พูดเกิดจริงนัก ผู้บ่มเพาะเหล่านี้ถึงเป็นชนชั้นสูงระดับพื้นฐานของทั้งสามองค์กร
แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดในคนเหล่านี้ก็ยังไปถึงขอบเขตเซียน
“ในที่สุดพวกเขาก็มา….”
ในเวลาเดียวกัน บรรพชนลมโชยและอัครสูงสุดอื่น ๆ ลอยอยู่ในอากาศในรูปแบบการป้องกันของพันธมิตรสี่เส้า พวกเขาเฝ้าดูทุกอย่างที่เปิดค่ายกล พวกเขาจริงจังมาก
เหลาม่านเทียนและเหอยี่เต๋าอยู่ท่ามกลางพวกเขา
พวกเขาทั้งสองคนจ้องมองไปที่ข้างนอกค่ายกลและมองไปที่ร่างทั้งสามที่พวกเขาเคยสู้เคียงข้างกันยืนอยู่ด้านหน้ากองทัพ พวกเขามีความรู้สึกหลากหลายมากมาย
“นายน้อยประกายดาว ค่ายกลของเราถูกทำลายลงแล้ว เมื่อเทียบกับการรวมกำลังของเชื้อสายนักรบวิญญาณและพันธมิตรชอบธรรม เราไม่มีโอกาสที่จะชนะ ข้าขอถามได้หรือไม่ว่านายน้อยได้ติดต่อที่ราบประกายดาวบ้างหรือไม่ ? “กงจี้มาถึงด้านหน้านายน้อยประกายดาว นางขึงขังอย่างมาก
“หากไม่มีการเสริมกำลังอาจต้องยอมแพ้บนที่ราบเมฆาโดยสิ้นเชิงหรือตาย” วูหลูกล่าวเสริม หัวใจของเขาหนักอึ้ง
“ไม่ต้องกังวล ข้ามีวิธีจัดการกับพวกเขาแล้ว” นายน้อยประกายดาวกล่าวอย่างมั่นใจ
ตูม !
ในตอนนี้มีเสียงกึกก้องขึ้น ค่ายกลป้องกันของพันธมิตรสี่เส้าส่องสว่างขณะที่สิ่งกีดขวางนั้นกระเพื่อมราวกับคลื่นน้ำ
หากมีคนยืนอยู่ข้างนอก พวกเขาจะสามารถเห็นฉากที่ยิ่งใหญ่มาก ลำแสงอันทรงพลังยิงมาจากอวกาศรอบนอก มันเหมือนกับสะพานแห่งแสงที่สามารถทะลวงโลกและปะทะเข้ากับค่ายกลรอบ ๆ พันธมิตรสี่เส้า
ลำแสงขนาดใหญ่นี้ไม่ได้สลายไปหลังจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่มันยังคงอยู่ราวกับว่าพลังงานที่ไม่สิ้นสุดในอวกาศรอบนอกยังคงรักษาไว้ตลอด
เชื้อสายนักรบวิญญาณได้ลงมือแล้ว
บนภูเขาวิญญาณนักรบในอวกาศรอบนอก เจี้ยนเฉินยืนอยู่ร่วมกับพี่น้องทั้งเจ็ดของเขา พวกเขายืนอยู่ในรูปแบบร่วมกันนำทางพลังของของภูเขาวิญญาณนักรบโจมตีค่ายกลจากระยะไกล