เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2613: สองจักรพรรดิ
ตอนที่ 2613: สองจักรพรรดิ
ภายในพันธมิตรสี่เส้าสั่นสะเทือนราวกับมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเทพก็อดไม่ได้ที่จะสั่นอยู่ภา ายในขณะที่เขายืนอยู่
โชคดีที่สำนักงานใหญ่ของพันธมิตรสี่เส้าถูกปกคลุมไปด้วยค่ายกล ภายใต้ค่ายกลป้องกันเหล่านี้ การสั่นสะเทือนอย่างร รุนแรงไม่อาจสามารถความเสียหายใด ๆ ได้
โดยพื้นฐานแล้วกองกำลังทั้งหมดของพันธมิตรสี่เส้าถูกรวบรวมไว้ที่นั่นในตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่ค่ายกลท ที่ปะทุด้วยแสงพร่างพราวบนท้องฟ้าอย่างเงียบงัน
บรรยากาศดูหนักอึ้งมาก ๆ
“หากยังคงโจมตีอยู่แบบนี้ มันคงอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งเดือน…..” เหอยี่เต๋าพูดอย่างจริงจัง ในขณะที่เขามองไปที่ ผู้เชี่ยวชาญของพันธมิตรสี่เส้าที่ซ่อนอยู่ภายในค่ายกลเพียงเท่านั้น เขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
“อย่าว่าแต่ครึ่งเดือนเลย เจ็ดวันก็ยากพอแล้ว ท้ายที่สุดแล้วมีอัครสูงสุด 3 คนอยู่ควบคุมที่นั่น แถมยังมีการรว วมโจมตีจากขั้นบรรพกาลจำนวนมาก รวมถึงอสงไขยและผู้บ่มเพาะขอบเขตเทพ” กงจี้กล่าวด้วยใบหน้ามืดหม่น นางเต็มไปด้วย ยความโกรธมากในสถานการณ์ตอนนี้ของพวกเขา
นางมองไปที่นายน้อยประกายดาว บางทีอาจจะเป็นเพราะความบังเอิญและแสดงความไม่พอใจครั้งแรก
พันธมิตรสี่เส้าได้ตกอยู่ในสภาพเลวร้ายเช่นนี้แล้ว แต่ที่ราบประกายดาวยังไม่ส่งกำลังเสริม จากวิธีการที่นายน้อ อยประกายดาวแสดงอยู่ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ขอกำลังเสริมเลย สิ่งนี้ทำให้กงจี้ทุกข์ใจอย่างมาก
“จัดระเบียบเพื่อล่าถอยและเปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาว ส่งคนที่มีความสามารถเพื่อไปยังที่ราบอื่น ห หากเราต้องตายจริง ๆ เราก็ยังมีคนรอดอยู่บ้างไม่ว่าจะเป็นตระกูลหรือสำนักของเราเป็นอย่างน้อย ยิ่งไปกว่านั้น ใช้เหรียญผลึกทั้งหลายและอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งหมดที่เราสะสมมาตลอดหลายปีเพื่อทำให้ค่ายกลของเราใช้งานได้ ซื้อเวลา าให้มากที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้” บรรพชนสายลมพลิ้วออกคำสั่งลงไปอย่างไร้ทางเลือก
คำสั่งของเขาทำให้เกิดความวุ่นวายภายในพันธมิตรสี่เส้าทันที พวกเขาหลายคนหน้าซีดจากคำสั่งนี้ นั่นก็หมายความว่าพ พันธมิตรสี่เส้ากำลังพักจริง ๆ บรรพชนสายลมพลิ้วของพันธมิตรสี่เส้ากำเตรียมความพร้อมสำหรับการทำลายล้าง
“นายน้อยประกายดาว เหตุผลเดียวที่พันธมิตรสี่เส้าของเราเผชิญสถานการณ์เช่นนี้เป็นเพราะท่าน พันธมิตรสี่เส้าของเร ราไม่มีอำนาจใด ๆ ที่จะใช้ต่อต้านเชื้อสายนักรบวิญญาณและพันธมิตรชอบธรรมอีกต่อไป มันกลายเป็นแบบนี้แล้วท่านจะไม่ทำ ำอะไรเลยหรือ ? ” วูหลูถามอย่างจริงจัง ท่าทีของนายน้อยประกายดาวเกือบทำให้วูหลูหมดความอดทน เขาไม่สุภาพกับนาย ยน้อยประกายดาวอีกต่อไป
“ฮึ่มม เจ้าจะกลัวอะไร ? ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่หรือ ? เรายังไม่ถึงที่สุดสักหน่อย” นายน้อยประกายดาวขมวดคิ้วและพูด อย่างขุ่นเคือง “คนเดียวที่เจ้าสามารถโทษได้คือตัวเจ้าเอง ข้าบอกให้เจ้าลากเจี้ยนเฉินออกมา ตราบใดที่เจี้ยนเฉินอ ออกมา เรื่องทั้งหมดจะได้รับการแก้ไข ท้ายที่สุดพวกเจ้าหลายคนก็ออกไปและมีคนหนึ่งตาย แต่เจ้าก็ยังไม่สามารถให้ เจี้ยนเฉินออกมาได้ มันเป็นความผิดของใคร ? ”
พันธมิตรสี่เส้าที่จัดเตรียมเส้นทางล่าถอยแล้ว พวกเขาเริ่มเลือกรุ่นเยาว์ที่ศักยภาพเพื่อส่งออกไปด้านนอกที่ราบเมฆา
ชายชราสองคนที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของพันธมิตรสี่เส้าแอบถอนหายใจเมื่อพวกเขาเห็นสิ่งเหล่านี้ พวกเขาหยิบแผ่นหยก กออกมาและเริ่มการสนทนาลับ
ชายชราทั้งสองเป็นขั้นบรรพกาล พวกเขาเป็นบรรพชนจักรพรรดิ 2 คนที่มีชีวิตรอดจากการต่อสู้ต่าง ๆ กับพันธมิตรชอบธรร รมหลังจากที่จักรวรรดิตะวันโลหิตพ่ายแพ้ต่อพันธมิตรสี่เส้า
ในเวลาเดียวกันจักรพรรดิตะวันโลหิตที่สวมเสื้อมังกรยืนอยู่บนยอดพระราชวังของจักรวรรดิในจักรวรรดิตะวันโลหิต เขา าจ้องมองไปทางพันธมิตรสี่เส้าในขณะที่เขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและกังวล
แม้ว่าจักรวรรดิตะวันโลหิตจะเป็นองค์กรที่อยู่ในพันธมิตรสี่เส้า แต่พันธมิตรสี่เส้าก็ไม่เคยสนใจพวกเขา ท้ายที่สุดแ แล้วในสายตาของทั้งสามองค์กรของพันธมิตรชอบธรรม จักรวรรดิตะวันโลหิตเป็นเหมือนมดที่มีขนาดใหญ่เล็กน้อย แม้ว่าจะเ เป็นจักรวรรดินิรันดร์ที่สามารถควบคุมพื้นที่ทางใต้
ด้วยเหตุนี้จักรวรรดิตะวันโลหิตจึงไม่ได้รับผลกระทบเมื่อศัตรูโจมตีสำนักงานใหญ่ของพันธมิตรสี่เส้าในครั้งนี้
ทันใดนั้นสีหน้าของจักรพรรดิตะวันโลหิตก็เปลี่ยนไป เพียงเขาพลิกมือก็ปรากฏแผ่นหยกขึ้นมาบนฝ่ามือของเขาแล้ว
สีหน้าของจักรพรรดิตะวันโลหิตเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขามองไปที่แผ่นหยก ดูเหมือนว่าเขาจะแก่ขึ้น เขายอมแพ้ ต่อสิ่งที่อยู่ด้านหน้า
“บรรพชนจักรพรรดิกำลังใช้แผนสายเลือดข้าจริง ๆ ขะ ข้า พันธมิตรสี่เส้ากำลังทำอะไรอยู่ ? จักรวรรดิตะวันโลหิตของเ เราถูกทำลายลงจริง ๆ หรือ ? ” จักรพรรดิตะวันโลหิตดูเหมือนจะสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดในขณะที่เขาทรุดตัวลงไปด้านล่า าง ขณะที่ดวงตาของเขาเหม่อลอย
แต่ไม่นานเขาก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แม้ว่าจะสั่นเทา เขาเรียกคนของราชวงศ์ในห้องโถงที่สง่างาม
ไม่นาน คนกว่าร้อยคนก็เข้ามาคารวะเขา ไม่มีใครแก่เลย พวกเขาทั้งหมดเป็นคนหนุ่มสาว
ในฐานะที่เป็นจักรวรรดินิรันดร์ที่อยู่มาเป็นล้านปี จักรวรรดิตะวันโลหิตมีสมาชิกอย่างน้อยหลายหมื่นคนที่เป็นคน นของราชวงศ์ แต่มีเพียงประมาณร้อยคนที่มีสายเลือดจักรพรรดิโลหิตที่ถูกเรียก นั่นก็มากเกินพอที่จะบ่งบอกถึงสถาน นะของพวกเขาได้ว่ามันยอดเยี่ยมเพียงใด
พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลงบนพื้นอย่างสุภาพในห้องโถงที่โอ่อ่าและแสดงความเคารพต่อจักรพรรดิโลหิต พวกเขาทั้งหมดไม่ ได้สงวนท่าทีและมีความไม่สบายใจ
ตอนนี้พวกเขาทุกคนรู้แล้วว่าพันธมิตรสี่เส้ากำลังโจมตีพันธมิตรสี่เส้า พันธมิตรสี่เส้ากำลังเผชิญกับการทำลายล้างและ ะสูญเสียอัครสูงสุดไปหลายครั้ง ชะตากรรมของพันธมิตรสี่เส้าจะส่งผลต่อชะตากรรมของจักรวรรดิตะวันโลหิตของพวกเขา ดังน นั้นสมาชิกของราชวงศ์เหล่านี้จึงมีชีวิตอยู่อย่างวิตกกังวลเช่นนี้ทุกวัน ปีแล้วปีเล่า
องค์ชายเก้าผู้ซึ่งเกือบจะทำลายตระกูลเทียนหยวนได้พูดขึ้นในหมู่พวกเขา
อย่างไรก็ตามองค์ชายเก้าได้เสียความแข็งแกร่งและความยโสจากอดีตของเขาไปแล้ว
“พันธมิตรสี่เส้าคงไม่รอด บรรพชนจักรพรรดิได้สั่งให้เราใช้แผนสายโลหิต เจ้าคืออนาคตของจักรวรรดิตะวันโลหิตของเรา หากจักรวรรดิตะวันโลหิตถูกทำลาย เจ้าสามารถสร้างจักรวรรดิตะวันโลหิตของเราขึ้นมาใหม่ได้” จักรพรรดิตะวันโลหิตด ดูเหมือนจะเห็นความพินาศ มันเหมือนกับว่าเขาใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อพูดแบบนี้
หลังจากพูด เขาก็จ้องไปที่องค์ชายเก้าและพูด “จักรวรรดิตะวันโลหิตอาจจะหายไป ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสนใจข้อตกล ลงหมื่นปีกับจักรวรรดิซี เจ้าก็ควรไปเช่นกัน อย่าทำให้พ่อของเจ้าต้องผิดหวัง”
“ขอบพระทัยที่ให้โอกาสอีกครั้ง เสด็จพ่อ ! “องค์ชายเก้ากล่าวด้วยความตื่นเต้น
“ข้าไม่สนใจคนอื่น ๆ แต่องค์ชายเก้าจะต้องอยู่ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครสามารถออกจากที่นี่ไปได้ในวันนี้”
ในเวลานี้ มีเสียงที่สง่างามดังออกมา มีร่างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในห้องโถงที่โอ่อ่า
เขาเป็นชายกลางคน นอกจากนี้เขายังสวมเสื้อคลุมมังกรและมีประกายวิบวับ นั่นคือผู้คุมกฏ
เขาไม่ได้ยืนอยู่บนพื้น แต่เขากลับลอยอยู่บนอากาศสูงกว่าจักรพรรดิตะวันโลหิตที่อยู่บนบัลลังก์เล็กน้อย เขามอ องจักรพรรดิโลหิตจากด้านบน
สีหน้าของจักรพรรดิตะวันโลหิตเปลี่ยนไปหลายครั้ง ด้วยร่างของคนที่ปรากฏขึ้นมา มันทำให้ใบหน้าของเขาหมองหม่น แต ต่ก็เต็มไปด้วยความไร้พลัง
จักรพรรดิตะวันโลหิตสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวอย่างเคร่งเครียด “จักรพรรดิซี ไม่คิดว่าเจ้าจะมาด้วยตัวเองจริง ๆ ”
เขาเป็นจักรพรรดิจากจักรวรรดิซี ซีไซหยุน
เขาบุกเข้ามาในวังหลวงของจักรวรรดิตะวันโลหิตและปรากฏตัวในห้องโถงที่มีบัลลังก์อย่างโอ่อ่า