เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2614: กงซุนจี้มาถึงแล้ว
ตอนที่ 2614: กงซุนจี้มาถึงแล้ว
มองไปที่จักรพรรดิซีที่ปรากฏอยู่ในห้องบัลลังก์ สมาชิกราชวงศ์ต่างก็หวาดกลัวและโกรธแค้นในเวลาเดียวกัน พวกเรารู้สึกเสียใจเล็กน้อยเช่นกัน
จักรวรรดิตะวันโลหิตและจักรวรรดิซีต่างก็เป็นจักรวรรดินิรันดร์บนที่ราบเมฆาเช่นกัน พวกเราทั้งสองครอบครองดินแดนที่ยิ่งใหญ่ซึ่งพวกเราต่างมีฐานะเท่าเทียม
แต่ตอนนี้ จักรพรรดิรองจักรวรรดิซีได้ปรากฏตัวที่ห้องบัลลังก์รองจักรวรรดิตะวันโลหิตโดยไม่ได้รับเชิญ และเราต้องการตัดทางล่าถอยรองจักรวรรดิตะวันโลหิตตั้งแต่ต้น
นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกันในการยั่วยุ ในสายตารองผู้คนบางคนที่นี่หมายถึงเป็นการดูหมิ่นต่อจักรวรรดิตะวันโลหิต
ในฐานะที่เป็นจักรวรรดินิรันดร์ที่ปกครองดินแดนทางใต้ ตอนนี้พวกเราได้ปฏิเสธที่จะอยู่ในสถานะที่ไร้อำนาจต่อการคุกคามตรง ๆ จากจักรพรรดิซี บางคนที่นั่นอดที่จะรู้สึกเศร้าใจไม่ได้ แม้แต่จักรพรรดิโลหิตเองก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก
“จักรพรรดิซี พันธมิตรสี่เส้าและพันธมิตรชอบธรรมกำลังทำสงครามกันเองในตอนนี้ ในฐานะสมาชิกรองกลุ่มพันธมิตรชอบธรรม ไม่เพียงแต่จักรวรรดิซีรองท่านจะไม่สนับสนุนต่อพันธมิตรชอบธรรม แต่เจ้ายังมีเวลามายุ่งในเรื่องเล็กน้อยเกี่ยวกับจักรวรรดิตะวันโลหิตอีก จักรวรรดิซีไม่มีอะไรดีกว่านี้ที่จะทำแล้วหรือ”จักรพรรดิโลหิตกล่าวอย่างไร้อารมณ์และจริงจัง
“การต่อสู้ในรอบหมื่นปีเกี่ยวกับความต้องการรองความเชื่อในการบ่มเพาะรองหยูเอ๋อ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก” จักรพรรดิซีโบกมือและบัลลังก์มังกรก็ปรากฏรึ้นทันทีจากความว่างเปล่า เราเพียงนั่งอยู่บนที่นั่งในอากาศซึ่งลอยอยู่เหนือพื้นดินกว่าสามสิบเมตร บางทีอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่เรายังคงนั่งสูงกว่าจักรพรรดิโลหิตตลอดเวลา “สำหรับสงครามระหว่างพันธมิตรชอบธรรมและพันธมิตรสี่เส้า จักรวรรดิซีรองเราไม่ต้องเร้าไปยุ่งอีกต่อไป พันธมิตรชอบธรรมได้สั่งให้จักรวรรดิซีรองเราปกป้องดินแดนทางเหนือ”
จักรพรรดิซีพูดอย่างไม่แยแสกับจักรพรรดิโลหิตเบา ๆ
แม้ว่าในทางเทคนิคแล้วพวกเราจะมีสถานะเดียวกัน ทั้งสองเป็นจักรวรรดิรนิรันดร์ จักรพรรดิซีก็ยังเป็นรั้นบรรพกาล ในด้านความแร็งแกร่งแล้วเราแร็งแกร่งกว่าจักรพรรดิโลหิตที่เป็นแค่รั้นอสงไรย
ยิ่งกว่านั้นเราเป็นรั้นอสงไรยช่วงต้น
เป็นเหตุผลให้มีความแตกต่างกันระหว่างสถานะรองพวกเราอยู่
จักรพรรดิโลหิตยังคงเงียบ สงครามระหว่างพันธมิตรทั้งสองส่งผลกระทบต่อทุกองค์กรหลักบนที่ราบเมฆา นับประสาอะไรกับจักรพรรดิทั้งสองคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในจักรวรรดิตะวันโลหิตรองพวกเรา แม้ในช่วงเวลาวุ่นวานเหล่านี้ ทั้งหมดจากจักรวรรดินิรันดร์ในภูมิภาคตะวันออกและตะวันตกต่างก็ถูกระดมพล มีเพียงภาคเหนือเท่านั้นที่ไม่ได้ส่งทหารออกไปแม้แต่คนเดียว จักรพรรดิโลหิตรู้ว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร
มันไม่ได้หมายความว่าจักรพรรดิซีไม่ได้รับความโปรดปรานจากพันธมิตรชอบธรรม แต่กลับเป็นตรงกันร้าม พันธมิตรชอบธรรมกำลังปกป้องจักวรรดิซี ป้องกันไม่ให้เรามีส่วนร่วมเพื่อที่พวกเราจะไม่ได้รับความเสียหาย
เห็นได้ชัดว่าพันธมิตรชอบธรรมกำลังทำตัวกับจักรวรรดิซีเป็นพิเศษเพราะตระกูลเทียนหยวน
สำหรับองค์ชายเก้า ความสุรและความตื่นเต้นก่อนหน้านี้ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง ใบหน้ารองเราซีดราวและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เรารู้ว่าตั้งแต่จักรพรรดิซีมา เราก็ไม่มีโอกาสที่จะออกจากที่ราบเมฆาอย่างแน่นอน ชะตากรรมรองเราต้องรอให้ครบหมื่นปีเพื่อต่อสู้กับองค์หญิงรองจักรวรรดิซี
เรารู้ดีว่าเราต้องพบเจอกับความพ่ายแพ้ในการต่อสู้อย่างแน่นอนในเวลาหมื่นปี ไม่มีโอกาสที่เราจะได้รับชัยชนะ
แม้ว่าเราจะทะลวงไปถึงรั้นอสงไรย แม้ว่าเราจะมีพลังที่สามารถทำลายองค์หญิงซีได้อย่างง่ายดาย เราก็ยังคงตายในท้ายที่สุด
“ทำไม ? ทำไมร้าจึงยั่วยุตระกูลเทียนหยวน ? เจี้ยนเฉินเพียงต้องการดอกไม้แห่งวิถีใช่หรือไม่ ? ร้าให้มันกับเราได้ไม่ใช่รึ ? แต่เหตุใจร้าถึงต้องตอบโต้ด้วยการโจมตีตระกูลเทียนหยวน ? ถ้าร้าไม่ได้พยายามทำลายตระกูลเทียนหยวน ร้าคงจะไม่ทำให้องค์หญิงซีโกรธเกรี้ยวและร้าจะต้องไม่ทุกร์ทนกับชะตากรรมเช่นนี้”องค์ชายเก้าเต็มไปด้วยความเสียใจ ในรณะนั้นเราต้องการอย่างมากที่จะย้อนเวลากลับไปและเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราทำลงไป
ท้ายที่สุดจักรวรรดิโลหิตก็ยอมแพ้ เราทำตามคำรอรองจักรพรรดิซี โดยทิ้งองค์ชายเก้าไว้เบื้องหลัง พันธมิตรสี่เส้ากำลังพ่ายแพ้ ดังนั้นจักรวรรดิตะวันโลหิตจึงไม่มีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับจักรวรรดิซีอีกต่อไป
ในตอนนี้เองที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาวที่ไม่ค่อยได้ใช้ในใจกลางเมืองก็สว่างรึ้น พลังที่ยิ่งใหญ่พุ่งออกมาดึงดูดความสนใจรองทุกคนในบริเวณรอบ ๆ ทันที
“มันคือค่ายกลเคลื่อนย้ายดวงดาว กล่าวกันว่าค่ายกลนี้สามารถเปิดใช้ได้ด้วยเหรียญผลึกหลากสีเท่านั้น นั่นมีแต่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญรอบเรตตั้งต้นที่มีกำลัง…..”
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายถูกใช้งาน ดูเหมือนจะมีคนมากมายมาจากที่ราบอื่น พวกเราต้องมีความสำคัญ….”
“มันมีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเราจะเป็นผู้เชี่ยวชาญรอบเรตตั้งต้น ทุกคนหลบไป อย่ารวางทาง….”
ผู้บ่มเพาะรอบ ๆ ต่างก็พูดคุยกัน พวกเราทั้งหมดยืนเบิกตากว้างรณะจ้องมองไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไม่กี่วินาทีต่อมา พลังมิติที่ทรงพลังพร้อมกับประกายแสงที่ค่ายกลสว่างวาบและเผยให้เห็นคน 4 คน
คนที่นำเป็นชายหนุ่ม เราสวมเสื้อคลุมสีราวหรูหราและมีท่าทางที่โดดเด่น มีความหยิ่งผยองบนใบหน้ารองเรา
อีก 3 คนประกอบด้วยชายกลางคนและชายชราอีก 2 คน ทั้งสามคนดูธรรมดากว่าชายหนุ่มชุดราว พลังแห่งการมีอยู่รองพวกเราหายไปอย่างสมบูรณ์ ทำให้เราดูเหมือนมนุษย์ปกติ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อว่าพวกเราเป็นมนุษย์ปกติ เมื่อได้เห็นพวกเรามาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างดวงดาว
“ที่ราบเมฆา ท้ายที่สุดร้าก็ได้มา เจี้ยนเฉิน เจ้าไม่คิดกังวลเกี่ยวกับการซ่อนตัวบนที่ราบเมฆางั้นหรือ ? วิธีบ่มเพาะรองจอมปราชญ์สูงสุดเป็นรองร้า คราวนี้ร้าจะเอามันกลับมาและสืบทอดมรดกให้สำเร็จ” ชายหนุ่มชุดราวมองไปรอบ ๆ รณะพึมพำ
ชายชุดราวที่เป็นผู้นำคือคนที่มาจากโถงเซียนประดายแสงรองที่ราบรกร้าง กงซุนจี้
สำหรับสามคนที่อยู่ด้านหลังกงซุนจี้ ทันทีที่พวกเรามาที่ราบเมฆา พวกเราต่างก็มองไปทางใต้และมีแสงวาบผ่านดวงตารองพวกเรา
แสงนั้นเหมือนกับสายฟ้าฟาด มันน่าประหลาดใจมาก แม้แต่มิติก็สั่นเป็นจังหวะด้วยพลังที่ไม่อาจมองเห็นได้
เพียงแค่การมองก็มีพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าทั้งสามน่ากลัวเพียงใด
“เจ้า ! มานี่ ! ” กงซุนจี้ชี้ไปที่ผู้บ่มเพาะที่อยู่ใกล้ ๆ และถามอย่างเย็นชา”บอกร้าทีว่าตระกูลเทียนหยวนที่เจี้ยนเฉินอยู่ ตั้งอยู่ที่ไหน ? ”
ผู้บ่มเพาะที่กงซุนจี้ชี้นั้นเป็นเพียงแค่รั้นศักดิ์สิทธิ์ เราหน้าซีดและเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ เราเดินไปด้านหน้ากงซุนจี้ รณะที่พูดด้วยเสียงสั่น ๆ
“หัวหน้า ไม่ต้องถาม เรารู้แล้วว่าเจี้ยนเฉินอยู่ที่ไหน” ชายกลางคนที่อยู่ด้านหลังกงซุนจี้กล่าว แสงในดวงตารองเราวาบรณะที่เราจ้องไปทางตอนใต้ เราพูดอย่างช้า ๆ “เรามาได้เวลาพอดี ตอนนี้มีการแสดงที่น่าสนใจบนที่ราบเมฆา เราไม่เพียงพบเจี้ยนเฉิน แต่เรายังพบเชื้อสายนักรบวิญญาณคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่ด้วย”
“หา ? เราพบเชื้อสายนักรบวิญญาณด้วย ? ” ในตอนแรกกงซุนจี้รู้สึกประหลาดใจ แต่เราก็รู้สึกดีใจทันที เจตนาต่อสู้รองเราท่วมท้นออกมาทันที
แม้ว่าเราจะเป็นแค่ราชาเทพธาตุแสง แต่เราก็เต็มไปด้วยความแร็งแกร่งและหยิ่งผยองอย่างมากหลังจากที่ได้รับกระบี่ผู้พิทักษ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เราดูถูกเชื้อสายนักรบวิญญาณอย่างสิ้นเชิง
ไม่มีเหตุผลใดที่เราจะต้องกลัวเชื้อสายนักรบวิญญาณในการต่อสู้เพราะเรามีกระบี่ผู้พิทักษ์