เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2619: พลังของข่าย
ตอนที่ 2619: พลังของข่าย
ในขณะที่ซูซีปิงยืนอยู่บนอวกาศ พลังแห่งการมีอยู่ที่เขาปล่อยออกมานั้นน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง เขาได้ปล่อยพลังแห่งการมีอยู่อันน่ากลัวของอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 4 ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทุกคนบนที่ราบเมฆาตกใจ
เขาจ้องไปที่หุนเจิ้งอย่างเงียบ ๆ และเย็นชา ขณะที่เขาบินถอยหลังและมีแววประหลาดปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย “ข้าไม่ได้ยั้งขณะฟาดฝ่ามือ เจ้ารับมันได้ด้วยพลังของเจ้าเอง แต่เจ้าบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เชื้อสายนักรบวิญญาณสมกับชื่อของมันในด้านความแข็งแกร่ง น่าเสียดายที่มีความแตกต่างระหว่างการบ่มเพาะของเรามีมากเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้กับข้า”
ด้วยเหตุนี้ซูซีปิงจึงก้าวผ่านห้วงมิติมาปรากฏตัวต่อหน้าหุนเจิ้งราวกับเคลื่อนย้ายตัวเอง เขายกมือฟาดหุนเจิ้งด้วยพลังที่น่ากลัว
การโจมตีของฝ่ามือนี้ทำให้พื้นที่รอบ ๆ หุนเจิ้งดูเหมือนจะถูกบีบอัด การโจมตีของซูซีปิงมีพลังลึกลับทำให้พื้นที่รอบ ๆ หุนเจิ้งถูกตรึง ทำให้เขาไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้
ในตอนนี้หุนเจิ้งรู้สึกถูกตรึง การเคลื่อนไหวของเขาถูกจำกัด
ท้ายที่สุดซูซีปิงก็มีพลังมากเกินไป แม้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของเขาจะไม่อาจเทียบเท่ากับอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 5 แต่เขาก็มีความโดดเด่นอย่างมากในหมู่ชั้นสวรรค์ที่ 4 หุนเจิ้งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับซูซีปิง
อย่างไรก็ตามตอนนี้มีพลังมหาศาลได้ถ่ายเทผ่านอวกาศด้วยวิธีที่ไม่มีใครสามารถสัมผัสได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของหุนเจิ้ง
ท้ายที่สุดข่ายวิญญาณนักรบก็เสร็จสมบูรณ์
พลังจากจื้อเจี้ยน, เยว่เฉา, ซูฉี, ไป่หรูเฟิง, ฉิงฉานและเจี้ยนเฉินได้หลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ผ่านข่ายวิญญาณนักรบ มันเชื่อมโยงพลังและการบ่มเพาะของพวกเขาเข้าด้วยกันพร้อมกับซ้อนทับเข้ากับหุนเจิ้งด้วยพลังจากภูเขาวิญญาณ
นี่เป็นทักษะลับเฉพาะของเชื้อสายนักรบวิญญาณมันลึกซึ้งมาก พลังของมันสามารถถ่ายโอนผ่านมิติแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างจากหุนเจิ้งค่อนข้างมาก แต่การเชื่อมต่อจะไม่ได้รับผลกระทบเลย ไม่มีใครสามารถตัดมันให้ขาดได้
ทันทีที่ข่ายวิญญาณนักรบเสร็จสิ้น แรงดดันของหุนเจิ้งก็ระเบิดขึ้นใน้เวลาสั้น ๆ พลังแห่งการมีอยู่ของเขาได้เพิ่มในระดับทัดเทียบกับของซูซีปิงเลย มันเป็นเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น
ถ้ามันเป็นเพียงพลังจากพวกเขาทั้งหกคน มันคงเป็นไปไม่ได้ที่หุนเจิ้งจะไปถึงระดับนั้น แม้ว่าพวกเขาจะหลอมพลังกันสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามมันมีพลังจากภูเขาวิญญาณนักรบที่สร้างความแตกต่างทั้งหมดให้
เป็นผลทำให้ไม่เพียงแต่พลังของนักรบวิญญาณอีก 6 คนหลอมรวมกับหุนเจิ้ง แต่ยังมีพลังของภูเขาวิญญาณ
หลังจากที่หุนเจิ้งได้รับพลังมากมาย ซูซีปิงก็ไม่สามารถขังเขาไว้ได้อีกต่อไป แรงกดดันที่มีต่อเขาหายไปทันทีและเขาก็ชกออกไป
“ข่ายวิญญาณนักรบ ! ” ในเวลาเดียวกันมีแสงวาบผ่านสายตาของซูซีปิง เชื้อสายนักรบวิญญาณมีความขัดแย้งกับโถงเซียนธาตุแสงเป็นเวลาหลายปีและครั้งหนึ่งพวกเขาเคยปะทะกับผู้เชี่ยวชาญชั้นสูงหลายคนเพื่อช่วยเจี้ยนเฉิน ทำให้เขาไม่คุ้นกับข่ายวิญญาณนักรบนัก
การโจมตีของซูซีปิงยังคงเหมือนเดิมโดยที่ยังมีพลังกดดันเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามด้วยพลังแห่งการมีอยู่ของเขาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีพลังมากขึ้น ในขณะเดียวกันกฎของโลกก็หมุนรอบ ๆ ตัวของเขา ทำให้เขาตัวเขาจู่ ๆ ก็เปล่งประกายเจิดจ้าจนแสบตา
ในตอนนี้มือของเขาถูกโอบล้อมไปด้วยแสงเช่นกัน ราวกับว่ามีดวงอาทิตย์ที่ถูกควบแน่นในมือของเขา มันส่องสว่างพร่างพราวไปทั่วจักวาลที่มืดมิด
ตูม !
ด้วยเสียงที่ดังก้องรุนแรง หมัดที่น่ากลัวของหุนเจิ้งได้ปะทะกับฝ่ามือของซูซีปิงจนทำให้มิติยุบตรง ๆ
คราวนี้ซูซีปิงไม่สามารถทำให้หุนเจิ้งกระเด็นได้อีก แต่เป็นเขาที่ถูกทำให้กระเด็นออกไป แสงที่พร่างพราวบนร่างกายของเขาจางลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดอย่างมาก
“ไม่เพียงแต่ข่ายวิญญาณนักรบเท่านั้นที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเจ้า แต่ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังวิญญาณนักรบของเจ้าอีกด้วย พลังวิญญาณนักรบของเจ้าไม่สามารถส่งผลกระทบต่อข้าได้ ไม่แม้แต่จะทำให้ข้าปั่นป่วน แต่ตอนนี้มันสามารถทำร้ายจิตใจของข้าได้” ซูซีปิงกล่าวพร้อมกับคำราม วิญญาณของเขาได้รับผลกระทบค่อนข้างมากเมื่อเขาปะทะกับหุนเจิ้ง เขาไม่อาจป้องกันมันได้เลย
ซูซีปิงมองไปยังที่ราบเมฆาและตะโกนว่า “หวงฟู่กุ่ยยี่มาสู้กับหุนเจิ้งด้วยกัน ชาหยุนจัดการกับภูเขาวิญญาณนักรบ รบกวนพวกเขาและหาทางขัดขวางข่ายวิญญาณนักรบของพวกเขา”
“ถึงเวลาที่ข้าต้องออกหน้าแล้ว” หวงฟู้กุ่ยยี่ยิ้มบนที่ราบเมฆา จากนั้นเขาก็หายตัวไปและปรากฏตัวข้าง ๆ ซูซีปิง
“ไม่มีปัญหา ปล่อยเรื่องภูเขาวิญญาณนักรบไว้ให้กับข้า” ชาหยุน บรรพชนสำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ตะโกน พลังแห่งการมีอยู่ของเขาปะทุขึ้น เขาเผอิญอยู่ในขั้นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 3 ขั้นสูงสุด
ชาหยุนก็มีพลังมากเช่นกัน แม้ว่าเขาจะไม่เท่ากับซูซีปิงหรือหวงฟู่กุ่ยยี่ แต่เขาก็อยู่ห่างจากชั้นสวรรค์ที่ 4 เพียงก้าวเดียว
เขาปรากฏตัวออกมาและโจมตีภูเขาวิญญาณตรง ๆ เจตจำนงดาบที่โหดร้ายปรากฏขึ้นเมื่อดาบอยู่ในมือของเขา เขาปล่อยจิตสังหารที่เยือกเย็นในขณะที่เขาฟันดาบของเขาไปที่ภูเขาวิญญาณนักรบ
ในขณะที่เขาฟันออกไปก็มีแสงสีเงินปรากฏขึ้นบนอวกาศ มันเล็กแต่ก็มีพลังทำลายล้างอย่างมาก ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนมิติก็ถูกตัดออกเหมือนกับกระดาษ
ริ้วแสงเป็นการรวมตัวกันของเจตจำนงดาบและปราณดาบอย่างชัดเจน ชาหยุนได้บรรลุถึงระดับความเชี่ยวชาญเหนือวิถีดาบแล้ว ดังนั้นพลังการโจมตีของเขาที่ควบแน่นในการฟันครั้งนี้ทำให้ผลลัพธ์เพิ่มทวีคูณ
หุนเจิ้งเพิกเฉยต่อชาหยุน เขาไม่ได้มองไปที่ชาหยุนในขณะที่เขาโจมตีไปที่ภูเขาวิญญาณ มันราวกับว่าเขาไม่สนใจเลย
แม้แต่ผู้คนบนภูเขาวิญญาณก็ไม่ได้สนใจกับชาหยุน
ตูม !
พร้อมกับเสียงที่น่ากลัว การโจมตีของชาหยุนได้โจมตีม่านป้องกันรอบ ๆ ภูเขาวิญญาณอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามมันทำให้พลังงานของม่านป้องกันยับย่นเล็กน้อย
สายตาของชาหยุนเย็นชา ไม่มีความแปลกใจ เขายังคงโจมตีด้วยดาบของเขาต่อไป
เขารู้ว่าภูเขาวิญญาณนี้เป็นภาพลวงตาที่ควบแน่นจากพลังปราณมหาศาลเท่านั้น มันไม่ใช่ภูเขาวิญญาณนักรบที่แท้จริง เขาใช้พลังทั้งหมดไปกับการโจมตีนี้
หวงฟู่กุ่ยยี่มองไปยังทิศทางของภูเขาวิญญาณนักรบและกล่าวว่า “ในอดีตภูเขาวิญญาณนักรบสามารถทนต่อการโจมตีจากราชาสวรรค์แห่งสีฟ้ากระจ่างได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าราชาสวรรค์แห่งสีฟ้ากระจ่างจะอยู่ในชั้นสวรรค์เช่นเดียวกับพวกเรา แต่สายเลือดของเขาในฐานะอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังมากจนเขาสามารถสังหารอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 5 ปกติได้ แม้แต่ราชาสวรรค์แห่งสีฟ้ากระจ่างก็ไม่สามารถทำลายภูเขาวิญญาณได้รวดเร็วนัก ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ชาหยุนจะมีพลังมากพอที่จะขัดขวางเขา”
หลังจากหยุดพักเล็กน้อย หวงฟู่กุ่ยยี่ก็กล่าวต่อว่า “ซูซีปิง กฏตะวันของเจ้าเหมาะกับข่ายอาคมมากกว่า โจมตีภูเขาวิญญาณนักรบพร้อมกับชาหยุน ทิ้งหุนเจิ้งไว้กับข้า”