เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2620: กระแสที่ไหลหวนกลับมาอีกครั้ง
ตอนที่ 2620: กระแสที่ไหลหวนกลับมาอีกครั้ง
ซูซีปิงพยักหน้าและกล่าวว่า “เอาละ ระวังพลังวิญญาณนักรบของหุนเจิ้งด้วย พลังนั้นสร้างความเสียหายให้กับวิญญาณโดยเฉพาะและเจ้าก็ไม่อาจปกป้องมันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ข่ายวิญญาณนักรบเสร็จสมบูรณ์ พลังวิญญาณนักรบก็มาถึงระดับที่คุกคามเจ้ากับข้าได้”
ด้วยเหตุนี้ซูซีปิงก็พุ่งออกไปและมาถึงด้านหน้าภูเขาวิญญาณในชั่วพริบตา
ในขณะนี้ชาหยุนได้ใช้ดาบของเขาในขณะที่เจตจำนงดาบที่โหดร้ายก็ควบแน่นรอบ ๆ ตัวของเขา เขาโจมตีไปที่ภูเขาวิญญาณนักรบอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นมิติก็เต็มไปด้วยปราณดาบที่แหลมคมและมีเจตจำนงดาบแทรกซึมอยู่ทั่วพื้นที่ ในขณะที่มันตัดผ่านมิติและสร้างรอยแยกมิติไปทั่วทุกที่ที่มันผ่าน
รอยแยกมิตินั้นเล็กน้อยมาก แต่มันเหมือนกับฝนที่โปรยปรายสู่ภูเขาวิญญาณ
อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงอิทธิผลจากดาบ หากชาหยุนโจมตีด้วยอาวุธตัวเองและทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยง ๆ
“อาทิตย์ขึ้น ! ” ในเวลาเดียวกันซูซีปิงที่ยืนอยู่หน้าภูเขาวิญญาณตะโกนออกมา มิติที่ทำมืดและเยือกเย็นถูกความร้อนแผดเผาทันทีที่ส่องมาจากซูซีปิง
แสงนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และแผดเผารุนแรงมากขึ้นในเวลาไม่นาน เพียงสองสามวินาทีแสงบนซูซีปิงก็มาถึงระดับที่ไม่สามารถอธิบายได้และความร้อนที่น่ากลัวทำให้มิติบิดเบี้ยวตลอดเวลา
ในขณะนั้นซูซีปิงดูเหมือนว่าเขากลายเป็นดวงอาทิตย์ส่องไปทั่วจักรวาลที่มืดมิด แสงที่รุนแรงและความร้อนแผดเผาส่งมาถึงที่ราบเมฆาราวกับว่าฤดูร้อนได้มาถึงแล้ว
ไม่ มันน่ากลัวว่านั้นอีกเหมือนกับแสงแดดของหน้าร้อน เพียงแค่แสงอย่างเดียวผู้บ่มเพาะระดับต่ำจำนวนนับไม่ถ้วนบนที่ราบเมฆาร้อน แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเทพก็ยังต้องพยายามลืมตาและขั้นอสงไขยบางคนยังรู้สึกเจ็บดวงตา ทำให้พวกเขาไม่กล้ามองท้องฟ้าอีกต่อไป
นี่คือแสงสว่างเพียงอย่างเดียว ดังนั้นความร้อนจึงน่ากลัวมาโดยไม่ต้องพูดออกไป
ภายใต้ความร้อน ผู้บ่มเพาะระดับต่ำจำนวนนับไม่ถ้วนหนีเอาชีวิตรอด พวกเขาพบหลุมและสถานที่ต่าง ๆ เพื่อซ่อนตัว พืชเหี่ยวเฉาในระดับที่มองเห็นได้เนื่องจากสัญญาณชีวิตของมันได้หายไป
นี่คือกฏตะวันของซูซีปิง เขากลายเป็นดวงอาทิตย์ เว้นแต่ว่าเขาน่ากลัวว่าดวงอาทิตย์จริง ๆ
“ภูเขาวิญญาณนักรบ ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้าจะอยู่ภายใต้กฏตะวันของข้าได้นานแค่ไหน” เสียงของซูซีปิงดังออกมา มันกังวาลอย่างเห็นได้ชัด ในเวลาต่อมา “ดวงอาทิตย์” รอบ ๆ ตัวของเขาก็เริ่มขยายขึ้นจนใหญ่กว่าดาวเคราะห์และเริ่มโอบล้อมภูเขาวิญญาณตรง ๆ
ทันใดนั้นภูเขาวิญญาณก็หายไป มันถูกกลืนหายไปโดยดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์น้อยที่ควบแน่นจากกฏตะวัน ดวงอาทิตย์นี้ทำหน้าที่เป็นเสมือนคุกของภูเขาวิญญาณนักรบไม่ให้ไปไหน
กฏตะวันพุ่งสูงขึ้นจากภายใน พวกมันแทบจะจับต้องไม่ได้กลายเป็นไฟสุริยะที่ลุกโชนแผดเผาภูเขาวิญญาณอย่างน่ากลัว
ซูซีปิงนั่งอยู่ใจกลางดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ เขาใช้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฏตะวันเพื่อกลั่นพลังของดวงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องและเต็มเต็มส่วนที่หายไปของ “ดวงอาทิตย์” ให้คงอยู่อย่างต่อเนื่อง
ซูซีปิงไม่สามารถทะลวงการป้องกันของภูเขาวิญญาณนักรบได้ เขาจึงเลือกวิธีที่ทำให้พลังของมันหมดลงอย่างรวดเร็วเมื่อมันผ่านไป
พูดอีกอย่างคือ เขาเลือกวิธีนี้เพื่อไม่ให้ข่ายวิญญาณนักรบของเชื้อสายนักรบวิญญาณเชื่อมต่อกัน
อย่างไรก็ตาม การกระทำของซูซีปิงไม่ได้ส่งผลต่อภูเขาวิญญาณเลย แสงพร่างพราวและความร้อนที่น่ากลัวนี้ไม่อาจทะลุเข้าไปได้
แสงและความร้อนทั้งหมดถูกปิดกั้นไว้จากภายนอกโดยม่านป้องกันของภูเขาวิญญาณ ไม่มีอะไรผ่านมันเข้าไปได้
อย่างไรก็ตามซูซีปิงได้ส่งผลกระทบต่อพลังานของภูเขาวิญญาณ
อีกด้านหนึ่ง บรรพชนตระกูลกลางสวรรค์ หวงฟู่กุ่ยยี่ ได้เริ่มต่อสู้กับหุนเจิ้งแล้ว หวงฟู่กุ่ยยี่เข้าใจกฏสังหาร ดังนั้นการโจมตีทุกครั้งของเขาจึงเต็มไปด้วยจิตสังหาร มันฉีกมิติของโลกและเกิดความอันตรายอย่างมาก เขากำลังสู้กันอย่างดุเดือดกับหุนเจิ้ง
“เชื้อสายนักรบวิญญาณไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ในตอนนี้ นี่เป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบในการทำลายพันธมิตรชอบธรรม เปิดค่ายกลและบุกโจมตี ! ”
เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญของที่ราบรกร้างที่กำลังต่อสู้กับเชื้อสายนักรบวิญญาณ พันธมิตรสี่เส้าที่อยู่ภายใต้ม่านป้องกันในตอนนี้ได้ใช้โอกาสที่หายากนี้โจมตีตอบโต้
ทันใดนั้นค่ายกลป้องกันของพันธมิตรสี่เส้าก็เปิดขึ้นและผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดได้รวมตัวกันต่อกรกับทั้งสามองค์กรของพันธมิตรชอบธรรม
บรรพชนสายลมพลิ้ว, กงจี้, วูหลู, ฉางเฟิงหยุนและเหอยี่เต๋าล้อมรอบตงวู่หมิง, เลี่ยหยานหวู่จิและโจวซีเตาทันที พวกเขาทั้งหมดปลดปล่อยพลังเต็มที่เพื่อพยายามฆ่าทั้งสามคน
ทันทีที่พันธมิตรชอบธรรมสูญเสียความได้เปรียบ ตงวู่หมิง, เลี่ยหยานหวู่จิและโจวซีเตาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้กับอัครสูงสุดทั้งห้าจากพันธมิตรสี่เส้า พันธมิตรสี่เส้าไม่เพียงได้เปรียบด้านจำนวนเท่านั้น แต่เขายังมีผู้เชี่ยวชาญอย่างบรรพชนสายลมพลิ้ว
การต่อสู้ดำเนินต่อไปเพียงชั่วครู่ก่อนที่ตงวู่หมิง, เลี่ยหยานหวู่จิและโจวซีเตาทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ ส่วนกองกำลังจากองค์กรทั้งสามได้รับความเสียหายอย่างหนัก ค่ายกลต่าง ๆ ได้ลดลงทีละอย่าง ๆ และคนจากครอบครัวตง, ตระกูลเทพเจ้าแห่งไฟและสำนักจักรวาลถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ
ตอนนี้ชัยชนะโน้มเอียงไปทางพันธมิตรสี่เส้า
หลังจากที่พันธมิตรชอบธรรมสูญเสียคนจากตระกูลเทพที่ร่วงหล่น, สำนักเต๋าฉุกเฉินและสำนักปฐพีสะเทือน ทั้งสองนั้นมีพลังสูงสุดและกองกำลังส่วนใหญ่ของเขาไม่อาจต่อสู้กับพันธมิตรสี่เส้าได้อีกต่อไป
“ถอย ! ถอย ! ” ตงวู่หมิง, โจวซีเตาและเลี่ยหยานหวู่จิสั่งให้ถอยทัพอย่างเร่งรีบ หากไม่มีการช่วยเหลือจากเชื้อสายนักรบวิญญาณ พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพันธมิตรสี่เส้า
“โจวซีเตา สำนักเต๋าฉุกเฉินของข้าถูกทำลายด้วยน้ำมือเจ้า เจ้าฆ่าศิษย์ของข้าไปมากมาย ดังนั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าหลบหนีไปในวันนี้ได้อย่างไร ? ” เหอยี่เต๋ากัดฟันแน่น ความเกลียดชังเต็มไปในสายตาของเขา ขณะที่เขาแทงกระบี่เสียบอกของโจวซีเตา ทำให้เขาต้องกระอักเลือดอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันก็มีแสงวูบออกมา เขาตัดแจนของโจวซีเตาออกพร้อมกับทำให้เลือดของอัครสูงสุดพุ่งขึ้นไปบนอากาศ
โจวซีเตาเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาทั้งสามคนของกลุ่มพันธมิตรชอบธรรม เขาเป็นแค่อัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 1 เท่านั้น เมื่อเขาเผชิญหน้ากับการโจมตีของเหออี้เตาและวูหลูซึ่งอยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 1 และ 2 ตามลำดับ จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ได้นานนัก
สีหน้าของโจวซีเตาที่ซีดพร้อมกับความปราชัย เขาเริ่มหนีออกจากพื้นที่ภาคใต้
ตงวู่หมิงและเลี่ยหยานหวู่จิดิ้นรนเพื่อไม่ให้บาดเจ็บเช่นกัน พวกเขาเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดขณะที่พวกเขาเริ่มล่าถอยจากความพ่ายแพ้