เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2626 - พลิกผัน
ตอนที่ 2626 – พลิกผัน
กงซุนอี้หลงทางเล็กน้อย เมื่อเขามองไปที่สายฝนที่ตกลงมาจากห้วงอวกาศ เขาทั้งประหลาดใจและสงสัย จริง ๆ แล้วเข ขาลืมเรื่องหุนเจิ้งที่อยู่ข้าง ๆ เขาไปชั่วคราว
ซูซีปิงและชาหยุนต่างก็เคร่งเครียดอย่างมาก พวกเขาตระหนักว่าความกังวลของพวกเขาเป็นจริงในที่สุด อย่าลืมว่า สิ่ งที่พวกเขาไม่ต้องการเห็นก็ยังคงเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาพยายามทำลายเชื้อสายนักรบวิญญาณ
ด้วยการบ่มเพาะของพวกเขา มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่เข้าใจว่าฝนที่ตกลงมาอย่างกะทันหันนั้นมาจากผู้เชี่ยว วชาญลึกลับ ผู้เชี่ยวชาญสูงสุดที่พวกเขาไม่สามารถรับรู้การมาถึงของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน การรับรู้ของจิตวิญญาณของชาหยุนและซูซีปิงก็พุ่งออกมาจากร่างกายของพวกเขา พวกมันพุ่งออกไปทุ กทิศทุกทางเพื่อค้นหาผู้เชี่ยวชาญลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอีกครั้งในไม่ช้า พวกเขากลายเป็นคนเคร่งเครียดในทันที
พวกเขาทั้งสองได้ค้นพบพลังลึกลับและยิ่งใหญ่ที่ปิดกั้นการรับรู้ของจิตวิญญาณของพวกเขา ป้องกันไม่ให้ประสาทสัมผัส ของพวกเขารับรู้
“โอ้ ไม่ เราติดกับดักแล้ว” ซูซีปิงร้อง สีหน้าของเขาน่าเกลียดมากเมื่อเขามองไปที่สภาพแวดล้อมด้วยสีหน้าที่มืดครึ ม อย่างไรก็ตามดวงดาวได้หายไปจากจุดที่เขามองแล้ว ชั้นเมฆสีเทาหนาทึบล้อมรอบพวกเขาราวกับคุกใหญ่
สิ่งที่ปิดกั้นการรับรู้ของจิตวิญญาณของพวกเขาก็คือเมฆสีเทา
อย่างไรก็ตาม ซูซีปิงและชาหยุนไม่เคยเชื่อเลยว่านี่เป็นเพียง ‘เมฆสีเทา’ เนื่องจากเมฆซ่อนพลังงานที่น่ากลัวมากพอ อที่จะทำให้พวกเขาสั่นสะท้าน
“นี่คือค่ายกล เราถูกขังอยู่ในค่ายกล ” สีหน้าของชาหยุนมืดครึ้มลง เขาเป็นบรรพชนของนิกายสูงสุดจากที่ราบร รกร้างซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในที่ราบรกร้าง ตอนนี้เขาถูกขังอยู่ในค่ายกลโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกโกรธ ธมาก
“ตอนนี้อย่าเพิ่งกังวลไป ทำลายเชื้อสายนักรบวิญญาณก่อน” ซูซีปิงร้องออกมา เขาแตกหักกับเชื้อสายนักรบวิญญาณอย่างส สมบูรณ์แล้ว หากเชื้อสายนักรบวิญญาณยังคงมีอยู่ เขาจะกระวนกระวายตลอดไปในอนาคต
แม้ว่าเขาจะไม่กลัวการตอบโต้ของเชื้อสายนักรบวิญญาณ แต่ตระกูลซูของเขาก็เป็นเรื่องใหญ่ ตระกูลไม่สามารถทนต่อการ รแก้แค้นของเชื้อสายนักรบวิญญาณได้
ชาหยุนก็ตระหนักถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญลึกลับคนนี้จึงได้สร้างค่ายกล เพื่อดักจับพวกเขา แต่ลำดับความสำคัญของพวกเขาคือการกำจัดเชื้อสายนักรบวิญญาณให้สิ้นซาก
ด้วยเหตุนี้ชาหยุนจึงไม่ลังเลอีกต่อไป ดาบของเขากระแทกและเขาก็พุ่งปราณดาบออกทันที
เขาเหวี่ยงออกไปอย่างสบาย ๆ แต่ปราณดาบที่โหดร้ายแบ่งออกเป็นแปดสายและพุ่งไปยังผู้สืบทอดทั้งแปดของเชื้อสาย นักรบวิญญาณ
แม้ว่าการโจมตีของ ชาหยุน จะไม่มีพลังใกล้เคียงกับกระบี่แห่งสังหารเทพของกงซุนอี้ แต่ปราณดาบทั้งแปดเส้นก็ด ดูเหมือนจะมีสติปัญญาของตัวเอง พวกมันทั้งหมดเล็งเป้าไปที่ตัวตนของเป้าหมาย ป้องกันไม่ให้พวกเขาหลบหนี มันต่างจาก กการโจมตีของกงซุนอี้ซึ่งไม่สามารถแม้แต่จะโดนเงาของเป้าหมายของเขา
ซูซีปิงให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับปราณดาบแปดเส้นของชาหยุนเช่นกัน เขาต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อตรึงภูเขาวิญญ ญาณที่ติดอยู่ ในกรณีที่พวกเขาต้องการหนี เช่นนี้ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ การกำจัดเชื้อสายนักรบวิญญาณทั้งหมด ดขึ้นอยู่กับสิ่งนี้
“ข้าหวังว่าผู้เชี่ยวชาญลึกลับที่สร้างค่ายกลนี้จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเชื้อสายนักรบวิญญาณหรือไม่ก็…” ซูซีปิง งคิด ในขณะที่เขามองดูปราณดาบที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาก็รู้สึกประหม่าอย่างที่สุด
ครืน !
ทันใดนั้น สายฟ้าที่น่าตกใจก็ระเบิดขึ้นในพื้นที่ตรงนั้นและสว่างขึ้นโดยรอบ
โซ่สายฟ้าขนาดใหญ่เต้นไปรอบ ๆ เหมือนมังกรแห่งแสงในเมฆหนา ทำให้เกิดแสงวาบขึ้น พวกมันพุ่งเข้าโจมตีปราณดาบทั้ง แปดเส้นของชาหยุนทันทีด้วยความเร็วที่อธิบายไม่ได้ ทำให้เกิดเสียงดังหนักๆ
ปราณดาบอันทรงพลังของชาหยุนแตกสลายทันทีภายใต้สายฟ้าแลบและกระจายไปรอบ ๆ ในเวลาเดียวกัน พลังงานที่เพิ่มขึ้นจาก กปราณดาบถูกดูดซับอย่างสมบูรณ์โดยค่ายกล
หลังจากได้เห็นสิ่งนี้เป็นด้วยตัวเอง หัวใจของซูซีปิงก็เต้นรัวทันที สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก
ความกังวลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขากลายเป็นความจริง ผู้เชี่ยวชาญลึกลับดูเหมือนจะมาเพราะเชื้อสายนักรบวิญญาณ
ในเวลาเดียวกันสมาชิกของเชื้อสายนักรบวิญญาณที่กำลังจะใช้ไม้ตายสุดท้ายเพื่อหลบหนี ทุกคนก็เงยหน้าขึ้น พวกเขาทุกค คนเคร่งเครียดและงงงวยเล็กน้อย
“มะ – ไม่ใช่…” ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็หยุดการหลอมรวมของกระบี่คู่ เขาจ้องมองไปที่สายฝนที่กระหน่ำลงมาและก้อน นเมฆที่เคลื่อนตัวด้วยความสนใจขณะที่เขารู้สึกประหลาดใจ
เขาจำรูปแบบค่ายกลได้แล้วและเขารู้ว่าใครเป็นคนสร้างมันขึ้นมา
“ ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร โปรดแสดงตัว ! ” ซูซีปิงร้องออกมา
ทันใดนั้นร่างที่พร่ามัวปรากฏขึ้นท่ามกลางสายฝน พลังของเมฆและฝนล้อมรอบร่างทำให้บดบังรูปลักษณ์ของพวกเขาอย่างส สมบูรณ์ สิ่งที่มองเห็นได้คือภาพเงาที่พร่ามัวมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะเพศของพวกเขา
คนก็โฉบมาท่ามกลางฝนตกหนักแบบนี้ ราวกับว่าพวกเขาได้ผสานกับสายฝนและมันก็เหมือนกับว่าพวกเขาหลอมรวมกับอวกาศ ตัวตนของพวกเขาไม่สามารถรับรู้ได้เลย
ซูซีปิงและชาหยุนหรี่ตาลง พวกเขาทั้งคู่จ้องมองร่างที่พร่ามัวขณะที่พวกเขาเคร่งขรึม
ในฐานะขั้นอัครสูงสุด พวกเขาสามารถรับรู้และรู้ทุกสิ่งด้วยความชัดเจนอย่างยิ่ง ทั้งสองคนได้รับความรู้สึกอย่าง ผิด ๆ ว่าร่างที่พร่ามัวคือผู้ปกครองโลก เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อกฎและความเป็นระเบียบของสภาพแวดล้อม
ทันใดนั้นหัวใจของ ซูซีปิง ก็กระโจน เขาคำรามและพูดว่า“ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าคือหัวหน้าพิรุณแห่งจักรวรรดิ เมฆทวีจากที่ราบสำราญ”
“อะไร ? นางคือหัวหน้าพิรุณแห่งที่ราบสำราญจริงหรือ ? ” ชาหยุนรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งนั้น
เขาเคยได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับหัวหน้าพิรุณ สถานะของหัวหน้าพิรุณบนที่ราบสำราญนั้นเทียบเท่ากับสถานะของเซ ซียนกระบี่สวรรค์บนที่ราบรกร้าง ทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ ทำให้พวกเขาโดดเดี่ยวอ อย่างมาก พวกเขาเพียงคนเดียวอาจกดดันผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดของที่ราบทั้งหมดจนถึงขั้นหายใจไม่ออก
ตามความเป็นจริง ทุกคนล้วนปฏิบัติต่อหัวหน้าพิรุณแห่งที่ราบสำราญเหมือนกับว่าอยู่ในระดับเดียวกับเซียนกระบี่สวร รรค์แห่งที่ราบรกร้างของพวกเขา
หลังจากรู้ว่าร่างนั้นหัวหน้าพิรุณ ทั้งชาหยุนและซูซีปิงก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง พวกเขาระมัดระวังตัวอย่างมาก ก
“ข้าไม่ต้องการคุกคามเจ้า เจ้าสามารถไปได้ ! ” หัวหน้าพิรุณกล่าว นางแสดงถึงอำนาจในขณะที่นางพูดกับพวกเขาโดยไม่เห หลือที่ว่างสำหรับการหักล้าง ราวกับว่านางไม่ได้เห็นซูซีปิงและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ อยู่ในสายตาเลย
“หัวหน้าพิรุณ เจ้ากำลังปกป้องเชื้อสายนักรบวิญญาณงั้นหรือ ? ” ซูซีปิง ถามด้วยความไม่เต็มใจที่จะยอมรับสถานการณ์ทั งหมด ถ้าเขาปล่อยเชื้อสายนักรบวิญญาณไป ทุกสิ่งที่รอคอยของตระกูลซูของเขาก็จะเป็นปัญหาที่ไม่รู้จบ
“ข้าให้เวลาเจ้า 10 วินาที เจ้าสามารถออกได้อย่างปลอดภัยในช่วงเวลานั้น หลังจากผ่าน 10 วินาทีไป เจ้าจะไม่สามารถตำ ำหนิข้าได้อีกต่อไปสำหรับการคุกคามผู้อ่อนแอ” หัวหน้าพิรุณกล่าวอย่างเย็นชาพร้อมกับยื่นคำขาดโดยตรง นางไม่เหลือช่ องว่างสำหรับการเจรจา