เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2633 - การทรยศของจักรวรรดิจันทราสวรรค์
ตอนที่ 2633 – การทรยศของจักรวรรดิจันทราสวรรค์
จากบนอากาศ นายน้อยประกายดาวเฝ้าดูผู้ฝึกตนเหล่านี้เปลี่ยนข้างและรู้สึกพอใจอย่างมาก ในขณะนั้นเขารู้สึกเหมือ อนกำลังเล่นกับชีวิตที่เขาสามารถตัดสินใจชะตากรรมของพวกเขาได้ด้วยความตั้งใจ นี่เป็นความรู้สึกน่าลุ่มหลงสำหรับ บเขา เขาสนุกกับมันมาก
ในขณะนี้ผู้อาวุโสขั้นอสงไขยก็ปรากฏตัวต่อหน้านายน้อยประกายดาว “นายน้อยประกายดาว ข้าเพิ่งได้รับข่าวว่าจักรว วรรดิจันทราสวรรค์ปรารถนาที่จะรับใช้นายน้อยประกายดาว”
“ จักรวรรดิจันทราสวรรค์ ? จักรวรรดิโบราณที่ยอมจำนนต่อตระกูลเทียนหยวนน่ะหรือ ? ” นายน้อยประกายดาวต้องใช้เวลา พอสมควรในการจดจำการดำรงอยู่ของจักรวรรดิจันทราสวรรค์ จักรวรรดิจันทราสวรรค์อ่อนแอเกินไป พวกเขาเป็นจักรวรรดิโบรา าณที่น่าสงสาร ดังนั้นนายน้อยประกายดาวจึงไม่เคยจริงจังกับพวกเขา
ในฐานะลูกคนเดียวของใต้เท้าประกายดาวทั้งเก้า แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงลูกชายบุญธรรม แต่เขาก็มีสถานะสูงสุด โดยทั วไปแล้วเขามักจะติดต่อกับขั้นบรรพกาลหรือแม้แต่การพบกับขั้นอัครสูงสุดก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ตามปกติแล้วจั กรวรรดิโบราณไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้
“ ถูกต้อง มันคือพวกเขา” ขั้นอสงไขยยืนยัน
นายน้อยประกายดาวยิ้มอย่างชั่วร้าย “ จักรวรรดิจันทราสวรรค์เป็นองค์กรที่สวามิภักดิ์ต่อตระกูลเทียนหยวน แต่ตอนน นี้พวกเขาต้องการรับใช้ข้า น่าสนใจทีเดียว” หลังจากหยุดชั่วครู่นายน้อยประกายดาวก็พูดต่อ “บอกพวกเขาว่าถ้าพวกเข ขาต้องการรับใช้ข้า ข้าต้องดูว่าพวกเขามีกำลังหรือไม่”
“ขอรับ ข้าจะไปบอกกับพวกเขาทันที” ผู้อาวุโสขั้นอสงไขยถอยห่างออกไป
บรรพชนทั้งสองของจักรวรรดิจันทราสวรรค์ได้รวมตัวกันในส่วนลึกของวังจักรพรรดิของพวกเขา พวกเขาเคร่งเครียดอย่างมาก ก
“นายน้อยประกายดาวเป็นคนตรงไปตรงมามาก สิ่งที่เขาต้องการให้เราทำจริง ๆ คือโจมตีตระกูลเทียนหยวนด้วยกองกำลัง ของเรา แต่เมื่อเราทำเช่นนั้น เราจะลื่นล้มลงบนทางที่ลาดชัน” บรรพชนคนหนึ่งกล่าวอย่างเคร่งเครียด หากพวกเขาจ จัดการเรื่องนี้อย่างไม่ถูกต้อง จักรวรรดิจันทราสวรรค์ของพวกเขาคงจะต้องรอการทำลายล้างเท่านั้น
“เนื่องจากเราได้ตัดสินใจรับใช้นายน้อยประกายดาวแล้ว เราต้องไปยืนเคียงข้างเขาและหยุดลังเลใจ มาเริ่มกันเลย ด ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาจึงเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลเทียนหยวนและกลุ่มพันธมิตรชอบธรรมจะพลิกกระแส” บรรพชนคนอื่ น ๆ กล่าว
พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นขั้นอสงไขยและพวกเขาไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ของการต่อสู้ในอวกาศได้เปลี่ยนไปแล้ว นั่นเป ป็นเพราะภูเขาวิญญาณอยู่ห่างไกลจากที่ราบเมฆามากในตอนนี้ นับประสาอะไรกับพวกเขา แม้แต่ขั้นบรรพกาลและขั้นอัครสู งสุดที่อ่อนแอก็ไม่สามารถตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ในไม่ช้าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดของจักรวรรดิจันทราสวรรค์ก็รวมตัวกัน ภายใต้การนำของบรรพชนทั้งสอง พวกเขาพุ่งเข้าสู่จ จักรวรรดิปิงเทียนอย่างอุกอาจ บรรพชนของลัทธิเต๋าเมฆกระจ่าง, เซิ่งผิงก็ปรากฏตัวเช่นกัน เขานำเหล่าผู้อาวุโสขั้นร ราชาเทพเข้ามามีส่วนร่วมในการลงมือ
มีคนจำนวนไม่มากจากจักรวรรดิและนิกายที่เข้าร่วมมีเพียงไม่กี่สิบคน อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดเป็น ราชาเทพ
ยิ่งไปกว่านั้น ราชาเทพหลายคนได้นำเอาโถงศักดิ์สิทธิ์เล็ก ๆมาด้วย กองทหารชั้นยอดกว่าล้านคนจากจักรวรรดิจันทราส สวรรค์รวมตัวกันอยู่ภายในโถงศักดิ์สิทธิ์
“เจี้ยนเฉิน เจ้ามาที่ลัทธิเต๋าเมฆกระจ่างในลักษณะที่ห่างเหินและเอาแต่ใจเช่นนี้มาก่อน ทำให้ข้าต้องตัดแขนของตั วเองทิ้ง นั่นเป็นรอยด่างพร้อยในชีวิตของข้า วันนี้ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตัดแขนของตัวเองเหมือนอย่างที่ข้าเคย ยทำ ข้าพียงต้องการทำลายตระกูลเทียนหยวนของเจ้าด้วยตัวเอง คราวนี้ลัทธิเต๋าเมฆกระจ่างของข้าจะทำลายล้างตระกูลทั งหมดของเจ้า” เซิ่งผิงคิด
หนึ่งในสองแขนของเขาว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าเขาแขนขาด
……
…
จักรวรรดิจันทราสวรรค์ได้ทรยศต่อตระกูลเทียนหยวนอย่างเป็นทางการและตอนนี้พวกเขาต่อต้านตระกูลเทียนหยวน พวกเขาแย ยกออกเป็นสอง บรรพชนทั้งสองของจักรวรรดิจันทราสวรรค์และบรรพชนของลัทธิเต๋าเมฆกระจ่างเดินทางตรงไปยังแคว้นตงอัน นพร้อมกับราชาเทพ ส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือนายน้อยประกายดาวในการทำลายค่ายกล ในขณะเดียวกัน ราชาเทพที่เหลือก็น นำโถงศักดิ์สิทธิ์ที่มีกองทหารกว่าล้านคนเพื่อเข้ายึดครองเมืองอื่น ๆ ในจักรวรรดิปิงเทียน
แม้แต่พระราชวังที่ถูกทำลายของจักรวรรดิปิงเทียนก็ยังถูกยึดครองโดยทหารของจักรวรรดิจันทราสวรรค์
ในไม่ช้านอกเหนือจากเมืองหลวงของแคว้นแล้ว ไม่มีที่ใดที่เป็นของจักรวรรดิปิงเทียนอีกต่อไป
“จักรวรรดิจันทราสวรรค์ เจ้าคนทรยศ ข้าขอสาปแช่งให้เจ้าประสบชะตากรรมที่น่ากลัว…”
“ และลัทธิเต๋าเมฆกระจ่างก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน เราควรจะแนะนำให้ประมุขทำลายเจ้าในตอนนั้น เราไม่เคยคิดว่าความเ เมตตาของประมุขจะนำไปสู่ปัญหาที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้…”
…
คำสาปแช่งดังออกมาจากตระกูลเทียนหยวน สมาชิกคนสำคัญหลายคนจ้องไปที่บรรพชนทั้งสองของจักรวรรดิจันทราสวรรค์และบร รรพชนของลัทธิเต๋าเมฆกระจ่างด้วยความโกรธสบถออกมาดัง ๆ
แม้แต่ผู้พิทักษ์หลายคนก็เข้ามามีส่วนร่วม หลายคนพบว่าการกระทำของจักรวรรดิจันทราสวรรค์นั้นน่ารังเกียจอย่างยิ่ง ง
“จงสบถด่าต่อไป ด่าให้มากเท่าที่เจ้าต้องการในขณะที่เจ้ายังสามารถด่าได้ เพราะเจ้าจะไม่มีสิทธิ์ได้ด่าในภายหลัง คนตายด่าไม่ได้ ความรุ่งเรืองของตระกูลเทียนหยวนจะกลายเป็นประวัติศาสตร์” บรรพชนของ ลัทธิเต๋าเมฆกระจ่างกล่าวอย่า างเย็นชา
“ ฮ่าฮ่าฮ่า ตระกูลเทียนหยวน เจ้าคงไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ใช่หรือไม่ ? ในที่สุดโอกาสของเราที่จะล้างแค้นให้บรรพชน นของเราก็มาถึงแล้ว…” ผู้อาวุโสราชาเทพบางคนจากสำนักจิตวิญญาณปฐพีร้องออกมาด้วยความยินดี
หลังจากบรรพชนของสำนักจิตวิญญาณปฐพี ซางตู ถูกสังหารโดยเจี้ยนเฉิน สำนักจิตวิญญาณปฐพีได้สูญเสียผู้เชี่ยวชาญขั้น บรรพกาลที่มีอยู่เพียงคนเดียว มันทำให้สถานะของพวกเขาตกต่ำลงทันที ดังนั้นสำนักจิตวิญญาณปฐพีจึงมีความเกลียดชังอ อย่างลึกซึ้งต่อตระกูลเทียนหยวน
ภายในตระกูลเทียนหยวน ซีหยูกำหมัดของนางอย่างเงียบ ๆ เมื่อนางได้ยินคำพูดอันเย็นชาจากบรรพชนของลัทธิเต๋าเมฆก กระจ่าง นางกัดฟันของนางและพูดว่า“ จักรวรรดิจันทราสวรรค์ ลัทธิเต๋าเมฆกระจ่าง และสำนักจิตวิญญาณปฐพี ถ้าตระกูลเท ทียนหยวนรอดไปได้ ข้าขอสาบานว่าจะไม่มีวันไว้ชีวิตเจ้า”
ทันใดนั้นรอยแตกขนาดใหญ่ของค่ายกลก็ถูกฉีกออกรอบเมือง ทันใดนั้นระลอกพลังงานที่รุนแรงก็พัดเข้ามาในรอยแยกราว วกับพายุและก็ระเบิดขึ้นในเมือง
ในทันใดนั้น ผู้ฝึกตนหลายคนในเมืองได้รับผลกระทบ จากพายุทำให้ผู้ฝึกตนที่อ่อนแอกว่าหลายคนเสียชีวิตทันที แม้แ แต่อาคารที่อยู่ใกล้เคียงก็พังทลายลงทั้งหมด
“ ค่ายกลรอบเมืองกำลังจะล่มสลาย” ซูหรานมองไปที่ฝูงชนของผู้คนที่อยู่ด้านนอกอย่างน่ากลัวขณะที่นางควบคุมค่ายก กล เมื่อค่ายกลพังลง ผู้ฝึกตนทุกคนที่หลบหนีเข้ามาในเมืองหลวงของแคว้นจะถึงคราวโดยไม่ต้องสงสัยเลย
อย่าลืมว่ามีเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ของพวกเขาเท่านั้นที่เป็นราชาเทพ เมื่อเทียบกับขั้นอสงไขยจำนวนมากและคลื่นพลัง จากทั้งสามคนขั้นบรรพกาล โดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรที่พวกเขาจะสามารถต่อต้านมันได้
“ข้าได้ทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว ชะตากรรมสุดท้ายของเจ้าจะขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าเอง” ซูหรานคิด ตอนนี้นางไม่มีพลั งเพราะแม้แต่ตระกูลเทียนหยวนก็ยังต้องดิ้นรนเพื่อปกป้องตัวเอง
“เนื่องจากค่ายกลกำลังจะล่มสลาย ข้าควรฆ่าคนทรยศก่อนจะดีกว่า” เจตนาฆ่าอย่างเย็นชาฉายผ่านดวงตาของซูหราน ทันใด ดนั้นนางก็หายตัวไปและในช่วงเวลาถัดมานางก็ปรากฏตัวขึ้นนอกค่ายกล มันกะทันหันมาก
พายุพลังงานจากการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขั้นตั้งตนทำให้พื้นที่ตรงนั้นสั่นสะเทือนตลอดเวลาในขณะที่รอยแตกขยายใหญ่ ขึ้น
หากเมืองหลวงแคว้นเป็นพื้นผิวมหาสมุทรที่เงียบสงบ นี่ก็เป็นพื้นผิวที่ปั่นป่วน
ซูหรานยืนนิ่งอยู่ในอากาศ ไม่ว่าพลังงานจะรุนแรงแค่ไหนก็ตามทันทีที่มันเข้าใกล้นาง มันจะถูกปิดกั้นโดยพลังลึ กลับ ดวงตาของนางจับจ้องไปที่บรรพชนของลัทธิเต๋าเมฆกระจ่าง, เซิ่งผิง และสองจักรพรรดิบรรพชนของจักรวรรดิจันทราส สวรรค์
“ระวัง ! ” ขั้นบรรพกาลร้องออกมาจากด้านข้างนายน้อยประกายดาว แม้ว่าซูหรานจะปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ แต่การฝึ กฝนของเขานั้นสูงกว่าซูหรานอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเขาจึงค้นพบนางและเตรียมการป้องกัน
หลังจากนั้น ซูหรานก็เคลื่อนไหว ระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่ถึง 20 กิโลเมตร ดังนั้นจึงเหมือนการก้าวเท้าเพียงก้าวเดี ยวสำหรับขั้นบรรพกาลอย่างนาง
ในพริบตาเดียว นางก็ปรากฏตัวต่อหน้าบรรพชนของลัทธิเต๋าเมฆกระจ่าง ทันใดนั้นนางก็ยื่นมืออันชราของนางออกไปเจาะผ ผ่านม่านพลังงานของเซิ่งผิงเหมือนกระดาษและบีบลงบนคอของเขาโดยตรง
ความแตกต่างในการบ่มเพาะนั้นมากเกินไป เซิ่งผิงรู้สึกว่าคอของเขาแน่นขึ้นก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าหายใจไม่ออก
แม้ว่าเขาจะไม่จำเป็นต้องหายใจ แต่ความรู้สึกนี้ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อดวงตาของเขาเต็มไปด้วยค ความหวาดกลัว
จากนั้นเขาก็พบว่าซูหรานปรากฏตัวต่อหน้าเขา จ้องมองเขาอย่างเย็นชาและไร้ความปราณี ดวงตาของนางเต็มไปด้วยเจตนา ฆ่า
ในเวลาเดียวกันสองในสามของ ขั้นบรรพกาลที่นายน้อยประกายดาวได้นำมาก็พุ่งเข้าหาซูหราน ส่วนคนที่สามต้องรับผิด ดชอบต่อความปลอดภัยของนายน้อยประกายดาว