เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2640 - ความตายของผู้ทรยศ
ตอนที่ 2640 – ความตายของผู้ทรยศ
ด้วยเหตุนี้ หุนเจิ้งจึงบินออกจากภูเขาวิญญาณก่อนพุ่งเข้าสู่สนามรบ
จื้อเจี้ยนและเยว่เฉาทำได้เพียงติดตามเขาได้อย่างไร้พลัง
พวกเขาทั้งสามคนเป็นแค่เพียงขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 9 ของเชื้อสายนักรบวิญญาณ ดังนั้นมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที สามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้ระหว่างขั้นอัครสูงสุด
“โอ้ ไม่ คนของเชื้อสายนักรบวิญญาณกำลังมา…”
“ผู้เชี่ยวชาญจากที่ราบรกร้างอยู่ที่ไหน ? พวกเขาเสียชีวิตทั้งหมดหรือ…”
“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่จากที่ราบรกร้างมีการบ่มเพาะที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ แม้แต่ผู้คนในชั้นสวรรค์ ที่ 4 ก็มีจำนวนถึง 2 คน เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ฝึกตนตัวหลักที่ทรงพลังเช่นนี้จะตายทั้งหมด…”
ขณะที่พวกเขาเฝ้าดู หุนเจิ้ง, จื้อเจี้ยน และ เยว่เฉา เข้ามาใกล้พวกเขาอย่างรวดเร็ว วูหลู, กงจี้, ฉางเฟิงหยุนแล ละเหอยี่เต๋า คนทรยศทุกคนก็ลุกลี้ลุกลน สีหน้าของพวกเขาน่าเกลียดมาก
พวกเขารู้สึกกลัวอย่างสุดซึ้งต่อเชื้อสายนักรบวิญญาณ ความกลัวนี้ไม่ได้เป็นเพราะความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ ยมของพวกเขาหรือจากวิธีที่พวกเขาสามารถท้าทายผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่า
แต่ความกลัวนี้เป็นเพราะพลังวิญญาณนักรบที่พวกเขาเข้าใจ
ไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อปิดกั้นพลังวิญญาณนักรบ การโจมตีจะทำให้วิญญาณของพวกเขาเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา แม้แต่พวกเขามันก็จะอึดอัดมาก
และนั่นไม่ใช่แม้แต่ทักษะลับ
ทักษะลับยิ่งมีพลังมากยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่ใช้การโจมตีที่ทรงพลังจะเพียงพอที่จะทำให้พวกเขามึนงงได้ชั่วขณะ
ในการต่อสู้ในระดับดังกล่าว ความประมาทเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลต่อสถานการณ์ทั้งหมด หากพวกเขามึนงงระหว่างการต่อสู้ พวกเขาจะต้องเผชิญกับความเป็นไปได้ที่จะตาย
เป็นผลให้ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดของพันธมิตรสี่เส้าไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กับเชื้อสายนักรบวิญญาณ หลังจากได้รับรู้ค ความแข็งแกร่งของพวกเขา
ความเสี่ยงนั้นมากเกินไป
“ไม่ต้องกังวล ผู้คนของเชื้อสายนักรบวิญญาณเพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มาก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ สมบูรณ์อีกต่อไป พวกเขาไม่ได้ทรงพลังเหมือนเมื่อก่อน” บรรพชนสายลมพลิ้วร้องด้วยเสียงห้าวหาญ ในขณะนี้เขาจำเป็นต้ องปลุกขวัญกำลังใจของพวกเขา มิฉะนั้นหากพวกเขาหวาดกลัวกับเชื้อสายนักรบวิญญาณ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่จะตัดสินช ชะตากรรมของพันธมิตรสี่เส้าจะไม่มีเป้าหมายที่จะดำเนินต่อไป
“สหายเชื้อสายนักรบวิญญาณ เจ้ามาในเวลาที่เหมาะเจาะ ไปช่วยโจวซีเตาและตงวู่หมิงก่อน ข้ายังคงทำให้พวกเขาสองคน นยุ่งได้สักพัก” เลี่ยหยานหวูจิหัวเราะดัง ๆ เขาเผาพลังชีวิตเพื่อแลกกับความแข็งแกร่งที่มากขึ้น เปลวไฟคำรามบ บนตัว เขาแผดเผาพื้นที่ตรงนั้นให้เป็นสีแดงขณะที่เขาต่อสู้กับวูหลูและกงจี้
เขาตรึงสองอัครสูงสุดของพันธมิตรสี่เส้าไว้เพียงลำพัง แน่นอนว่าราคาค่าตอบแทนสำหรับการทำเช่นนั้นค่อนข้างมาก
พวกเขาทั้งสามไม่ได้ไปช่วยเลี่ยหยานหวูจิ แต่พวกเขารีบตรงไปที่โจวซีเตาและตงวู่หมิง
เชื้อสายนักรบวิญญาณได้เข้าร่วมการต่อสู้ หุนเจิ้งเข้ามาแทนที่ผู้เฒ่าเทียนซาน ในฐานะคู่ต่อสู้ของบรรพชนสายลมพลิ ว
ในฐานะบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดของพันธมิตรสี่เส้า มีเพียงหุนเจิ้งเท่านั้นที่จะจัดการกับเขาได้ง่ายกว่าเล็กน้อย ย
จื้อเจี้ยนและเยว่เฉาช่วยโจวซีเตาและตงวู่หมิง พัวพันฉางเฟิงหยุนและเหอยี่เต๋าไว้
“ดูเหมือนเจ้าจะเป็นเหอยี่เต๋าจากสำนักเต๋าฉุกเฉิน เจ้าไม่สามารถอยู่ในกลุ่มพันธมิตรชอบธรรมได้และเจ้าต้องวิ่ง ไปอีกด้านหนึ่งเพื่อต่อต้านน้องแปด ดูชะตากรรมของอีก 2 คน องค์กรของพวกเขาไม่เพียงถูกทำลาย แต่พวกเขาเองก็เส สียชีวิตด้วย มันคุ้มค่าหรือไม่” จือเจี้ยนกระซิบเมื่อมาถึงตรงหน้าเหอยี่เต๋า การจ้องมองของเขาที่มีต่อเหอยี่ เต๋า เหมือนกับว่าเขากำลังจ้องมองไปที่คนตาย
สีหน้าของเหอยี่เต๋ามืดครึ้มลงอย่างมาก เขาจ้องมองไปที่จือเจี้ยน ขณะที่แสงในดวงตาของเขากะพริบ “ เจ้าไม่น่าจะ ะได้รับชัยชนะมาอย่างง่าย ๆ ในการต่อสู้ครั้งก่อน เจ้าจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่เปลืองคำพูด ใด ๆ กับข้า”
“ ข้าบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ยังเกินพอที่จะจัดการกับขั้นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 1 เช่นเจ้า” จือเจี้ยนกล่าวด้วยคว วามดูถูกเล็กน้อย เขาแทงออกไปโดยตรง พลังวิญญาณนักรบควบแน่นเป็นเกลียวของปราณกระบี่ที่ติดอยู่กับกระบี่ทันทีที่ สัมผัสกับเหอยี่เต๋า พลังวิญญาณนักรบก็โจมตีวิญญาณของเขาทันที
สีหน้าของเหอยี่เต๋าแข็งกระด้างและเขาเซไปข้างหลัง ความเจ็บปวดจากจิตวิญญาณของเขาทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย ย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็กัดฟันและตัดสินใจ
ในช่วงเวลาต่อมา สีหน้าของเขาซีดเซียวในขณะที่ร่างกายของเขาพร่ามัวในพื้นที่ตรงนั้น เขากำลังจะหายไป
นี่เป็นทักษะลับในการหลบหนีที่เหอยี่เต๋าทำความเข้าใจได้ ทันทีที่เขาใช้ทักษะลับ ร่างของเขาจะเข้าสู่สภาพคร รึ่งหนึ่งที่หลอมรวมเข้ากับมิติ มันเป็นเรื่องยากที่จะทำร้ายเขา เกือบจะทำให้เขาอยู่ยงคงกระพัน สิ่งที่เขาต้องทำ ำคือรอให้ทักษะลับพุ่งขึ้น หลังจากนั้นเขาสามารถข้ามระยะทางอันยิ่งกว้างไกลเพื่อหลบหนีไปได้โดยตรง แม้แต่ขั้น นอัครสูงสุดที่แข็งแกร่งกว่าเขาหนึ่งหรือสองชั้นก็ไม่สามารถจับเขาได้
เห็นได้ชัดว่า เหอยี่เต๋าเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เขารู้ว่าเขาไม่สามารถสู้กับเชื้อสายนักรบวิญญาณได้นานนั ก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะหนีโดยไม่ลังเลใด ๆ
“ถ้าพันธมิตรสี่เส้าถูกทำลาย ข้าจะออกจากที่ราบเมฆา หากพันธมิตรสี่เส้าสามารถฟื้นพลังได้หลังจากที่ข้าจากไป ข้าก็ จะกลับมา” เหอยี่เต๋าคิด
“อยากหนีไปให้เร็ว ๆ งั้นหรือ ? การวิ่งหนีจากสมาชิกเชื้อสายนักรบวิญญาณของเราไม่ใช่เรื่องง่าย” จื้อเจี้ยนหัวเร ราะเยาะ ดวงตาของเขาลึกซึ้งขึ้นทันที พลังวิญญาณนักรบที่ทรงพลังควบแน่นเป็นกระบี่อันแหลมคมและพุ่งออกมาจากหน้า าผากของเขา มันแทงทะลุแนวป้องกันทั้งหมด แทงไปที่หน้าผากของเหอยี่เต๋าด้วยความเร็วที่ไม่อาจบรรยายได้
แม้ว่าเหอยี่เต๋าจะรู้ว่าจื้อเจี้ยนจะใช้ทักษะลับ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ เขาทำได้เพียงเฝ้ามองดูทักษะลับที่พุ่งเ เข้าหาเขา เขาไม่พบวิธีที่จะป้องกันมันหรือหลบให้บรรเทาลง
ทันใดนั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็ปรากฏขึ้นจากหน้าผากของเหอยี่เต๋า เขาอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงอึกอักอย่างเจ็บ บปวดขณะที่การมองเห็นของเขาพร่ามัวไปในทันที
“เป็นไปได้อย่างไร ? ร่างกายของข้าได้หลอมรวมกับพื้นที่แล้วครึ่งหนึ่ง โดยพื้นฐานแล้วข้าอยู่ยงคงกระพัน แต่ทำไม ข้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงพลังวิญญาณนักรบได้ในตอนนี้ ? พลังวิญญาณนักรบเป็นพลังแบบไหนกัน ? มันมีพลังมากแค่ไหน กัน ? ” เหอยี่เต๋าตกตะลึงอย่างมาก ทักษะลับที่เขาเรียกใช้เพื่อหลบหนีได้ถูกขัดจังหวะอย่างรุนแรง
ในเวลาเดียวกันจู่ ๆ กระบี่ของจื้อเจี้ยนก็แทงเข้าที่ศีรษะของเขา
เหอยี่เต๋าตาย !
ตอนนี้ทั้งสามคนทรยศของกลุ่มพันธมิตรชอบธรรมตายไปแล้ว
“นะ- นั่นมันน่ากลัวเกินไปแล้ว…” โจวซีเตาได้เห็นกระบวนท่าทั้งหมดที่นำไปสู่การตายของเหอยี่เต๋า เขาตกใจอย่า างที่สุด
เขาได้ปะทะกับเหอยี่เต๋าหลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงมีความเข้าใจในความแข็งแกร่งของเขา แม้ว่าเขาจะสามารถไปถึงทาง เสมอกับเหอยี่เต๋าได้มากที่สุด แต่เหอยี่เต๋าก็ถูกสังหารอย่างรวดเร็วด้วยน้ำมือของเชื้อสายนักรบวิญญาณ สิ งนี้ส่งผลกระทบต่อเขามากทีเดียว
นั่นไม่ได้หมายความว่าแม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับเชื้อสายนักรบวิญญาณ การต่อสู้เขาก็จะไม่สามารถทนต่อการปะทะได้ เช่นเดียวกับเหอยี่เต๋า ?
“มันน่ากลัวมาก มันน่ากลัวมากเกินไป โชคดีที่เชื้อสายนักรบวิญญาณทนทุกข์ทรมานจากข้อจำกัดทางธรรมชาติเพื่อป้องกันไ ไม่ให้พวกเขาทะลวงไปถึงขั้นอัครสูงสุด ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครสามารถเอาชนะพวกเขาได้ในโลกแห่งเซียน” จิตใจของโจวซี เตาตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เขาแอบสาบานว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่ล่วงเกินเชื้อสายนักรบวิญญาณในอนาคต
…
กลับไปที่ตระกูลเทียนหยวนในพื้นที่ภาคใต้ของที่ราบเมฆา
เมืองหลวงแคว้นถูกทำลายหมดแล้ว กำแพงเมืองที่สูงตระหง่านได้หายไปแล้ว เมืองนี้ไม่ได้มีความคล้ายคลึงกับตัวตนในอ อดีตอีกต่อไป มีเพียงตระกูลเทียนหยวนที่ถูกห่อหุ้มอยู่ภายในค่ายกลที่สองเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่
ลูกบอลแสงสีแดงเลือดพุ่งอย่างรุนแรงเหนือซากปรักหักพังของเมืองหลวงแคว้น นั่นคือคุกที่หลินเฟยสร้างขึ้นด้วยทัก กษะลับเพื่อเอาไว้ขังซูหรานในมิติที่นั่น
หากไม่มีซูหราน ตระกูลเทียนหยวนก็ขาดกองกำลังใด ๆ ที่สามารถต่อต้านนายน้อยประกายดาวได้ ส่งผลให้คนของนายน้อ อยประกายดาวกลายเป็นคนที่ไม่ต้องเกรงกลัวอย่างสิ้นเชิง พวกเขาเริ่มโจมตีค่ายกลโดยไม่ต้องกังวลใด ๆ แม้แต่หลินเ เฟยผู้มีหน้ารับผิดชอบในการปกป้องนายน้อยประกายดาวก็มีส่วนร่วมในการโจมตี
ภายใต้การโจมตีของผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ค่ายกลรอบตระกูลเทียนหยวนสั่นสะท้านอย่างรุนแรง มันจางลงอย่างรวดเร็วและ ะมีรอยแตกเล็ก ๆ จะปรากฏขึ้นตลอดเวลา
เห็นได้ชัดว่าค่ายกลมาถึงขีดจำกัดแล้ว
ตูม !
ในขณะนี้การโจมตีที่ทรงพลังจากหลินเฟยได้พุ่งเข้าใส่กำแพงอย่างแรง การโจมตีที่น่ากลัวจากขั้นบรรพกาลชั้นสวร รรค์ที่ 6 ได้ผลักดันค่ายกลผ่านจุดแห่งการทำลายล้างในที่สุด ฐานรากทั้งหมดระเบิดและสุดท้ายค่ายกลตระกูลเทียนหยว วนก็ล่มสลายในที่สุด
หากไม่มีค่ายกล ทุกคนในตระกูลเทียนหยวนก็สัมผัสโดยตรงกับกระแสพลังที่รุนแรง
คลื่นกระแทกที่ทรงพลังในอากาศพุ่งลงมาราวกับสายน้ำราวกับว่าพวกมันสามารถกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างได้
ทุกคนในตระกูลเทียนหยวนหน้าซีดอย่างน่ากลัวเมื่อพวกเขาได้เห็นฉากพังทลายนี้ มากกว่าครึ่งหนึ่งของพวกเขาแสดงให้เ เห็นถึงความสิ้นหวัง