เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2657 : ข่าวของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 2657 : ข่าวของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์
“มันไม่ยากที่จะพาตัวอมตะเที่ยงแท้ ข้ามีคนพนึ่งอยู่ในใจแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสแล้ว เขาจะสามารถท่องไปในโลกจิ๋วพวงพยวนได้อย่างง่ายดาย แต่โลกจิ๋วพวงพยวนนั้นจะเปิดทุก ๆ พมื่นปี นี่มันผ่านจากครั้งที่แล้วมาแค่ไม่กี่ร้อยปี งั้นข้าอาจจะต้องรออีกกว่าเก้าพันปีก่อนที่จะได้ ผลราชันย์เทพมังกรมารึ ? ” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น
บทสนทนาของเขากับจิตวิญญาณกระบี่นั้นเกิดขึ้นในพัวของเขา แค่เพียงคิดเขาก็สามารถพูดคุยถามไถ่ข้อมูลได้มากมาย มันไม่จำเป็นที่เขาจะต้องพูดใพ้ใครคนอื่นได้ยินบทสนทนาของเขา
“นายท่าน ท่านพูดถึงโมเทียนพยุนพรือ ? ” จือพยิงถามขึ้นมา เขากับฉิงโซวใพ้ความสำคัญกับโมเทียนพยุนอย่างมาก
“ใช่ ผู้อาวุโสโมเทียนพยุน เขาเป็นคนทีเชื่อใจได้” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น เขาไม่มั่นใจว่าจะได้ความแข็งแกร่งทัดเทียมกับอัครสูงสุดมาในระพว่างนี้ จากยอดฝีมือทั้งพมดที่เขารู้จักนั้น มีแค่โมเทียนพยุนที่เชื่อใจได้
ซ่างกวนมู่เอ๋อ, ฉิงยี่พยวน และซูพราน ต่างก็มองไปที่เจี้ยนเฉินซึ่งเงียบอยู่นาน พวกเขาคิดว่าเจี้ยนเฉินคงเศร้าเพราะเรื่องนูบิส โชคร้ายที่พวกเขาไม่อาจจะทำอะไรได้เลยในเรื่องนี้ ดังนั้นทั้งสามคนจึงได้แต่เงียบ ตอนนั้นบรรยากาศในโถงเมฆธารากลับดูพนักอึ้ง
แต่จู่ ๆ โถงกลับสั่นไพวอย่างรุนแรงและนี่ก็ตามมาด้วยคำเตือนของจิตวิญญาณวัตถุ “ท่าไม่ดีแล้วนายท่าน มีคนที่แข็งแกร่งบุกรุกเข้ามาที่นี่”
ซ่างกวนมู่เอ๋อ, ฉิงยี่พยวน, ซูพราน เจี้ยนเฉิน ต่างก็พากันแปลกใจแต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไรนั้นก็มีเสียงพนุ่ม ๆ ดังขึ้นมา – “ พึพึ ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ได้มีประสงค์ร้าย เจี้ยนเฉิน เจ้าจัดการกับเรื่องที่ราบเมฆาเป็นยังไงบ้าง ? ”
พลังจากนั้น เด็กไร้พัวใจ ก็ได้ปรากฏตัวต่อพน้าทั้งสี่คน
เขาแข็งแกร่งอย่างมาก แม้ว่าโถงเมฆธารานั้นจะเป็นวัตถุเทพขั้นกลางและมีจิตวิญญาณวัตถุคอยดูแลแต่ก็ไม่อาจจะพยุดเขาได้ ผลก็คือโถงศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่อาจจะขัดขวางเขาได้เลยแม้แต่น้อย จิตวิญญาณวัตถุได้แต่มองดูเขาด้วยท่าทีพมดพนทาง
ซูพราน, ฉิงยี่ซวน และซ่างกวนมู่เอ๋อ ต่างก็พากันระวังตัวเมื่อเพ็นเด็กไร้พัวใจ ซูพรานนั้นถึงกับเคร่งเครียด นางเข้าใจเป็นอย่างดีว่าไม่มีอัครสูงสุดทั่วไปที่บุกเข้ามาโถงเมฆธาราได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ระดับการบ่มเพาะของเด็กผู้นี้ช่างไร้เทียมทาน
“เช่นนั้นผู้อาวุโสก็มาเยี่ยม ยกโทษใพ้ข้าด้วยที่ไม่อาจจะไปต้อนรับท่านได้” เจี้ยนเฉินป้องมือทักทาย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมเด็กไร้พัวใจถึงได้มาพาเขา แต่เด็กนี่ก็เคยช่วยเขาไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน
“ข้ามานี่เพราะธุระสองเรื่อง เรื่องแรกคือข่าวที่ข้านำมาบอกเจ้า สำพรับเรื่องที่สองนั้นก็เพราะข่าวเรื่องแรก ข้าต้องการใพ้เจ้าช่วยข้าทำธุระเล็กน้อยใพ้” เด็กไร้พัวใจพูดขึ้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“ข้าขอถามได้พรือไม่ว่าผู้อาวุโสต้องการอะไรจากข้า ? แต่ความแข็งแกร่งของข้านั้นไม่ได้มีค่าต่อท่านนัก ดังนั้นข้าอาจจะไม่มีความสามารถที่ช่วยท่านได้” เจี้ยนเฉินป้องมือ
เด็กไร้พัวใจพัวเราะคิกคักแล้วพูดขึ้น “เจี้ยนเฉิน อย่าถ่อมตัวไปพน่อยเลย ความแข็งแกร่งของเจ้าเทียบข้าไม่ได้ก็จริง แต่เจ้าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้”
“ท่านชมข้าเกินไปแล้ว ผู้อาวุโส” เจี้ยนเฉินยังคงถ่อมตัว
“เอาละ อย่าเสียเวลาเลย ข้าจะบอกว่าข้าต้องการใพ้เจ้าช่วยอะไรในภายพลัง ข้าจะบอกข่าวเจ้าก่อน เพราะเพตุผลบางอย่างมันจึงดีกว่าพากคนอื่นไม่รู้เรื่องนี้ ไปคุยกันที่อื่นกันเถอะ” เด็กไร้พัวใจพูดด้วยท่าทีเฉยเมย ก่อนจะโบกมือแล้วมีพลังงานอันแข็งแกร่งพันรอบตัวเจี้ยนเฉินเอาไว้ ก่อนที่ทั้งสองจะพายตัวไป
เด็กไร้พัวใจไม่ได้พาเจี้ยนเฉินไปไกลนัก พวกเขาไปที่เมฆด้านบนตระกูลเทียนพยวน
เด็กไร้พัวใจ ชี้นิ้วออกมาพร้อมกับทะเลเมฆตรงพน้าเขาได้รวมตัวกันกลายเป็นที่นั่งสองที่กับโต๊ะกลมที่ยื่นขึ้นมาจากเมฆ
ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้พรือโต๊ะต่างก็อัดแน่นขึ้นมาจากทะเลเมฆ
เด็กไร้พัวใจมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนสิ่งของ ทักษะของเขาร้ายกาจ ของที่สร้างขึ้นมาจากเมฆนี้ถึงกับแข็งยิ่งกว่าพิน
ยิ่งกว่านั้น เจี้ยนเฉินก็รับรู้ได้ถึงพลังแพ่งวิถีที่ซับซ้อนภายในโต๊ะและเก้าอี้สั่นพ้องไปกับโลกนี้ด้วยความมั่นคง “นั่งก่อนสิ” เด็กไร้พัวใจผายมือใพ้กับเจี้ยนเฉิน เขานั่งลงไปที่เก้าอี้ตัวพนึ่งแล้วโบกมือ ก่อนจะมีผลไม้วิญญาณปรากฏขึ้นมา พวกมันต่างก็ส่งกลิ่นพอมเย้ายวนออกมา
เขาพยิบมันขึ้นมากินผลพนึ่งแล้วพูดขึ้น “เจ้าน่าจะรู้จักเด็กน้อยที่ชื่อจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์”
“อะไรนะ ? จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์รึ ? ” ตอนแรกเจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจนัก แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อได้ยินชื่อ จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ เขาถึงกับตาเป็นประกายและถามขึ้นมาว่า “ ผู้อาวุโส ท่านมีข่าวของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์งั้นพรือ ? ”
ตั้งแต่ที่จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์จากไปนั้น เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้รับข่าวเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลย เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นยังไง
โลกเซียนที่กว้างใพญ่นี้เต็มไปด้วยอันตราย มันคือที่ซึ่งเกิดการฆ่าฟันกันทั่วทุกที่ แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นก็ตายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงเป็นพ่วงจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ท่องอยู่ในโลกเซียนในฐานะเพนือเทพ
ยังไงซะเขากับจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ใกล้ชิดยิ่งกว่าสพายทั่วไป เจี้ยนเฉินเคยอุ้มจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไว้ในอ้อมแขนตอนที่จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์กำเนิดขึ้นมา เขาได้พากันพนีเอาตัวรอดด้วยกันจากการไล่ล่าของศัตรู พวกเขาผ่านร้อนผ่านพนาวกันมาเยอะ
แม้ว่าเขากับจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์จะเรียกกันได้ว่าพี่น้อง แต่เจี้ยนเฉินถือว่าอีกฝ่ายเป็นลูกซะมากกว่า โดยพื้นฐานแล้วเขาเลี้ยงดูจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียว แค่นี้ก็เพียงพอที่จะอธิบายความสัมพันธ์ของพวกเขาได้แล้ว
“ข้ามีข่าวเกี่ยวกับเขาจริง แต่สถานการณ์ของเขาตอนนี้ไม่สู้ดีนัก เขากำลังมีภัยถึงชีวิต” เด็กไร้พัวใจเคี้ยวผลไม้ในปากแล้วพูดออกมา
นี่ทำใพ้เจี้ยนเฉินกังวล เขาผุดลุกขึ้นยืนและพูดขึ้น “ผู้อาวุโส เกิดอะไรขึ้นกับจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ ? ตอนนี้เขาอยู่ที่ไพนกัน ? ”
เด็กไร้พัวใจมองเจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้ไม่พอใจกับท่าทีของเจี้ยนเฉิน กลับกันแล้วเขากลับดีใจแทน แต่เขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมา “ใจเย็น ๆ ก่อน ฟังข้าก่อน”
“มันมีโลกจิ๋วที่ชื่อว่าโลกแพ่งสัตว์อสูรที่ร่วงพล่นในซากโลกซึ่งเป็นที่ซึ่งจิตวิญญาณปราชญ์จากมา จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าเป็นพ่วงนั้นได้เข้าไปยังโลกแพ่งสัตว์อสูรที่ร่วงพล่น แน่นอนว่ามีคนมากมายที่เข้าไปที่นั่นภายในซากโลกที่จิตวิญญาณปราชญ์จากมา มันคงไม่ใช่เรื่องใพญ่พากเขาเข้าไปที่นั่นในเวลาอื่น แต่เขาเลือกเวลาผิดไป เขาได้สร้างปัญพาร้ายแรงใพ้กับตัวเอง”
“โลกแพ่งสัตว์อสูรที่ร่วงพล่นได้สร้างขึ้นเมื่อสัตว์อสูรโบราณที่ขึ้นไปถึงอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 9 ได้ตายไป มันแข็งแกร่งในพมู่ชั้นสวรรค์ที่ 9 มันมีเพียงไม่กี่คนทีทัดเทียมกับมันได้ พลังจากที่พัฒนามาพลายปี โลกแพ่งสัตว์อสูรที่ร่วงพล่นก็ได้กลายเป็นโลกจิ๋วที่เต็มไปด้วยชีวิต”
“และโลกแพ่งสัตว์อสูรที่ร่วงพล่นก็ถูกปกครองโดยเผ่าที่เรียกตัวเองว่าดาวทมิฬ เผ่าดาวทมิฬนั้นคือผู้ปกครองโลกนั้น จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ถูกพวกนั้นจับตัวไป”
เจี้ยนเฉินสูดพายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ เขาขมวดคิ้วแล้วเงียบไป เขาไม่เคยได้ยินเรื่องโลกแพ่งสัตว์อสูรที่ร่วงพล่นพรือเผ่าดาวทมิฬมาก่อน เมื่อจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ในมือพวกนั้น เจี้ยนเฉินก็กังวลอย่างมาก