เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2667 : เย่อหยิ่ง
ตอนที่ 2667 : เย่อหยิ่ง
ยังไงซะพวกเขาก็เป็นแค่ผู้ใช้กระบี่ผู้พิทักษ์ พวกเขาไม่ใช่เจ้าของของมัน กระบี่ผู้พิทักษ์จะจากพวกเขาไปตอนไหนก็ได้หากพวกเขาทำเช่นนั้น
แน่นอนว่ากระบี่ไม่ได้ส่งข้อความให้พวกเขาตลอดเวลา มันจะส่งข้อความหาก็ต่อเมื่อผู้ใช้ตกอยู่ในอันตรายหรือกระบี่ผู้พิทักษ์เล่มอื่น ๆ นั้นตกอยู่ในอันตราย มันถึงจะส่งข้อความให้กับพ พวกเขา
“หากเจ้าบัดซบกงซุนอี้ตายไป โถงเซียนธาตุแสงก็จะสงบขึ้นอย่างมาก ทำไมกระบี่ผู้พิทักษ์ถึงอยากให้เราช่วยเขาด้วย ? ” ตงหลินหยานเซว่หงุดหงิดอย่างมาก ตอนนี้นางอยู่ภายในตระก กูลตงหลิน นางเกลียดกงซุนอี้มากที่สุด แต่นางกลับถูกสั่งให้ไปช่วยเขา มันทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก
สุดท้ายผู้พิทักษ์ทั้งห้าก็ได้มารวมตัวกัน พวกเขาเดินทางไปตามทิศทางที่กระบี่ผู้พิทักษ์บอกมาและไปถึงในมิติที่กงซุนอี้ถูกขังเอาไว้
กงซุนอี้อยู่ในมิติที่แสนไกล พวกเขาต้องข้ามที่ราบกว่าสิบแห่งด้วยค่ายกลเคลื่อนย้าย ก่อนจะเดินทางต่อในระยะทางที่ไม่รู้ว่าจะใช้พลังของกระบี่ไปมากแค่ไหน จากนั้นพวกเขาก ก็ค่อยไปถึงที่นั่น
นี่เป็นครั้งแรกที่กระบี่ผู้พิทักษ์ทั้งหกได้มารวมตัวกันที่มิติภายนอก มันไกลเกินกว่าที่ราบรกร้าง
แต่เมื่อได้เห็นสัตว์อสูรมิติตัวใหญ่ ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึง นอกจากซวนจ้าน
นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสี่คนได้เห็นสัตว์อสูรมิติตัวใหญ่แบบนี้ !
เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ ด้วยการที่พวกเขามาถึง กงซุนอี้ก็ถูกช่วยเอาไว้
“วิเศษ ! รองหัวหน้าซวนจ้า ในที่สุดท่านก็มาช่วยข้า ข้าถูกล็อคไว้กับสัตว์อสูรมิตินี่มาหลายวัน มันกำลังหมดแรง เร็วข้า ร่วมมือกันฆ่ามันซะ ! ” กงซุนอี้หัวเราะออกมา การมาถ ถึงของพวกนี้ทำให้เขาผ่อนคลาย มันต่างจากความสิ้นหวังก่อนหน้านี้ ตอนนี้คึกอย่างมาก ความมั่นใจเองก็เต็มเปี่ยมไปด้วย
เขารู้ว่าเขาคงไม่ตายด้วยเท้าของสัตว์อสูรมิตินี่ด้วยการมาถึงของพวกนี้
หลังจากนั้นกงซุนอี้ก็ได้เปลี่ยนจากการป้องกันมาทำการโจมตี เขาได้ร่วมมือกับซวนจ้านและคนอื่น ๆ ในการต่อสู้กับสัตว์อสูรมิติ
กระบี่ผู้พิทักษ์ทั้งหกของโถงเซียนธาตุแสงได้ส่องแสงออกมาให้กับมิติที่มืดมิด พวกมันทำให้เกิดการต่อสู้ที่น่าตกตะลึง
แต่สัตว์อสูรมิตินี้แข็งแกร่งเกินไป ยิ่งกว่านั้นความแข็งของตัวมันก็แทบไม่มีอะไรมาเทียบได้ หลังจากที่ปะทะกันอยู่หลายครั้ง พวกเขาก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่านอกจาก ซวนจ้าน แล้ว ว ไม่มีใครเลยที่ทำอันตรายต่อสัตว์อสูรมิติได้
แม้แต่ซวนจ้านก็ทำให้มันบาดเจ็บแค่เพียงเล็กน้อย
แต่การโจมตีของสัตว์อสูรมิติจะทำให้พวกเขากระเด็นออกไปไกลเรื่อย ๆ แม้แต่ด้วยการป้องกันของกระบี่ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกกลัว
“ถอยกันเถอะ เราไม่อาจจะทำอะไรมันได้” ซวนจ้านพูดขึ้นมา
“เราจะปล่อยมันไปแบบนี้รึ ? ” กงซูนอี้รู้สึกแค้น เขาถูกสัตว์อสูรมิตินี่ตามรังควานอยู่นานจนชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย สุดท้ายเขาก็ได้โอกาสที่จะแก้แค้น เมื่อพบว่าเขาไ ไม่อาจจะทำอะไรมันได้ มันก็ทำให้ความแค้นในอกปะทุขึ้นมา
ซวนจ้านมองไปที่กงซุนอี้ด้วยสีหน้าเฉยเมยและพูดขึ้น “หากเจ้าอยากแก้แค้นก็อยู่ต่อซะ เราไม่อยู่กับเจ้าด้วย” เพราะกงซุนอี้เป็นคนบังคับให้หยู่เฉินต้องวางมือและออกจากโ โถงเซียนธาตุแสงไป ซวนจ้านจึงไม่ได้ประทับใจ กงซุนอี้มากนัก คำพูดของเขาไร้ปราณีโดยไม่ได้สนใจฐานะของกงซุนอี้ที่เป็นผู้นำของโถงเซียนธาตุแสงเลยแม้แต่น้อย
อันที่จริงกงซุนอี้ไม่อาจจะทำอะไรซวนจ้านได้ อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่มีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับซวนจ้าน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยจากสัตว์อสูรมิติ
ผลก็คือเขาได้แต่ฮึดฮัดในใจ เขามองไปที่สัตว์อสูรมิติที่ทำให้เขาสลดอยู่นาน ก่อนจะหันกลับแล้วออกมาจากที่นั่น
สุดท้าย ซวนจ้านก็ได้คอยปกป้องพวกเขาจนหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย
ทันทีที่กงซุนอี้กลับมายังโถงเซียนธาตุแสง กงซุนอี้ หวงฟู่กุ่ยยี่จากตระกูลกลางสวรรค์และซูซีปิงจากตระกูลซูก็มาพบเขา พวกนั้นหวังว่ากงซุนอี้จะทำตามที่ตกลงกันไว้ เพื่อ อให้คนของพวกเขาได้รับสืบทอดกระบี่ผู้พิทักษ์
ทั้งสองต่างก็ลากตัวเองเข้ามาด้วยร่างกายที่บาดเจ็บหนัก พวกเขาได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้กับเชื้อสายวิญญาณนักรบและหัวหน้าพิรุณ มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นฟูตัวเองได้ในเวลา อันสั้น
แต่พวกเขาไม่ได้สนใจบาดแผลเลยแม้แต่น้อย พวกเขาคิดถึงแค่กระบี่ผู้พิทักษ์ของโถงเซียนธาตุแสง พวกเขาต้องการให้กระบี่ผู้พิทักษ์ตกอยู่ในมือคนของพวกเขาเพื่อจะยกระดับความแข็งแกร ร่งและฐานะของตระกูลขึ้นมา
“ฮึ่ม เชื้อสายวิญญาณนักรบยังไม่ถูกทำลาย ไม่มีใครตายเลยสักคน วิถีของเซียนจอมปราชญ์ที่ข้าต้องการก็ยังไม่ได้จากเจี้ยนเฉิน พวกเจ้าไม่ได้อะไรกลับมาเลยกับการไปยังที่ราบเมฆ ฆา แต่พวกเจ้ายังกล้ามาขอกระบี่ผู้พิทักษ์อีกรึ ? ไปให้พ้น ทั้งสองคนเลย ไปให้พ้น….”
ทันทีที่กลับมายังโถงเซียนธาตุแสง ความหยิ่งทะนงของกงซุนอี้ก็เพิ่มขึ้นมาทันที ตัวตนของผู้พิทักษ์ทำให้เขามั่นใจที่จะดูถูกทุกคน เมื่อรวมกับความหงุดหงิดเมื่อตะกี้ เขาก็เริ่ม มด่าทั้งสองคนโดยไม่สนฐานะของทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย
หวงฟู่กุ่ยยี่ และ ซูซีปิง ตะลึงเมื่อได้ยินที่ กงซุนอี้ ด่าพวกเขา พวกเขาเป็นอัครสูงสุดส่วนสวรรค์ชั้น 4 ที่ได้รับความเคารพทั่วที่ราบรกร้าง พวกเขามีอำนาจทั่วที่ราบแต่พวกเ เขากลับถูก กงซุนอี้ ที่พวกเขาไม่เคยเห็นหัวด่าเอา
บางทีนี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ตลอดหลายปีที่บ่มเพาะกันมา
แต่หวงฟู่กุ่ยยี่และซูซีปิงก็ได้สติอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของพวกเขาหม่นลงพร้อมกับแสดงความแค้นเคืองออกมาผ่านสายตา ชัดแล้วว่าพวกเขาหงุดหงิดอย่างมาก
แต่พวกเขาไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ ออกมา ที่ราบรกร้างในตอนนี้นั้นตระกูลของทั้งสองใกล้ชิดกับกงซุนอี้มากที่สุด มันยากที่พวกเขาจะสร้างสายสัมพันธ์นี้ขึ้นมา ก่อนที่จะได้กระบี่ผู พิทักษ์มา พวกเขาไม่คิดจะตายไปพร้อมกับ กงซุนอี้
“ทนไว้ก่อน ทำเพื่อภาพรวม เขาคงอยู่ไม่ได้นานกับความหยิ่งทะนงที่เขามี เมื่อกระบี่ผู้พิทักษ์ทิ้งเขาไป เขาก็แค่มดตัวหนึ่ง….” หวงฟู่กุ่ยยี่ส่งข้อความหาซูซีปิง
“ มันน่าหงุดหงิด กงซุนอี้ ได้ใจเกินไปแล้ว เขาคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ เมื่อกระบี่ผู้พิทักษ์ตกอยู่ในมือตระกูลเรา เราจะสร้างพันธมิตรกับซวนจ้านทันที และแสดงให้กงซุนอี้ เห็นว่าอะไรเป็นอะไร” ซูซีปิงตอบกลับ เขาเองก็หงุดหงิดอย่างมาก
คำพูดที่ไร้ปราณีของกงซูนอี้นั้นเหมือนดูหมิ่นทั้งคู่
แม้ว่าพวกเขาจะหงุดหงิด แต่ทั้งสองก็ไม่ได้เถียงอะไรกงซุนอี้
“ท่านโทษเราเรื่องนี้ไม่ได้ ท่านก็เห็นความแข็งแกร่งของหัวหน้าพิรุณ นางต้องการปกป้องเชื้อสายวิญญาณนักรบ ดังนั้นเราจึงไม่อาจจะทำอะไรได้ ยิ่งกว่านั้นแม้แต่ชาหยุนก็ต้องตาย ยไปด้วย” หวงฟู่กุ่ยยี่พูดขึ้นมา
ซูซีปิงฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา “ท่านต้องหาทางจัดการกับหัวหน้าพิรุณ หากท่านต้องการทำลายเชื้อสายวิญญาณนักรบ ด้วยความแข็งแกร่งของหัวหน้าพิรุณแล้ว บางทีอาจจะมีแค่เซียนกระบี่ สวรรค์เท่านั้นที่ทัดเทียมกับนางได้ในที่ราบรกร้าง หากท่านมีความสามารถก็ไปขอให้เซียนกระบี่สวรรค์มาลงมือซะ”