เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 268: ความสำเร็จ
ตอนที่ 268: ความสำเร็จ
เจี้ยนเฉินกลับไปยังค่ายพักชั่วคราว เขาส่งคืนถุงน้ำที่มีพิษกลับไปให้เหล่าทหารอย่างระมัดระวังไม่ให้แผนการของเขาถูกเปิดเผย
เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ ตัวเองอย่างเงียบ ๆ เขาสังเกตสภาพแวดล้อมของเขาในกรณีที่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นเขาจะสามารถตอบสนองได้ทันที ในขณะที่ชุดเกราะที่เขาสวมใส่นั้นทำให้เจี้ยนเฉินคล้ายกับทหารคนอื่น แต่เสียงของเขาไม่ใช่สิ่งที่สามารถเปลี่ยนได้
ไม่มีทหารคนใดที่สามารถสัมผัสความผิดปกติในตัวเจี้ยนเฉิน พวกเขาเริ่มมาหยิบถุงน้ำไปทีละคนและดื่มน้ำดับกระหาย
“สีเฉียวฟู เอาถุงน้ำมาให้เราด้วย ! ” กลุ่มทหารระดับสูงเรียกเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินใช้หางตาเหลือบมองทหารที่เรียกเขา เขารู้ทันทีว่าชื่อที่ทหารคนนั้นเรียกคือชื่อของทหารที่เขาฆ่า เขารีบดึงถุงน้ำที่ดูหรูหราออกมาและเดินไปหาพวกเขาโดยไม่ลังเล เขาเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการโจมตีตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามทหารเหล่านี้ก็ไม่รู้สึกผิดปกติกับเจี้ยนเฉิน พวกเขารับถุงน้ำมาจากเจี้ยนเฉินและดื่มน้ำทันที พิษของอสรพิษทองริ้วเงินไร้สีไร้กลิ่น ดังนั้นจึงไม่มีทางที่ทหารจะรู้สึกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ นอกจากนี้พวกเขาไม่คิดว่าใครบางคนจากอาณาจักรเดียวกันจะทำร้ายกันเองเช่นนี้
ดวงตาของเจียนเฉินเปล่งประกายอย่างแผ่วเบาเมื่อเขาเห็นทุกคนดื่มน้ำจากถุงน้ำ ตอนนี้โดยรวมแผนการของเขาถือว่าสำเร็จ สิ่งเดียวที่ต้องทำคือดูว่าพิษของอสรพิษทองริ้วเงินจะรุนแรงแค่ไหน
ในขณะที่พิษที่อยู่ในเขี้ยวอสรพิษทองริ้วเงินเป็นส่วนที่อันตรายที่สุด แต่อสรพิษทองริ้วเงินที่เจี้ยนเฉินฆ่าอยู่ในสภาพที่อ่อนแออยู่ ดังนั้นพิษที่อยู่ในนั้นจึงไม่ใช่จุดที่มีศักยภาพมากที่สุด จิตใจของเจี้ยนเฉินรู้สึกกังวล เขาสงสัยว่าพิษนี้จะใช้ได้กับเซียนปฐพีหรือไม่ เขาไม่รู้เลย
“สีเฉียวฟู ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลย ? ” หนึ่งในสี่ทหารระดับสูงรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับ “สีเฉียวฟู” นั่นเป็นเพราะในชีวิตประจำวัน ทหารมักจะทักทายพวกเขาด้วยความเคารพ เนื่องจากเจี้ยนเฉินไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวตั้งแต่มอบถุงน้ำให้พวกเขา ทหารระดับสูงเหล่านี้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เจี้ยนเฉินตกใจ เขาทำอะไรไม่ถูก เขาจึงนำกระบี่วายุโปรยออกมาและแทงไปที่ทหาร
การลงมือของเจี้ยนเฉินนั้นมั่นคงและไม่หวั่นไหว เขารู้ว่าการแสแสร้งต่อไปนั้นไร้ประโยชน์เพราะเขาไม่สามารถพูดอะไรได้ ทันทีที่เขาเอ่ยปากพูดออกไปทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผย ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะชิงลงมือก่อน แทนที่การถูกจับแบบไม่ได้เตรียมตัวไว้
“ฟุ่บ ! “
กระบี่วายุโปรยเจาะลึกเข้าไปในคอของทหารในขณะที่ปลายกระบี่ผ่านไปทางด้านหลังของคอของเขาโดยมีเลือดหยดลงมาจากกระบี่
แม้ทหารจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาไม่ได้เตรียมตัวที่จะเจอการโจมตีของเจี้ยนเฉิน เมื่อรวมกับการโจมตีด้วยกระบี่ที่เร็วมาก มันก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ในความเป็นจริงมันเกิดขึ้นเร็วจนไม่มีใครสามารถตอบสนองได้ทันในขณะนั้น ดังนั้นการจู่โจมครั้งนี้จึงสามารถฆ่าเซียนปฐพีได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเหนื่อยมาก
การโจมตีอย่างฉับพลันนี้ทำให้ผู้บังคับบัญชาคนอื่นต้องตะลึง หลังจากผ่านสงครามมานับครั้งไม่ถ้วนและเจอการต่อสู้มามากมาย พวกเขาจึงสามารถตอบสนองและกระโจนเข้าใส่เจี้ยนเฉินได้อย่างรวดเร็ว
เจี้ยนเฉินรีบกระโดดกลับหลังทันที เขารวบรวมพลังและวิ่งหนีไป ความร้อนแผดเผาไปเรื่อย ๆ ทหารทุกคนดื่มน้ำที่มีพิษ เขาเพียงแค่ต้องรอเวลาให้พิษออกฤทธิ์เท่านั้น
“สีเฉียวฟู เจ้าคนทรยศ ! เจ้ากล้าลอบทำร้าย ! “
“สีเฉียวฟู หลังจากที่เราเมตตาเจ้า เจ้ายังฆ่าผู้บัญชาการเทียนหลินของเรา ? ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้าแน่นอน ! “
” ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นสายลับในกองกำลังพายุของเรา ข้าตาบอดจนไม่ได้สังเกตเห็นเลยหรือนี่..”
ผู้บัญชาการทุกคนร้องออกมาด้วยความเดือดดาล ใบหน้าของพวกเขาเริ่มโกรธแค้น ดวงตาทั้งสองข้างของพวกเขาแดงก่ำด้วยความแค้น พวกเขาไม่สนใจระเบียบของทหารอีกต่อไป พวกเขากระโจนไปปิดเส้นทางของเจี้ยนเฉิน
ดวงตาของเจี้ยนเฉินเปล่งประกายอย่างฉับพลัน เขาเปิดเผยพลังเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษขั้นกลาง ทันใดนั้นกระบี่วายุโปรยของเขาก็พุ่งไปหาทหารที่ใกล้เคียงทุกคนที่ขวางทางของเขา เขาแต่งแต้มถนนด้วยเลือดของพวกเขา กลุ่มทหารระดับสูงไม่สามารถปิดกั้นเส้นทางของเขาไว้ได้
เจี้ยนเฉินหลบหนีออกจากวงล้อมได้อย่างรวดเร็ว เขาบินถอยกลับไม่กี่ก้าว ผู้บังคับการที่เหลืออีก 4 คนและกลุ่มทหารก็วิ่งไล่ตามเขาไป บางคนขี่สัตว์อสูรเพื่อตามไล่ล่าเขา
ไม่กี่ก้าวหลังจากเริ่มไล่ล่าเจี้ยนเฉิน ทหารจำนวนมากก็ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลออกมาจากปากขณะที่ใบหน้าของพวกเขาเริ่มซีดมากขึ้น
ทหารหลายคนหยุดยั้งฝีเท้า พวกเขาล้มลงกับพื้นอย่างเจ็บปวด ปากของพวกเขายังคงกระอักเลือดออกมาเรื่อย ๆ ทหารที่อยู่บนสัตว์อสูรก็ตกลงมาทันที หลังจากนั้นไม่นานทหาร 200 คนก็ลงไปนอนกองอยู่บนพื้นพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากปากของพวกเขา ใบหน้าของพวกเขายังคงแสดงความเจ็บปวดในขณะที่ทหารบางคนได้หมดลมหายใจอย่างฉับพลัน
“ผู้บัญชาการ เราโดนพิษ ! ” ทหารคนหนึ่งร้องบอกด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้บังคับการทั้งสี่ที่ไล่ตามเจี้ยนเฉินก็หยุดชะงัก ช่วงเวลาที่พวกเขาเห็นคนของพวกเขาอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช พวกเขาจึงตกตะลึงอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าทั้งหมดโดนพิษได้อย่างไร ? “
” เจ้าว่าอะไรนะ ? พวกเราถูกพิษได้อย่างไร ? มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? !”
“สีเฉียวฟูเป็นคนทำ คนทรยศอย่างมันเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้ ! “
“สีเฉียวฟู เจ้าคนไร้ยางอาย ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าจะตามล่าเจ้าและถลกหนังหัวของเจ้าออกมา ! “
บรรดาผู้บังคับบัญชาต่างก็ร้องออกมาด้วยความโกรธ พวกเขาต่างหน้าซีดตัวสั่น สีเฉียวฟูเป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและได้รับการดูแลมาเป็นเวลาหลายปี พวกเขาไม่คิดว่าเขาจะหักหลังพวกเขาทุกคน ถ้านี่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่ากองทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดของอาณาจักรวายุคราม กองกำลังพายุมีข้อบกพร่องทางทหาร พวกเขาจะกลายเป็นตัวตลกของทั้งอาณาจักร
ทันใดนั้นหนึ่งในผู้บัญชาการก็หน้าซีด เขาร้องออกมาว่า สวรรค์โปรด ข้าก็โดนพิษ !
” ช่างต่ำช้ามาก ! ข้าก็ได้รับพิษเช่นกัน มันต้องมาจากน้ำ ! “
“พิษนี้คืออะไร ทำไมมันถึงได้รุนแรงถึงเพียงนี้ ? “
“เจ้าคนชั่วสีเฉียวฟู ! มันกล้าวางพิษเรา ข้าจะไม่มีทางให้อภัยมัน ! “
ใบหน้าของผู้บัญชาการทั้งสี่ต่างก็เศร้าสลดเมื่อพวกเขารู้สึกตัวว่าตัวเองโดนพิษ พวกเขาพยายามเดินลมปราณขับพิษออกจากร่างกายทันที
ในเวลานั้นเจี้ยนเฉินที่วิ่งหนีจากพวกเขาด้วยความเร็วก็หันกลับมาอย่างช้า ๆ และเริ่มเดินกลับไปหาผู้บัญชาการช้า ๆ พร้อมด้วยกระบี่วายุโปรยในมือ
ผู้บัญชาการทั้งสี่ลืมตาและมองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่เย็นชา ดวงตาของพวกเขาหยุดอยู่ที่กระบี่วายุโปรย พวกเขากระพริบตาครู่หนึ่งก่อนที่พวกเขาคนหนึ่งจะคำรามว่า “เจ้าไม่ใช่สีเฉียวฟู เจ้าเป็นใคร ? ! “