เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2683: ภายในโลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่น
ตอนที่ 2683: ภายในโลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่น
เจี้ยนเฉินมองผู้บ่มเพาะหลายแสนคนที่อายุต่ำกว่าหนึ่งพันปีในฝูงชน. เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวอย่างลับ ๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ตั้งความหวังไว้กับพวกเขา
“ถ้าทหารที่เสียสละที่ได้รับการเลี้ยงดูผ่านยาร้อยเท่าทะลวงขั้นราชาเทพนับร้อยถูกเพิกเฉย ราชาเทพที่นี่มีไม่ถึงร้อยคน เมื่อต้องเผชิญกับเผ่าดาวทมิฬที่ปกครองโลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่น พวกเขาก็ไม่ต่างจากมด” เจี้ยนเฉินคิด แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้เข้าสู่โลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่น แต่ข้อมูลจากเด็กไร้หัวใจก็ทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ที่นั่นได้อย่างคร่าว ๆ
ตามความเป็นจริง จักรพรรดิดาวทมิฬคนเดียวก็เพียงพอที่จะสังหารทุกคนได้อย่างง่ายดาย นับประสาอะไรกับปัจจัยอื่น ๆ
จักรพรรดิดาวทมิฬเป็นขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ซึ่งมีพรสวรรค์ชั้นยอด ความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นยอดเยี่ยมมากพอที่จะต่อสู้กับขั้นบรรพกาล
ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ยังไม่มั่นใจในชัยชนะอย่างเต็มที่นับประสาอะไรกับเหล่าราชาเทพ
“ดูเหมือนว่าการช่วยพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ของเผ่าดาวทมิฬไม่ใช่ปัญหา ข้าเพียงไม่มีความมั่นใจในการเอาชนะจักรพรรดิดาวทมิฬ” เจี้ยนเฉินไม่ได้มองโลกในแง่ดีเป็นพิเศษ
เขาไม่สามารถนำวัตถุเทพหรือสมบัติใด ๆ ที่เทียบเท่ากับระดับเทพเข้ามาในโลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่นได้ เมื่อไม่มีกระบี่นวดาราวิถีสวรรค์ ความสามารถในการต่อสู้ของเขาจะลดลง
ด้วยความสามารถในการต่อสู้ของจักรพรรดิดาวทมิฬ มันจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากแม้ว่าจะเป็นตอนที่เจี้ยนเฉินมีพลังมากที่สุด นับประสาอะไรกับสถานะที่อ่อนแอในปัจจุบัน ความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้น
ขณะที่เจี้ยนเฉินไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายน้อยแห่งเผ่าหมาป่าหายนะ จินหง ก็ปรากฏตัวขึ้น เขาสวมเสื้อคลุมสีเทาและปกปิดพลังแห่งการมีอยู่อย่างมิดชิด เขาติดตามขั้นอัครสูงสุดของเผ่าหมาป่าหายนะ อย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนเขาจะพยายามที่จะไม่เป็นจุดเด่น
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะซ่อนตัวได้ดีแค่ไหน เขาก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมของการเป็นศูนย์กลางของความสนใจที่นี่ได้ ไม่มีใครให้ความสนใจกับขั้นอัครสูงสุดของเผ่าหมาป่าหายนะ แต่ผู้บ่มเพาะทั้งหมดในปัจจุบันกลับจับจ้องเขา
เขาโดดเด่นมากเกินไปในฐานะผู้สืบทอดของจอมปราชญ์สูงสุด ในสายตาของบางคน สถานะดังกล่าวยิ่งใหญ่กว่าขั้นอัครสูงสุด
ขั้นอัครสูงสุดเป็นบุคคลที่ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดและผู้บ่มเพาะทั่วไปแทบจะไม่เคยได้พบเห็น แต่ทุกองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดในโลกเซียนจะมีอย่างน้อยหนึ่งหรือสองคน เป็นผลให้พวกเขาไม่ได้พิเศษเท่าไหร่นัก
ในทางกลับกัน จำนวนผู้สืบทอดของจอมปราชญ์สุงสุดสามารถนับได้ด้วยนิ้วมือ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาถือเป็นตำนาน
ส่งผลให้จินหงแพรวพราวเป็นที่น่าตื่นตาราวกับพระอาทิตย์ยามเที่ยง เพียงแค่เขายืนอยู่ตรงนั้น
การปรากฏตัวของจินหงยังหมายความว่าทุกองค์กรที่มีส่วนร่วมในการสำรวจในครั้งนี้มาถึงครบถ้วน หลายองค์กรเริ่มเข้าสู่โลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่นอย่างเป็นระเบียบ
ในไม่ช้าก็ถึงตาของเผ่ากระเรียนสวรรค์ ทหารพลีชีพหลายร้อยคนและผู้บ่มเพาะที่ได้รับคัดเลือกอีกหลายพันคนทั้งหมดหายไปในอุโมงค์ภายใต้การนำของเหอเฉียนเฉียน
ทันทีที่เข้าไปในอุโมงค์ เจี้ยนเฉินสัมผัสถึงพลังที่น่ากลัวมาก มันจำกัด การเคลื่อนไหวของเขาอย่างไม่อาจต้านทานได้ พลังนี้กว้างใหญ่เกินไป มันน่ากลัว ไม่สามารถบอกได้อีกต่อไปว่ามันเป็นของจอมปราชญ์สูงสุดของเผ่าดาวทมิฬหรือเป็นจิตวิญญาณไม้ หรือเป็นเพราะโลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่น.
เจี้ยนเฉินถูกห่อหุ้มด้วยพลังทำให้รู้สึกเหมือนว่าเขาข้ามผ่านมิติและเวลาอันห่างไกล เขาสูญเสียสัมผัสทั้งหมดไปกับการไหลของเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ดูเหมือนไม่กี่วัน แต่ก็รู้สึกเหมือนเป็นปี ในที่สุดพลังรอบตัวเขาก็สั่นสะท้านและเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในโลกที่มืดมน
เขามองไปรอบ ๆ และพบว่าเขายืนอยู่ในพื้นที่ที่เป็นป่า เหนือเขาคือทางออกสู่โลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่น ดูเหมือนว่าจะเหมือนกับทางเข้าด้านบนเมืองดาวนิล มันเป็นกระแสพายุพลังงานขนาดใหญ่มาก
เจี้ยนเฉินไม่สามารถมองเห็นส่วนของท้องฟ้าใด ๆ ในโลกที่มืดมน อย่างไรก็ตาม เขาเห็นม่านพลังขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปร้อยกิโลเมตร
ม่านพลังคือกำแพงกั้นทางออกเหมือนเป็นซีกโลก มันทำหน้าที่ป้องกันที่ทรงพลัง มีหมอกหนาสีเทาด้านนอก มันเหมือนภูเขาลูกใหญ่
เจี้ยนเฉินได้ขยายสัมผัสทางวิญญาณของเขาอย่างเงียบ ๆ เนื่องจากมันเป็นสัมผัสจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้น ควบคู่ไปกับการปกปิดของเขาจึงไม่มีใครค้นพบมัน
อย่างไรก็ตามเมื่อสัมผัสทางวิญญาณของเขาสัมผัสกับม่านพลัง มันก็ถูกปิดกั้น
“ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นเป็นคนสร้างม่านพลังนี้ แม้ว่าข้าจะสามารถบังคับสัมผัสทางวิญญาณของข้าให้ผ่านมันไปได้ แต่การทำเช่นนั้นจะสร้างความปั่นป่วนอย่างแน่นอน” เจี้ยนเฉินไตร่ตรอง ตามความรู้ของเขาที่นี่ มีเพียงคนของเผ่าดาวทมิฬเท่านั้นที่สามารถสร้างม่านพลังที่แข็งแรงเช่นนี้ได้
สภาพแวดล้อมรอบเจี้ยนเฉินเริ่มแออัดในไม่ช้า พลังแห่งการมีอยู่ของของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทพได้รวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับมหาสมุทร มันเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
ทุกคนที่มีส่วนร่วมในการสำรวจมารวมตัวกันที่นี่ ทหารพลีชีพและผู้บ่มเพาะจำนวนมากต่างยืนอยู่ในกลุ่มเล็ก ๆ ของพวกเขาเอง
“ทั้งหมดมารวมตัวกัน ! อย่าหลงทาง”
……
…
ในขณะนี้เสียงตะโกนดังขึ้นหลายครั้ง ผู้นำของแต่ละองค์กรสั่งคนของตน ผู้นำเหล่านี้รวมถึงเหอเฉียนเฉียน
“ผู้คนจากเผ่ากระเรียนสวรรค์เข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะพาพวกเจ้าไปยังเมืองร้อยเซียนโดยใช้ค่ายกลส่งตัว” โถงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นในมือของเหอเฉียนเฉียน
โถงศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่วัตถุเทพ แต่เป็นวัตถุเซียนที่มีคุณภาพสูงสุด อย่างไรก็ตามมันใกล้เคียงกับวัตถุเทพเทพคุณภาพต่ำ มันสามารถอธิบายได้ว่าเป็นเสมือนวัตถุเทพ
ในขณะเดียวกันผู้นำขององค์กรอื่น ๆ ก็หยิบวัตถุเซียนคุณภาพเยี่ยมออกมาเพื่อนำคนของพวกเขาไป
ค่ายกลส่งตัวที่พวกเขากำลังจะใช้มีความสามารถที่จำกัด มันไม่สามารถขนส่งผู้คนได้มากเท่ากับอุโมงค์เข้าสู่โลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่น ดังนั้นพวกเขาจึงต้องลดผู้คนภายนอกให้น้อยที่สุดหากพวกเขาต้องการไปถึงเมืองร้อยเซียนโดยทันที
ค่ายกลส่งตัวขนาดใหญ่ที่นั่นเดิมทีนั้นส่องแสงพราวและส่งคลื่นออกมาเป็นจังหวะด้วยพลัง อย่างไรก็ตามเมื่อทุกคนกำลังจะเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ มันก็มืดลงอย่างฉับไว ในไม่ช้ามันก็เงียบสนิท มันไม่มีพลังงานใด ๆ เลย
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของค่ายกลส่งตัวทำให้ผู้นำทุกคนขมวดคิ้ว พวกเขาส่งคนไปตรวจสอบทันที
“โอ้ ไม่ การเชื่อมต่อขาดหายไป ไม่มีอะไรผิดปกติกับค่ายกลส่งตัวทางไกลที่นี่ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับค่ายกลอีกด้านในเมืองร้อยเซียน” ผู้ตรวจสอบกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเมืองร้อยเซียน นายน้อยจินหง ข้าขอแนะนำให้เปลี่ยนปลายทางค่ายกลส่งตัวทันทีเป็นที่อื่น” ผู้นำเสนอกับจินหง
ผู้นำทุกคนได้รับคำสั่งให้เชื่อฟังจินหงในทุกเรื่องระหว่างการเดินทางในโลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่นครั้งนี้ ด้วยเหตุนี้พวกเขาทุกคนจึงต้องขอความเห็นจากจินหง หากต้องการทำอะไรที่สำคัญ
จินหงพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะ
ในไม่ช้าค่ายกลส่งตัวก็ถูกปรับและตั้งค่าไปยังปลายทางอื่น
อย่างไรก็ตามใบหน้าของผู้ที่รับผิดชอบในการปรับค่ายกลมืดมิดลงอย่างสมบูรณ์
“มีข่าวร้าย ค่ายกลส่งตัวอื่น ๆ ไม่ตอบสนองเช่นกัน มันเป็นปัญหาเดียวกัน” มีคนรายงาน
ด้วยเหตุนี้ใบหน้าของทุกคนจึงบิดเบี้ยว
“เรามีทางเลือกอื่นอีกสองสามทาง มาปรับเปลี่ยนจุดหมายกันใหม่…”
……
…
ค่ายกลส่งตัวทางไกลถูกปรับเปลี่ยนหลายครั้ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เป็นที่น่าพอใจ พวกเขาค้นพบว่าค่ายกลส่งตัวทั้งหมดในโลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่น ไม่ว่ามันจะซ่อนตัวได้ดีเพียงใดก็ประสบปัญหา มันไม่สามารถส่งตัวเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่เหล่านั้นได้
ค่ายกลส่งตัวจะต้องเชื่อมต่อที่ปลายทางทั้งสองด้านมันจึงจะทำงานได้ เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นที่ปลายทางหนึ่ง มันจะหยุดทำงาน ดังนั้นการส่งตัวทางไกลจึงเป็นไปไม่ได้อย่างชัดเจน
“น่าโมโหมาก มันต้องเป็นเผ่าดาวทมิฬ นอกเหนือจากหนึ่งในเมืองร้อยเซียน ค่ายกลส่งตัวที่เราติดตั้งไว้นั้นล้วนคลุมเครืออย่างมาก มีเพียงเผ่าดาวทมิฬเท่านั้นที่มีความสามารถในการดมกลิ่นมันทั้งหมดในโลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่น …”
“ตอนนี้เราเจอปัญหาแล้ว เราจะไปเมืองร้อยเซียนโดยไม่มีค่ายกลส่งตัวได้อย่างไร ? เราต้องข้ามผ่านภูเขาโลกาแฝดหรือ ? ”
ทันทีที่กล่าวถึงภูเขาโลกาแฝด ผู้นำหลายคนก็เงียบลง พวกเขากลายเป็นคนเคร่งขรึมมาก บางคนถึงกับหน้าซีดด้วยความตกใจ