เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2715: เมืองอัศวินทมิฬ
ตอนที่ 2715: เมืองอัศวินทมิฬ
เมืองอัศวินทมิฬเป็นหนึ่งในสามสิบหกเมืองใหญ่ของเผ่าดาวทมิฬ รวมถึงเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้กับเจี้ยนเฉินมากที่สุด
เจี้ยนเฉินบินผ่านอากาศอย่างช้า ๆ ด้วยความเร็วของราชาเทพช่วงกลาง และท้ายที่สุดเขาก็มาถึงเมืองแรกที่เขาเห็นซึ่งเป็นของเผ่าดาวทมิฬหลังจากผ่านไปหลายชั่วยาม
จากระยะไกล เมืองอัศวินทมิฬดูเหมือนจะไม่ต่างจากเมืองโบราณต่าง ๆ ของโลกเซียน มันถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสูง กำแพงโบราณและเก่าแก่เล็กน้อยพร้อมแผ่กลิ่นอายโบราณออกมา
ใครจะรู้ว่ากำแพงสูงตระหง่านเหล่านี้ตั้งอยู่นานแค่ไหน
เจี้ยนเฉินรักษาระดับความสูงไว้ที่ร้อยเมตร เขามองไปที่กำแพงโบราณจากระยะไกลขณะที่เขาคิดถึงการต่อสู้ขนาดใหญ่ที่แทบจะไม่ได้ปะทุในโลกดาวทมิฬ ตัวอย่างเช่นกันการยึดเมืองและ การอ้างสิทธิ์ในดินแดนเกิดขึ้นทุกที่ในโลกเซียน แต่โดยพื้นฐานแล้วจะไม่เกิดขึ้นในเผ่าดาวทมิฬ เนื่องจากจักรพรรดิดาวทมิฬได้พิชิตสถานที่ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ โดยพื้นฐานแล้วกำแพ พงเมืองทั้งหมดในเมืองดาวทมิฬจึงมีจุดประสงค์แค่เชิงสัญลักษณ์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องซ่อมกำแพงเมืองในการต่อสู้
และกำแพงเมืองก็ซ่อนพลังที่แข็งแกร่งเอาไว้ แม้ว่าพลังนี้ไม่ได้ให้การป้องกันที่พิเศษแก่กำแพง แต่ก็ทำให้มั่นใจได้ว่าพวกมันสามารถยืนหยัดผ่านกาลเวลามานาน
เมื่อเขาเข้าใกล้เมืองอัศวินทมิฬ ผู้บ่มเพาะก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นรอบ ๆ อย่างไรก็ตามพวกเขาส่วนใหญ่มาจากโลกเซียน มีผู้คนพลุกพล่านทั้งในและนอกเมืองอัศวินทมิฬซึ่งมันทำให้ดูว วุ่นวายเป็นอย่างมาก
เจี้ยนเฉินได้รู้มาจากเฮาเฉินและเฮาหร่านว่าห้ามไม่ให้คนภายนอกบินภายในเมืองที่เป็นของเมืองดาวทมิฬ ด้วยเหตุนี้เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่จำเป็น เจี้ยนเฉินจึงเดินเท้าไปยังเมื องอัศวินหลังจากที่มันอยู่ห่างไปไม่กี่กิโลเมตร
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เดินเร็วมาก เขาเดินก้าวละร้อยเมตรจนมาถึงหน้าประตูเมืองในเวลาสั้น ๆ
“หยุด ! เจ้ามาจากตระกูลหรือองค์กรไหน ? ทำไมเจ้าถึงมาที่เมืองอัศวินทมิฬของเรา ? ” ทหารหยุดเจี้ยนเฉิน เขาจ้องมองมาพร้อมกับถามอย่างหยิ่งผยอง
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นราชาเทพ แต่ทหารเหนือเทพก็ไม่ได้แสดงความกลัวเลย เมื่อเขาพูดมันราวกับว่าเขาพูดยั่วโมโหด้วยซ้ำ
เผ่าดาวทมิฬของพวกเขาไม่เคยทำตัวดี ๆ กับผู้บ่มเพาะจากภายนอกนัก ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากตระกูลหรือองค์กรระดับสูง เผ่าดาวทมิฬก็มองว่าพวกเขาเป็นคนที่ง่ายต่อการถูกเหยียบย่ำ ตลอดเวลา
เหตุผลที่เผ่าดาวทมิฬของพวกเขามีการกระทำตัวอย่างเย่อหยิ่งแบบนี้เป็นเพราะไม่มีผู้บ่มเพาะจากภายนอกคุกคามพวกเขาได้
เจี้ยนเฉินไม่สนใจน้ำเสียงของทหาร เขายิ้มขณะที่ป้องมือและพูดอย่างสุภาพว่า “ข้าคือกู่ฉี ข้าไม่ได้มาจากสำนักหรือตระกูลใด ๆ ข้าเป็นผู้บ่มเพาะอิสระ เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้าล่า าสัตว์อสูรกลืนชีวิตสองสามตัวในภูเขาโลกาแฝดได้ และข้ามาที่เมืองอัศวินทมิฬเป็นครั้งคราวเพื่อขายพวกมัน ข้าหวังว่าพวกมันจะได้ในราคาที่ดี เพื่อที่ข้าจะได้เอาไปซื้อทรั พยากรบ่มเพาะให้กับตัวเอง”
“ขายสัตว์อสูรกลืนชีวิต ? จริงหรือ ? ” ดวงตาของทหารเบิกกว้าง เขามองไปที่แหวนมิติของเจี้ยนเฉินทันทีและตะโกนว่า “มอบแหวนมิติของเจ้ามา ข้าจะตรวจสอบว่ามีปัญหาหรือไม่”
“ข้าจะเอาแหวนมิติให้กับคนอื่นดูได้อย่างไร ? ” เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วพลางถอนหายใจอยู่ภายใน เขารู้สึกเสียใจกับผู้บ่มเพาะจากภายนอก แม้แต่ราชาเทพขั้นกลางผู้เกรียงไกรก็ยังถู กคุกคามโดยทหารเหนือเทพขณะที่เข้าไปในเมือง ในสถานที่แห่งนี้ถูกควบคุมโดยเผ่าดาวทมิฬ พวกเขาปฏิบัติต่อบุคคลภายนอกเหมือนกับอีกฝ่ายไม่มีสถานะใด ๆ
“เจ้ากล้า ! ” ทหารตะโกนออกมาและทันใดนั้นก็แผ่พลังแห่งการมีอยู่ออกมา ภายในกำแพงเมืองทหารหลายคนรวมถึงเหนือเทพพุ่งออกมาล้อมรอบเจี้ยนเฉินอย่างก้าวร้าว มีจิตสังหารวาบผ่านสาย ยตาของพวกเขา
ผู้บ่มเพาะที่อยู่ใกล้ ๆ ประตูเมืองหยุดและมองไปที่เจี้ยนเฉิน ผู้บ่มเพาะจากภายนอกต่างก็แสดงความเห็นใจ ขณะที่ผู้คนจากเผ่าอัศวินทมิฬเฝ้ามองราวกับว่าพวกเขากำลังดูการแสดง บ บางคนถึงกับแสดงออกมาว่ารังเกียจอย่างยิ่ง
“น้องชาย เจ้าไม่อาจต่อต้านเผ่าดาวทมิฬได้ ไม่งั้นเจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน จะไม่มีใครช่วยเจ้าได้ เพียงส่งแหวนมิติของเจ้ามาตอนนี้และพูดดี ๆ สักสองสามคำ เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะ ะแสดงท่าทีอ่อนน้อมมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าคงจะออกจากที่นี่ไปได้ยาก” เสียงแก่ ๆ ดังขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉิน
แม้ว่าจะไม่ใช่สัมผัสวิญญาณของเขา เจี้ยนเฉินก็รู้ว่าคนที่พูดกับเขาคือชายชราที่อยู่ด้านหลังของเขา เขาเป็นเหนือเทพขั้นสูงสุดที่เข้าใกล้ราชาเทพเพียงก้าวดเดียว เห็นได้ชั ดว่าเขากลัวเผ่าดาวทมิฬเป็นอย่างมาก
“ผู้อาวุโสใจเย็น เจ้าไม่อาจขัดขืนเผ่าดาวทมิฬได้…”
“สหายผู้บ่มเพาะ เผ่าดาวทมิฬกำลังอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อาวุโสศาลาเจ็ด หัวหน้าศาลาที่เจ็ดมีอคติกับผู้คนที่มาจากโลกเซียนอยู่แล้ว ดังนั้นในช่วงเวลานี้เจ้าไม่อาจปะทะกับ บเผ่าดาวทมิฬได้ แม้แต่ราชาเทพขั้นสูงสุดก็ต้องตายหากเป็นอย่างนั้น….”
…
เสียงอื่น ๆ อีกสองสามเสียงดังขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉินตามหลังชายชรา แต่ละคนต่างก็แนะนำให้เขาสงบสติอารมณ์
เจี้ยนเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ คำพูดลับ ๆ ของผู้บ่มเพาะรอบข้างทำให้เขาเข้าใจสถานการณ์ที่ผู้บ่มเพาะโลกเซียนเผชิญอยู่ได้เป็นอย่างดี
นี่ไม่ใช่แค่การไม่มีสถานะใด ๆ อีกต่อไป โดยพื้นฐานแล้วนี่เป็นสถานที่ของนรกที่พวกเขาต้องโดนปฏิบัติตัวแบบนี้และยังต้องคุกเข่าเพื่ออ้อนวอน แม้แต่ราชาเทพก็ไม่ต่างจากคนทั่ วไป
“ช่างเถอะ ช่างเถอะ ! ” เจี้ยนเฉินถอดแหวนมิติและโยนมันออกไป
แหวนมิติที่เก็บซากของสัตว์อสูรกลืนชีวิตเหนือเทพ 6 ตัวและสัตว์อสูรกลืนชีวิตราชาเทพขั้นต้น 1 ตัว
ตอนนี้เขาปลอมตัวเป็นราชาเทพขั้นกลาง ดังนั้นมันจึงสมเหตุสมผลที่เขาสามารถฆ่าสัตว์กลืนชีวิตราชาเทพขั้นต้นได้ มันไม่ได้มีอะไรให้ดึงดูดความสนใจใด ๆ นัก
ทหารหยิบแหวนมิติของเจี้ยนเฉินและใช้สัมผัสวิญญาณของเขาทันที เมื่อเขาพบซากของสัตว์กลืนชีวิต เขาก็ดีใจมาก
“จริง ๆ แล้วมีสัตว์อสูรกลืนชีวิต 7 ตัวและแม้แต่ตัวที่อ่อนแอที่สุดก็อยู่ที่ขั้นเหนือเทพ มีแม้แต่ตัวที่อยู่ขั้นราชาเทพด้วย มันเป็นดั่งสวรรค์ของซากสัตว์กลืนชีวิตจริง ๆ ๆ ซากของสัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับสูงมักจะปรากฏตัวในเมืองหลวงเท่านั้น เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่เมืองอัศวินทมิฬของเราได้เห็นสัตว์อสูรกลืนชีวิตราชาเทพ” ตาของทหารเบิกกว้า าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเริ่มกลายเป็นความโลภ เมื่อเขาเห็นสัตว์อสูรกลืนชีวิตราชาเทพ
จากท่าทางของเขาที่เห็นชัด ทหารเหนือเทพหลายสิบคนรอบ ๆ ต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เหมียวเว่ย เป็นยังไงบ้าง ? ” ทหารเหนือเทพอดไม่ได้ที่จะถาม คนเหล่านี้รู้จักกันมาหลายสิบปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเหมียวเว่ยมีท่าทีเช่นนี้
สัมผัสวิญญาณของเหมียวเว่ยผละออกจากแหวนมิติอย่างไม่เต็มใจ เขามีความสุขมากขณะพูดอย่างตื่นเต้นว่า “มันเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ที่ข้าสามารถบอกได้เลย มันเทียบเท่ากับเงิ นเดือนของเราหลายร้อยหรือหลายพันปีด้วยซ้ำ”
“จริงหรือ ? ยอดเยี่ยม ! ” ทหารรอบ ๆ เจี้ยนเฉินก็ตื่นเต้นเช่นกันราวกับว่าพวกเขาได้พบทองที่ตกจากฟ้า พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมีความสุข
เจี้ยนเฉินยิ้มเยาะอยู่ภายใน เมื่อเขาเห็นการแสดงออกของทหาร เขาพูดกับทหารที่ชื่อเหมียวเว่ยว่า “เจ้าตรวจสอบแล้ว งั้นข้าขอแหวนมิติคืนได้หรือไม่ ? ”
เหมียวเว่ยสงบลงและมองไปที่เจี้ยนเฉิน ก่อนที่จะหยิบหางสัตว์กลืนชีวิตออกจากแหวนมิติและโยนให้กับเขา “รับไป เอาล่ะ เจ้าเข้าไปได้” เมื่อเขาพูดอย่างนั้นเขาก็เก็บแหวนมิติ ไว้ราวกับเป็นของเขาและไม่มีแผนที่จะคืนให้เจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินมองไปหาวสัตว์กลืนชีวิตเหนือเทพและยิ้ม เขายิ้มอย่างสดใส “มีสัตว์อสูรกลืนชีวิ 7 ตัว 6 ตัวเป็นเหนือเทพ ในขณะที่อีกตัวอยู่ในระดับราชาเทพขั้นกลาง มันมีค่ามาก แต่ข้ากลับเหลือหางเพียงเมื่อเข้าไปในเมือง ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างน่าขำแท้”
เมื่อได้ยินเจี้ยนเฉินบอกสิ่งของภายใน ผู้บ่มเพาะจากภายนอกก็ส่ายหน้าขณะที่พวกเขาถอนหายใจ พวกเขาเห็นใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่เจี้ยนเฉินได้เจอ
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่โกรธ แต่พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้….
“เจ้าหัวเราะอย่างโง่งมเพื่ออะไร ? รีบเข้าไปในเมือง เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เพราะแค่เจ้าเป็นราชาเทพ ? ในสายตาของเผ่าดาวทมิฬของเรา ราชาเทพจากภายนอกไม่ใช่ตัวอะไร เจ้า าเป็นเพียงแค่มดที่แข็งแกร่งเล็กน้อย เราได้แสดงความมีน้ำใจโดยเหลือหางไว้ให้เจ้า ถ้าเจ้าทำให้เราโกรธ เราจะแขวนหัวของเจ้าไว้ที่กำแพงเมืองวันพรุ่งนี้” เหมียวเว่ยด่าออกมาอย่า างเผ็ดร้อนขณะที่ชี้ไปที่หน้าของเจี้ยนเฉิน เขาไม่มีความเคารพแม้แต่น้อยเลย
ในเวลาเดียวกันมีสามร่างปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ บนกำแพงเมืองที่มีความสูงหลายสิบเมตร พวกเขายืนอยู่บนหอประตูโดยเอาแขนไพล่หลังขณะที่มองลงไปอย่างไร้ความรู้สึก ดวงตาของพวกเขาเ เย็นชาอย่างมาก
พลังแห่งการมีอยู่ที่ทั้งสามแผ่ออกมาจากร่างกายของพวกเขาและมุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินอย่างหนาแน่น
สามคนนี้เป็นราชาเทพทั้งหมด พวกเขาเป็นราชาเทพจากเผ่าดาวทมิฬ !