เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2716: จัดการสถานการณ์ด้วยความสงบ
ตอนที่ 2716: จัดการสถานการณ์ด้วยความสงบ
“เขาเป็นราชาเทพช่วงกลางจริง ๆ และเขายังสามารถฆ่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตราชาเทพขั้นต้นได้ เขาไม่ได้อ่อนแอ” บนกำแพงเมืองราชาเทพขั้นกลางทั้งสามคนกล่าว
“สัตว์อสูรกลืนชีวิตในภูเขาโลกาแฝดถูกสร้างขั้นจากพลังที่หลงเหลือของจอมปราชญ์สูงสุดจิตวิญญาณไม้เมื่อหลายปีก่อน สัตว์อสูรเหล่านี้รับมือได้ยากมาก พวกมันสามารถกลืนชีวิต ของผู้บ่มเพาะที่อ่อนแอกว่าได้หากมันอยู่ในระยะของมัน ในขณะเดียวกันสัตว์อสูรกลืนชีวิตก็มีพลังชีวิตที่น่ากลัว บาดแผลของพวกมันจะหายไปในระดับที่ไม่น่าเชื่อ ซึ่งมันได้เ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้บ่มเพาะจากภายนอกต้องทำการหลบหนีเมื่อพวกเขาเจอมันในระดับการบ่มเพาะที่เท่ากัน แม้ว่าการบ่มเพาะของพวกเขาจะสูงกว่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตเล็กน้อย แต่มันก็ ยังยากสำหรับพวกเขาที่จะสังหารสัตว์อสูรกลืนชีวิต เนื่องจากคนผู้นี้สามารถสังหารสัตว์อสูรกลืนชีวิตราชาเทพขั้นต้นได้ ความสามารถในการต่อสู้ของเขาต้องสูงมาก ๆ เขาอาจจะไม่ ไร้พ่ายในระดับการบ่มเพาะเดียวกัน แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้กับเขา” เผ่าดาวทมิฬราชาเทพทางซ้ายกล่าวขณะที่เขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินโดยไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ เป็นพิเศษ ไม่มีความกลัวแต่อย่างใด
“เราสามคนล้วนเป็นราชาเทพช่วงต้น ดูเหมือนว่าถ้าคนด้านล่างจะสร้างปัญหา เราจะไม่อาจสู้เขาได้แม้เราจะร่วมมือกันก็ตาม” ราชาเทพคนที่สามพูดเช่นกัน เขาบอกว่าพวกเขาทั้งสามไม่อา าจเอาชนะเจี้ยนเฉินได้แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน แต่เขาก็เยาะเย้ยเมื่อเขาพูดอย่างนั้น เขาไม่ได้จริงจังกับเจี้ยนเฉินด้วยเช่นกัน
“แล้วทำไมเราถึงเอาชนะเขาไม่ได้ล่ะ ? นี่คือเมืองของเรา มีราชาเทพมากมายในเมือง ตราบใดที่การต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่ ราชาเทพจำนวนมากจะพุ่งเข้ามาจากภายในเมืองทันที เมื่อเป็นอ อย่างนี้แม้แต่ราชาเทพขั้นสูงสุดก็ต้องตายนับประสาอะไรกับราชาเทพขั้นกลาง” ราชาเทพที่อยู่ตรงกลางกล่าว
“ใช่ มาดูกันว่าคนผู้นี้ทำอะไรหรือไม่ แม้ว่าข้าจะหวังให้เขาทำอย่างนั้นเพราะเราจะสามารถร่วมมือกับราชาเทพในเมืองเพื่อฆ่าเขา หากต้องคิดว่าการที่มีราชาเทพในหมู่พวกต่า างถิ่นเหล่านี้ มันถึงเวลาแล้วที่เราต้องจัดระเบียบพวกเขาให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นหากพวกเขาทะลวงไปถึงขั้นอสงไขย โลกของเราจะรับมือกับพวกเขาได้ยาก.…”
ทั้งสามคนไม่ได้พูดกันอย่างลับ ๆ พวกเขาไม่ได้พูดเสียงดัง แต่ทุกคนที่รวมกันอยู่ที่นั่นคือผู้บ่มเพาะเซียน นับประสาอะไรกับระยะที่น่ากลัวหลายร้อยเมตร ทุกคนหลายพันคนหรือ แม้แต่ห่างไปหมื่นเมตรก็สามารถได้ยินพวกเขาได้อย่างชัดเจน
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครพลาดคำพูดของเขาแม้แต่คำเดียวที่ราชาเทพทั้งสามพูด ทำให้สีหน้าของคนนอกเปลี่ยนไปทันที
“ท่าน ใจเย็น ๆ ท่านต้องใจเย็น เพียงแค่มอบสัตว์อสูรกลืนชีวิตไป อย่าพูดอะไรอีก...”
“ผู้อาวุโส ท่านอาจมีพลัง แต่นี่ก็ยังเป็นดินแดนของเผ่าดาวทมิฬ แม้แต่ผู้มีพลังก็ไม่อาจละเลยพกองกำลังของคนต่างถิ่นได้ ท่านไม่อาจต่อสู้กับพวกเขาเพราะเงินเหล่านี้ มันไม ม่คุ้มค่า….”
“ท่าน นี่ไม่ใช่เมืองร้อยเซียน เราต้องแสดงความเคารพทุกคนของเผ่าดาวทมิฬที่เราพบนอกเมืองร้อยเซียน ท่านไม่อาจสู้กับเขาได้….”
…
เสียงมากมายดังขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉินอีกครั้ง บุคคลภายนอกหลายคนที่อยู่ใกล้เคียงพยายามเกลี้ยกล่อมเขาอย่างเต็มที่ พวกเขาทั้งหมดหวาดกลัวเผ่าดาวทมิฬอย่างมากโดยไม่เต็มใจที่จะ ทำให้พวกเขาขุ่นเคืองแม้แต่น้อย
เจี้ยนเฉินพยายามจินตนาการว่าคนเหล่านี้มาจากสำนักใหญ่และกลุ่มของโลกเซียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นับประสาอะไรกับการกลัวว่าจะทำให้ใครขุ่นเคือง
ผู้บ่มเพาะอิสระที่แท้จริงมีจำนวนเพียงส่วนน้อยในบรรดาผู้บ่มเพาะทั้งหมดในโลกแห่งสัตว์อสูรที่ร่วงหล่น ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีภูมิหลังที่แน่นอน
อย่างไรก็ตามภูมิหลังของพวกเขาไม่สามารถเทียบได้กับกลุ่มจินหงได้ ท้ายที่สุดกลุ่มจินหงเต็มไปด้วยคนจากองค์กรที่มีอัครสูงสุดทั้งหมด บางกลุ่มยังมีอัครสูงสุดหลายคน
องค์กรเหล่านี้อาจจะมีเพียงขั้นบรรพกาลหรืออสงไขย
เห็นได้ชัดว่าเจี้ยนเฉินไม่เพียงแค่กลืนความภูมิใจของเขาเท่านั้น ตัวตนในตอนนี้ของเขาเป็นสิ่งที่เขาปลอมตัวมาและความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งเป็นพิเศษเช่นกัน ด้วยตัว วตนปลอม ๆ ของเขา เขาจึงไม่กลัวอะไร เขาไม่กลัวอย่างแท้จริง
ทันใดนั้นเขาก็จ้องมองไปที่คนที่อยู่ด้านบนของกำแพงเมืองที่ที่ราชาเทพทั้งสามอยู่ “ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังจะยึดของ ๆ ข้า สิ่งที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ คือพูดให้ข้าฟังใช่หรือไม่ ? ”
“เจ้ากำลังบอกเป็นนัยว่า ข้าควรจะล้มเลิกที่จะเอาของของข้าคือเพราะเมื่อเกิดอะไรขึ้น ราชาเทพคนอื่น ๆ ในเมืองจะมาช่วยเจ้าทั้งสาม ถ้าเจ้าทั้งสามสู้ข้าไม่ได้ อย่างไรก็ตามราชาเ เทพที่มีมากขึ้น นั่นหมายความว่าสิ่งที่ต้องแบ่งกันนั้นก็มากขึ้น แม้ว่าส่วนที่เหลือจะเป็นของเจ้า แต่เจ้าก็จะได้รับเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น”
“ถ้าเจ้าสามารถได้รับซากศพโดยไม่เสียเลือดและบอกคนอื่นเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งที่มากขึ้น ข้าพูดถูกหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินมีความคิดในใจเมื่อเขาพูดอย่างนั้น หลังจากที่เขาเป็นขั้นอ อสงไขย ประสาทสัมผัสของเขานั้นทรงพลังมากดังนั้นเขาจึงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าในขณะที่ราชาเทพทั้งสามทำตัวสงบเพียงผิวเผิน เมื่อพวกเขาได้ยินว่ามีสัตว์อสูรกลืนชีวิตราชาเทพขั นต้น พวกเขารู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายใน
ทันใดนั้นสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ก็เงียบลง มีเพียงพลังแห่งการมีอยู่ที่หนาแน่นจากราชาเทพทั้งสามคนเท่านั้นที่ลอยตามอากาศทำให้บรรยากาศหนักผิดปกติ
ผู้คนที่เดินทางผ่านประตูไม่ว่าจะเป็นคนนอกหรือคนจากเผ่าดาวทมิฬต่างก็หยุดชะงักในเวลานั้น พวกเขายังคงอยู่ห่างเพื่อความปลอดภัยและเฝ้าดู
ราชาเทพทั้งสามบนกำแพงเมืองไม่ได้ตอบทันที พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเย็นชา การจ้องมองของเขานั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมและมีจิตสังหารจาง ๆ แผ่ออกมา
นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดอย่างแท้จริง เพราะสัตว์อสูรกลืนชีวิตราชาเทพนั้นนดึงดูดมากกว่าที่เจี้ยนเฉินจะจินตนาการเอาไว้ ตอนนี้เจี้ยนเฉินได้พูดความในใจของพวกเขาออกมา พวกเขา รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง
“ข้าจะให้เจ้าเลือก 2 ทาง อย่างแรกคือการเอาแหวนของเจ้ากลับไปและตายที่นี่ อย่างที่สองคือทิ้งแหวนมิติไว้และเข้าไปในเมืองพร้อมกับหางที่เจ้าถืออยู่ และจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น นในวันนี้ เจ้าเลือกได้เพียงอย่างเดียว” ราชาเทพคนหนึ่งพูดอย่างเย็นชาในเวลาต่อมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า วันนี้ ข้า กู่ฉี ยังคงเป็นราชาเทพช่วงกลาง ข้าจะถูกคุกคามได้อย่างไร ? แหวนมิติเป็นของข้าตั้งแต่แรกและสัตว์อสูรกลืนชีวิตก็ถูกข้าสังหารด้วยความสามารถของข้า แ แน่นอนว่าข้าต้องเอาคืน”
“ข้าจะให้เจ้าสองทางเลือกเช่นกัน อย่างแรกคือเจ้าเอาแหวนมิติข้าไปได้และอย่างน้อยหนึ่งในพวกเจ้าจะตายในวันนี้แน่นอน หากเจ้าอ่อนแอเกินไป พวกเจ้าอาจจะตายหมดก่อนที่กำลังเสริ มในเมืองจะมาจากถึง”
“ทางเลือกที่สองคือการไม่สนใจเรื่องในวันนี้และเราก็ทำตัวเหมือนไม่รู้จักกันมาก่อนได้ เราจะได้ไม่ต้องมากังวลเริ่มที่พวกเราไม่ควรกังวล” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างสงบ ก่อนที่เขา จะพูดจบ เขาก็โบกมือและแหวนมิติก็ลอยกลับมาหาเขาก่อนที่เหมียวเว่ยจะตอบสนองได้