เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2719: พายุในเมืองอัศวินทมิฬ (3)
ตอนที่ 2719: พายุในเมืองอัศวินทมิฬ (3)
ทันทีที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับรางวัลจากหัวหน้าศาลาเจ็ด ดวงตาของราชาเทพเผ่าดาวทมิฬหลายคนก็เบิกกว้างขึ้น
พวกเขารู้ว่าหัวหน้าศาลาเจ็ดไม่ชอบผู้บ่มเพาะภายนอก เขาเป็นคนที่เกลียดคนนอกมากที่สุดในบรรดาหัวหน้าศาลาทั้งสิบของเผ่าดาวทมิฬทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าจักรพรรดิดาวทมิฬและหัวหน้าศาลาอื่น ๆ ให้คนภายนอกเหล่านี้เข้ามาเพื่อรับเอาทรัพยากรบางส่วนจากโลกเซียน หัวหน้าศาลาเจ็ดอาจจะสังหารบุคคลภายนอกทั้งหมดในโลกดาวทมิฬเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าระดับบนของเผ่าดาวทมิฬจะให้คนภายนอกเข้ามาที่นี่ได้ แต่ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวว่าบุคคลภายนอกไม่อาจมีพลังมากเกินไปได้ หากพวกเขาเป็นเพียงราชาเทพช่วงต้น เผ่าดาวทมิฬอาจจะไม่สนใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อราชาเทพช่วงกลางเริ่มปรากฏตัวท่ามกลางบุคคลภายนอก เผ่าดาวทมิฬจะเริ่มจริงจังกับพวกเขา
ราชาเทพช่วงปลายจะเป็นเป้าหมายของเผ่าดาวทมิฬที่ต้องสังหาร ไม่ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะอิสระหรือมาจากองค์ขนาดใหญ่ เผ่าดาวทมิฬจะไม่ยอมให้มีราชาเทพช่วงปลายอยู่ได้
นี่เป็นเพราะมีการปราบปรามจากกฏของโลกดาวทมิฬ ทำให้คนนอกนั้นได้ผลประโยชน์มากกว่าเผ่าดาวทมิฬเมื่อเทียบกับ ส่งผลทำให้คนภายนอกเข้าสู่ขอบเขตตั้งต้นได้ง่ายกว่าเผ่าดาวทมิฬ
ใครจะรู้ว่าเมื่อใดที่ราชาเทพจากภายนอกจะเข้าสู่ขอบเขตตั้งต้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นเริ่มปรากฏตัวท่ามกลางบุคคลภายนอก เขาจะเป็นภัยคุกคามอย่างมากต่อเผ่าดาวทมิฬ
เผ่าดาวทมิฬไม่สามารถเปิดโอกาสให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้แม้แต่น้อย ระดับสูงของเผ่าดาวทมิฬทุกคนเห็นด้วยที่จะฆ่าราชาเทพช่วงปลายโดยไร้เมตตาและไม่คำนึงผลที่ตามมา
แม้ว่าการบ่มเพาะที่เจี้ยนเฉินแสดงให้เห็นนั้นไม่ใช่ราชาเทพช่วงปลาย แต่เขาก็น่ากลัวกว่าราชาเทพช่วงปลายในสายตาของราชาเทพดาวทมิฬ
เขามีความสามารถในการต่อสู้ไม่อ่อนด้วยไปกว่าราชาเทพช่วงปลาย แม้ว่าเขาจะเป็นแค่ราชาเทพช่วงกลาง เมื่อเขาไปถึงราชาช่วงปลายได้ นั่นก็หมายความว่าเขาไร้พ่ายในหมู่คนที่ต่ำกว่าขอบเขตตั้งต้น ใครจะจัดการกับเขาได้ ?
คนแบบนี้น่ากลัวเกินไป !
ราชาเทพทั้งแปดคนรอบ ๆ เจี้ยนเฉินเริ่มดำเนินการ พวกเขาทั้งหมดเป็นราชาเทพระดับกลางและได้ตกลงกันแล้วเกี่ยวกับวิธีจัดการกับเจี้ยนเฉินอย่างลับ ๆ ทันทีที่พวกเขาเคลื่อนไหว พวกเขาก็ตกอยู่ในค่ายกลสังหาร
พลังวิญญาณของเขาพุ่งออกไปอย่างรุนแรง การเชื่อมโยงและค่ายกลที่ประกอบขึ้นจากพลังวิญญาณของพวกเขาล้วน ๆ
พวกเขาสร้างค่ายกลได้อย่างรวดเร็วมากและเสร็จสิ้นในเสี้ยววินาที พวกเขาเร็วมากจนแม้แต่ราชาเทพช่วงปลายก็ไม่อาจตอบสนองได้ทันเวลา
พลังวิญญาณของพวกเขาหลอมรวมกันและก่อตัวเป็นกรงขังจิตวิญญาณบนอากาศและตกลงมาเพื่อกักขังวิญญาณเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าภาพรอบ ๆ ตัวของเขาเปลี่ยนไป ในเวลาต่อมาเมืองอัศวินทมิฬและราชาเทพทั้งหมดรอบ ๆ ตัวของเขาก็หายไป
เจี้ยนเฉินรู้สึกเหมือนได้มายังโลกแห่งความมืด มันเป็นสีดำสนิท ในช่วงเวลานั้น วิญญาณของเขาดูเหมือนจะติดอยู่ที่นี่ ไม่เพียงแต่สัมผัสของเขาที่มีต่อโลกภายนอกเท่านั้น แต่การควบคุมร่างกายของเขาก็ไม่อาจทำได้อีกด้วย
“ค่ายกลนี้กักขังวิญญาณ เมื่อติดกับดักวิญญาณของข้าจะออกจากร่างกาย ถ้าข้าไม่ขัดขืนใด ๆ ข้าจะไม่อาจทำอะไรได้ในท้ายที่สุด ข้าไม่คิดเลยว่าเผ่าดาวทมิฬจะมีค่ายกลแปลก ๆ เช่นนี้” เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วขณะที่เขาต้องพยายามเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่กลัวค่ายกลที่ราชาเทพเหล่านี้ใช้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกักขังวิญญาณของเขาเมื่อเขาอยู่ขอบเขตตั้งต้น อย่างไรก็ตามหากมันเป็นขั้นอสงไขหลาย ๆ คนใช้ เจี้ยนเฉินก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะต้านทานมันได้
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องระวังนิดหน่อย เมื่อข้าเผชิญหน้ากับขั้นอสงไขยของดาวทมิฬในอนาคต อย่างน้อย ๆ ข้าต้องป้องกันตัวเองจากค่ายกล” เจี้ยนเฉินคิด เขาไม่รีบร้อนระเบิดค่ายกล เขาตรวจสอบความอัศจรรย์ของค่ายกลเพื่อจะไม่ได้โดนมันอีกเมื่อมันถูกใช้โดยขั้นอสงไขยในอนาคต
ดวงตาของเจี้ยนเฉินส่องแสงเป็นประกายและเปล่งริ้วที่มองเห็นได้ชัด เขาใช้พลังวิญญาณของเขาจนถึงขีดสุด ทำให้เขาสามารถหลอมรวมกับโลกและผสานเข้ากับกฏโดยมองไปที่ค่ายกลอย่างสุดความสามารถ
เมื่อมาถึงขอบเขตตั้งต้น ความเข้าใจเกี่ยวกับกฏของโลกก็บรรลุได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีใกล้เตียงกับขั้นอัครสูงสุดหรือจอมปราชญ์สูงสุดที่สามารถไขความลับของลึกลับของโลกได้ แต่เขาก็ยังสามารถหาข้อมูลคร่าว ๆ ได้เมื่อทำเช่นนี้
“นี่คือค่ายกลดาวตกทำลายวิญญาณ พวกเขาเข้าใจทักษะลับขั้นสุดยอดนี้แล้ว ค่ายกลดาวตกทำลายวิญญาณ…..”
“นี่คือทักษะลับสุดยอดของบรรพชนที่สืบทอดนกันมาจากทุกยุคทุกสมัย มีน้อยกว่าหนึ่งส่วนของเผ่าดาวทมิฬทั้งหมดที่จะเข้าใจค่ายกลดาวตกทำลายวิญญาณ….”
“เขาถูกขังโดยค่ายกลดาวตกทำลายวิญญาณ วิญญาณของเขาจะถูกแยกออกจากร่างกาย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถรู้สึกได้ในเวลานี้ เร็วเข้า รีบเข้าไปฆ่าเขากัน…”
ราชาเทพเผ่าดาวทมิฬตะโกนออกมาจากทางเข้าเมืองอัศวินทมิฬ
ในเวลาเดียวกันภายใต้การจ้องมองของราชาเทพทั้งแปดก็แหลมคมขึ้น พวกเขาตะโกนพร้อมกัน “ตายไปซะ ! ”
พวกเขาตะโรพร้อมกับฟันดาบขนาดใหญ่ที่ควบแน่นจากพลังวิญญาณทั้งหมด มันมีแรงกดดันจนฟันการป้องกันภายนอกของเจี้ยนเฉินและเข้าสู่วิญญาณของเขาตรง ๆ
การโจมตีครั้งนี้รุนแรงมาก แม้แต่ราชาเทพช่วงปลายก็อาจได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ต้องพูดถึงราชาเทพช่วงกลางเลย
“สิ่งนี้เรียกว่าค่ายกลดาวตกทำลายวิญญาณ ? มันเป็นเหมือนทักษะลับที่ทรงพลังมากกว่าค่ายกลอื่น ๆ อย่างไรก็ตามทักษะลับนี้มหัศจรรย์มาก เมื่อใช้สำเร็จแล้วโดยพื้นฐานแล้วจะไม่อาจป้องกันได้ วิธีเดียวที่จะจัดการกับปัญหานี้คือการโจมตีที่คล้าย ๆ กัน ข้ามีการโจมตีแบบนี้เพียง 2 อย่างคือทักษะลับของเชื้อสายนักรบวิญญาณและปราณกระบี่ที่สามารถจัดการกับทักษะลับนี้ได้”
เมื่อดาบขนาดใหญ่ฟันลงมา เจี้ยนเฉินก็หยุดมอง เพียงคิดค่ายกลที่สร้างโดยราชาเทพทั้งแปดก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ แม้แต่ดาบขนาดใหญ่ที่ควบแน่นมาจากพลังวิญญาณก็ถูกทำลาย
เพราะค่ายกลของราชาเทพทั้งแปดถูกทำลาย ทำให้พวกเขาได้รับผลสะท้อนกลับ พวกเขาทุกคนตัวสั่นและใบหน้าของพวกเขาซีดทันที ขณะที่พวกเขาตกมาจากอากาศ พวกเขาแทบจะตกลงมาจากบนฟ้า
ค่ายกลดาวตกทำลายวิญญาณนั้นทรงพลัง มันสามารถโจมตีวิญญาณได้โดยตรง โดยไม่คำนึงถึงการป้องกันใด ๆ อย่างไรก็ตามค่ายกลยังมีจุดอ่อนร้ายแรงซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุด หากพวกเขาดูถูกคู่ต่อสู้มากเกินไปและใช้มันกับคนที่มีวิญญาณทรงพลังกว่าพวกเขา มันอาจจะสะท้อนกลบไปยังวิญญาณพวกเขาเอง
“จะ-เจ้า…”ราชาเทพทั้งแปดต่างก็หวาดกลัว พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจและมีความกลัวบนใบหน้าของพวกเขาพร้อมกับความไม่อยากจะเชื่อ
คนอื่นไม่อาจรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ทั้งแปดรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาพบว่าวิญญาณของเจี้ยนเฉินนั้นทรงพลังอย่างมาก แม้ว่าจะมีการบ่มเพาะอยู่ที่ราชาเทพช่วงกลาง แต่มันก็ทำให้พวกเขาต้องหวาดกลัว
นี่ไม่ใช่วิญญาณของราชาเทพจะมีได้ !
ทันใดนั้นความคิดแบบเดียวกันนี้ได้แล่นไปตามไขสันหลังอย่างหนาวเย็น
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินไม่ได้ให้เวลาพวกเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาฟันขวานขนาดใหญ่ออกไป 8 ครั้งติดต่อกันและฆ่าราชาเทพทั้งแปด