เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2729: ล่อเข้าไปในภูเขาโลกาแฝด
ตอนที่ 2729: ล่อเข้าไปในภูเขาโลกาแฝด
ราชาที่อยู่รอบ ๆ ต่างตกตะลึง ดวงตาของพวกเขาจับจ้องไปที่แขนที่ขาดของไป่จินอย่างไม่รู้ตัว
แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ตระหนักว่าผลของการสูญเสียแหวนมิติของไป่จินคืออะไร ซึ่งทำให้พวกเขามีสีหน้าเปลี่ยนไป
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ไป่จินอีกต่อไป ใบหน้าของราชาที่เหลือและขุนนางทั้ง 36 คนที่ใกล้จะสร้างค่ายกลตาข่ายสวรรค์สำเร็จบิดเบี้ยวด้วยความกังวลและตื่นตระหนก
พวกเขาเข้าใจคุณค่าของแหวนมิติของไป่จินดี ไม่ใช่เพราะว่ามันมีทรัพยากรอยู่ แต่เป็นแก่นโลหิตของสัตว์เทพซึ่งจักรพรรดิดาวทมิฬเก็บไว้ในนั้น
แก่นแท้โลหิตนั้นมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความสำเร็จของพิธีใหญ่ พวกเขาไม่สามารถสูญเสียมันไปได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะทำให้เผ่าดาวทมิฬได้รับผลกระทบ
หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง การตายของพวกเขาก็จะกลายเป็นเรื่องไม่สำคัญแทน เพราะตระกูลของเขาหรือแม้แต่คนใกล้ชิดก็จะถูกลากเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้
In conclusion, losing the droplet of essence blood came with extremely severe consequences!
สรุปแล้ว การสูญเสียแก่นแท้โลหิตนั้น จะทำให้เกิดผลกระทบรุนแรงมาก
“หยุดเขา…”
“ขวางเขาไว้ ! อย่าให้เขาออกจากเมืองได้…..”
…
ด้วยเหตุนี้ราชาทุกคนจึงตกอยู่ในความตื่นตระหนก รองเจ้าเมืองและขุนนางระดับสูงยังไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับจวนเจ้าเมืองก็ตื่นตระหนกเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดบินออกจากจวนเจ้าเมืองและ ไล่ตามเจี้ยนเฉินไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสียงของรองเจ้าเมืองเซว่ชาดังออกมาอย่างกังวาน “ราชาเทพของเมืองอัศวินทมิฬ หยุดคน ๆ นั้นด้วยทุกอย่างที่มีไม่ว่าอะไรจะเ เกิดขึ้น หากใครฝ่าฝืน เจ้าจะไม่ได้รับการยกเว้นโทษ เจ้าจะถูกประหารอย่างไร้ความปราณี….”
เซว่ชาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดต่อคนทั้งเมืองโดยใช้อำนาจของเขาในฐานะรองเจ้าเมือง
ราชาเทพบางคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตกใจกับคำสั่งของเขา หลายคนถึงกับสงสัยว่าคิดไปเองหรือเปล่า ไม่ใช่แค่กับคนนอกเท่านั้นงั้นหรือ แม้ว่าคนนอกจะมีพลัง แต่ก็จำเป็นต้องท ทำให้ทุกคนเดือดร้อนหรือไม่ ? เขาไม่เพียงแต่ระดมราชาทั้งหมดในเมือง แต่คนที่ไม่ลงมือจะถูกตัดหัวอย่างไร้ความปราณี ?
“พวกเราราชาเทพมีสถานะในระดับหนึ่งของเผ่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เซว่ชาอาจเป็นรองเจ้าเมือง แต่เมื่อใดที่รองเจ้าเมืองมีอำนาจมากพอจะควบคุมชีวิตของเรา….”
“ใช่ ไม่ใช่ว่าเราทำอะไรผิด นับประสาอะไรกับเซว่ชา แม้แต่เจ้าเมืองไป่จินก็ไม่มีอำนาจในการควบคุมชีวิตของเรา เซว่ชาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน….”
……
…
คำสั่งของเซว่ชาทำให้ราชาเทพหลายคนโกรธทันที พวกเขาไม่อาจยอมรับสิ่งที่เขาพูดได้ พวกเขาทั้งหมดไม่พอใจเซว่ชาอย่างมาก
อย่างไรก็ตามยังคงมีราชาเทพจำนวนมากที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเข้าหาเจี้ยนเฉินอย่างไม่เกรงกลัว ขณะที่พวกเขามีการแสดงท่าทางที่ทรงพลัง
“เปิดใช้งาน ! ”
ในเวลาเดียวกันขุนนางทั้ง 36 คนต่างก็เคร่งเครียดอย่างมาก พวกเขาตะโกนออกมาพร้อมกันและค่ายกลตาข่ายสวรรค์ที่ยังเหลืออีกแค่หนึ่งวินาทีก่อนจะเสร็จก็ถูกใช้ก่อนถึงเวลาอันควร
ใบหน้าของพวกเขาทั้งหมดซีดอย่างรวดเร็ว เลือดพุ่งออกจากปากของพวกเขาด้วยซ้ำ การใช้งานค่ายกลตาข่ายสวรรค์ก่อนถึงเวลาอันควรนั้นทำให้พวกเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างมาก
ทันใดนั้นพลังชีวิตที่รุนแรงอย่างมากก็ปรากฏขึ้นจากทางใต้เมืองอัศวินทมิฬ พลังงานจำนวนมากพุ่งขึ้นมาจากเส้นทางวิญญาณทั้ง 36 เส้นที่ซ่อนอยู่ใต้ดินก็พุ่งออกมากลายเป็นเสาขนาด ดใหญ่ทั้ง 36 เสา พร้อมกับหลอมรวมกับขุนนางทั้ง 36 คน ขุนนางทุกคนดูเหมือนจะถูกโอบล้อมด้วยเสาแสงเหล่านี้ ทำให้พวกเขาดูเหมือนเทพเจ้าที่มาจากสวรรค์และมีพลังที่ไม่สิ้นสุด
หลังจากนั้นม่านพลังปราณขนาดใหญ่ได้ขยายออกมาอย่างรวดเร็วจากท้องฟ้าลงมาปกคลุมขุนนางทั้ง 36 คนก่อนที่จะห่อหุ้มทั้งเมือง
เมื่อใดก็ตามที่ม่านป้องกันที่ห่อหุ้ม พื้นที่ก็ราวกับถูกแช่แข็งเอาไว้ พลังงานดั้งเดิมมากมายที่อยู่ที่นั่นก็ถูกแช่แข็งไว้เช่นกัน
ม่านพลังงานมีพลังพิเศษอยู่ มันสามารถแช่แข็งทุกสิ่งให้หยุดนิ่งเมื่อมันผ่านไปได้
เจี้ยนเฉินรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของม่านป้องกันเพียงการมองแค่ครั้งเดียว มันทรงพลังมากเสียจนแม้แต่ขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 1 ก็ยังต้องดิ้นรนเพื่อที่จะทำลายมัน ยิ่งไปกว่าน นั้นเขารู้ว่าตาข่ายสวรรค์นั้นยังตามมาด้วยพลังสังหารที่ท่วมท้นที่จะปรากฏขึ้นภายหลัง
ค่ายกลนี้ทำได้มากกว่าการจับขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 1 อีก มันสามารถสังหารพวกเขาได้เช่นกัน !
ม่านพลังงานขยายตัวลดระดับอย่างรวดเร็วมาก มันครอบคลุมทั้งเมืองขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังหาทางออกจากด้านในของเมืองตอนนี้ แต่เขาก็ยังอยู่ในเมือง
และราชาเทพมากมายของเผ่าดาวทมิฬมากมายได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อหยุดเขา
อย่างไรก็ตามหลังจากทะลวงผ่าน แม้แต่ราชาทั้ง 108 คนก็ยังดิ้นรนที่จะต้านทานการโจมตีของเจี้ยนเฉินสักครั้ง นับประสาอะไรกับราชาเทพปกติ
เขาฟันขวานออกไปอย่างโกรธเกรี้ยวและราชาเทพจำนวนมากต่างกระเด็นออกไป วัตถุเซียนขั้นสูงจำนวนมากถูกทำลายด้วยขวานของเขาเป็นชิ้น ๆ เสียงร้องเซ็งแซ่ดังไปทั่วบริเวณ
เซว่ชาได้รวบรวมราชาเทพทั้งหมดในเมืองเพื่อหยุดเจี้ยนเฉิน แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำให้เจี้ยนเฉินช้าลงได้ ตามความเป็นจริงเขาล้มเหลวแม้แต่การทำให้อีกฝ่ายช้าลง
ความแข็งแกร่งมันแตกต่างกันไปมากเกินไปงั้นหรือ ?
“เร็ว เร็วเข้า ! ” ไป่จินอดไม่ได้ที่จะตกใจขณะที่เขาเฝ้ามองเจี้ยนเฉินใกล้จะออกจากเมืองขึ้นเรื่อย ๆ เขาตะโกนใส่ขุนนางที่อยู่ประจำจุดใช้ค่ายกลทั้งหมด 36 คน
ขุนนางทั้ง 36 คนอยู่ในสภาพเร่งรีบเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาอยู่ในค่ายกลตาข่ายสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกตรึงไว้เช่นกัน สิ่งที่พวกเขาทำได้คือการที่พวกเขาอยู่ที่นี่และควบคุ มค่ายกล เพื่อให้ม่านพลังตกลงมาเร็วขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาต้องสูญเปล่าเพราะพวกเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับราชาเทพช่วงปลายจริง ๆ แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นที่ซ่อนความแข็งแกร่งของเขามาตลอด !
เจี้ยนเฉินเคลื่อนไหวเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ขณะที่ม่านป้องกันกำลังจะคลุมทั้งเมือง ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างทันที ร่างกายที่กำยำของเขาตัดอากาศจนเกิดเสียงดังราวกับฟ้าร้ อง โดยพื้นฐานแล้วเขาได้ออกมาก่อนที่ม่านพลังจะปกคลุมได้ทั้งเมือง
ไป่จินเต็มไปด้วยความเสียใจ มันอีกแค่นิดเดียวและจะขังคนนอกได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกลายเป็นอย่างนี้แล้ว เขาทำอะไรไม่ได้เพราะค่ายกลข่ายสวรค์สามารถใช้ได้เฉพาะในเมืองเท่าน นั้น มันต้องใช้เส้นพลังวิญญาณที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินเพื่อเปิดการใช้งาน
“ตามเขาไป ! ” ไป่จินสั่งขณะที่กัดฟัน เขานำราชาที่เหลือออกตามล่าเจี้ยนเฉิน
ด้านหลัง เจ้าเมืองทั้ง 36 คนเต็มไปด้วยความย่ำแย่และเสียใจเช่นกัน พวกเขาแยกย้ายกันตามไป่จินด้วยความระอาใจ
เซว่ชาและรองเจ้าเมืองคนอื่น ๆ ไม่เอาแต่ยืนอยู่เฉย ๆ พวกเขาได้ระดมราชาเทพในเมืองนำพวกเขาออกไปตามล่าด้วยตัวเอง
ทันใดนั้นกลุ่มราชาเทพก็ออกจากเมืองอัศวินทมิฬเป็นจำนวนเจ็ดถึงแปดส่วนของทั้งหมด ทำให้ความแข็งแกร่งของเมืองอัศวินทมิฬตกต่ำอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ผู้บ่มเพาะหลายคนในเมืองตกตึงกับภาพนี้ พวกเขาเฝ้าดูกลุ่มคนสีดำเหาะอยู่เต็มอากาศ ผู้บ่มเพาะที่เหลืออยู่ในสภาพตกตะลึง
หลังจากออกจากเมืองอัศวินทมิฬ เจี้ยนเฉินก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้าไปยังภูเขาโลกาแฝด แหวนมิติของไป่จินสุดท้ายก็อยู่ในมือของเขา
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาส่งสัมผัสวิญญาณของเขาเข้าไปในแหวนมิติและค้นพบแก่นโลหิตของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ปนเปื้อนจากการปรากฏตัวของเผ่าดาวทมิฬ สีหน้าของเขาก็เย็นชาร ราวกับน้ำแข็ง
เขามองกลับไปที่ผู้คนที่ไล่ตามและจิตสังหารอย่างรุนแรงในสายตาของเขา เขาคิดว่า “เจ้าจะตามข้ามางั้นหรือ ? ยอดเยี่ยม นี่เป็นที่ข้าต้องการ เมื่อเราเข้าสู่ภูเขาโลกาแฝดแล้ว วก็มาถึงเวลาที่เจ้าจะต้องตาย”