เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2731: ม่านพลังมิติ
ตอนที่ 2731: ม่านพลังมิติ
“โจมตี ! พัวพันเขาไว้ ! ”
ในเวลาเดียวกันไป่จินก็ตะโกนออกมาและเนื้อตัวส่องแสง เขาปลดปล่อยทุกอย่างที่ให้กลายเป็นกระบี่และเข้าโจมตีเจี้ยนเฉิน
แม้ว่าเขาจะไม่มีแขนขวา แต่เขาก็ยังเป็นราชาเทพที่ไร้พ่าย ในโลกเซียนเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าขั้นอสงไขยสวรรค์ชั้นแรก ทำให้แม้ว่าเขาจะไม่มีแขนขวา เขาก็ยังสามารถปล่อยพลังที่ยิ่งใหญ่ออกไปได้
ข้าง ๆ เขามีรองเจ้าเมือง ขุนนางทั้ง 36 คนและราชาทั้ง 108 คน ต่างก็ตะโกนเสียงดัง พวกเขาทั้งหมดโจมตีเจี้ยนเฉินอย่างเต็มที่ พุ่งไปด้านหน้าอย่างกล้าหาญ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กลัว
ในเวลานี้พวกเขาไม่สามารถถอยหลังได้แม้แต่ก้าวเดียว หากพวกเขาเสียแก่นโลหิตสัตว์เทพไป พวกเขาจะมีชะตากรรมที่น่าเศร้าอย่างมา แม้ว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีออกไปอย่างมีชีวิตก็ตาม พวกเขาจะถูกถ่มน้ำลายและโดนต่อว่าโดยคนทั้งตระกูล มันจะดีกว่าหากพวกเขาตายไป
อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็สามารถรักษาชื่อเสียงที่โด่งดังไว้ได้ หากพวกเขาตายที่นี่
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการซื้อเวลาให้กับคนที่อยู่ด้านหลัง เพื่อที่พวกเขาจะได้หลบหนีและบอกข่าวว่ามีคนนอกซึ่งอยู่ในขอบเขตตั้งต้นมา
เมื่อไป่จินเคลื่อนไหว เจี้ยนเฉินก็รู้สึกสับสน เขาไม่อาจทำอะไรได้ แต่มองไปที่ท้องฟ้าพร้อมกับสัมผัสวิญญาณของเขาที่เฉียบคม เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงพลังลึกลับที่ปราบปรามไป่จิน มันเหมือนกับเป็นโซ่ที่พันธนาการรอบ ๆ ตัวไป่จินอย่างแน่นหนาโดยไม่ให้เขาได้ใช้ความแข็งแกร่งได้เต็มที่
“เจตจำนงของจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ ? ” เจี้ยนเฉินคิดถึงเรื่องนั้นทันที คำพูดที่พวกเขาพูดกันของไป่จินกับคนอื่น ๆ ไม่อาจหลบหนีจากสัมผัสของเขาได้ แม้ว่าพวกเขาจะสื่อสารกันอย่างลับ ๆ เจี้ยนเฉินก็ยังแอบฟังได้ทุกสิ่ง นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าภูเขาโลกาแฝดถึงได้ยับยั้งเผ่าดาวทมิฬ
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นการยับยั้งที่ทรงพลังมากขนาดนี้ พวกเขาเดินทางมาได้เพียง 10 กิโลเมตรในภูเขาเท่านั้น เมื่อเทียบกับความใหญ่โตของภูเขาแล้ว มันไม่อาจบอกได้ว่าพวกเขาได้มาถึงรอบนอกของภูเขาด้วยซ้ำ
เพียงแค่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตของมัน เผ่าดาวทมิฬก็ถูกจำกัดด้วยพลังที่มากมายอย่างชัดเจน เมื่อพวกเขาเข้ามาในภูเขาจริง ๆ หรือแม้แต่เข้าไปลึก การยับยั้งที่พวกเขาเผชิญมันจะมากแค่ไหน ?
ขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังคิดอยู่ ไป่จินก็มาถึงเจี้ยนเฉินพร้อมกับกระบี่แสง
อย่างไรก็ตามเมื่อกระบี่กำลังแทงเข้าหาเจี้ยนเฉิน มิติก็กระเพื่อมและเกิดม่านป้องกันการโจมตีออกมาอย่างเงียบ ๆ
แม้ว่าไป่จินจะถูกยับยั้งความแข็งแกร่ง แต่เขาก็เดินเท้าเข้าไปใกล้ภูเขาโลกาแฝด การยับยั้งไม่ได้รุนแรงเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ลดไปมากมายนัก ความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นยังคงยอดเยี่ยมมาก แต่เขาก็ไม่อาจทะลวงม่านพลังมิติได้
เขาไม่ใช่คนเดียว แม้แต่ขุนนางทั้ง 36 คน ราชา 108 คนข้างหลังเขาก็ทำได้มากสุดคือม่านพลังมิติกระเพื่อมเท่านั้น
ม่านพลังมิติบาง ๆ สำหรับพวกเขาด้านหน้านี้เป็นเหมือนกับกำแพงเหล็กสำหรับมนุษย์ที่ไม่อาจเคลื่อนไหวได้
“กฎมิติ ! ” ใบหน้าของไป่จินซีดและมีความสิ้นหวังปรากฏในสายตาของเขา ด้วยความเข้าใจของเขา เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่ากฏมิตินี้เป็นกฏของขอบเขตตั้งต้น เพียงแค่ม่านป้องกันมิติบาง ๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาทำอะไรไม่ถูก
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ส่วนที่น่ากลัวที่สุด สิ่งที่ทำให้เขาสิ้งหวังอย่างแท้จริงคือการพยายามหนีต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจกฏมิติ มันเป็นเรื่องตลกร้ายจริง ๆ
เขาเหลือบมองไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ และตามที่คาดไว้ม่านพลังมิติก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของกลุ่มเช่นกัน มันปิดกั้นราชาเทพทั้งหมดที่พยายามหนี
มีราชาเทพหลายคนที่โจมตีม่านมิติด้วยความรุนแรงอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะใช้ทักษะลับที่ทรงพลังที่สุดและทักษะการต่อสู้ แต่พวกเขาก็ล้มเหลวแม้แต่จะทำให้ม่านพลังมิติกระเพื่อม
ความจริงแล้ว แม้แต่บางคนก็เริ่มระเบิดวัตถุเทพขั้นสูงและขั้นสูงสุด อย่างไรก็ตามแม้การโจมตีจะทรงพลัง มันก็ทำให้กำแพงมิติกระเพื่อมเท่านั้น พวกเขาไม่มีพลังมากพอที่จะทำลายมัน
“ทุกคนกระจายตัวออกไป หลบหนีไป ระยะม่านพลังมิติต้องมีจำกัด” ราชาเทพเผ่าดาวทมิฬตะโกนจากด้านหลัง ทำให้ราชาเทพต่างกระจายตัวกันออกไปยังทิศทางต่าง ๆ เพื่อหลบหนี
ในช่วงเวลาต่อมาทุกคนก็สิ้นหวังเพราะพวกเขาพบว่าม่านมิตินั้นเป็นวงกลม มันได้ปกคลุมทั้งหมดไปแล้วและตัดขาดพวกเขาออกจากโลกภายนอก พวกเขาทั้งหมดถูกขัง
ไป่จิน ขุนนางทั้ง 36 คน ราชา 108 คนต่างหยุดการโจมตีของเขา จนกระทั่งถึงเวลานี้พวกเขาจึงเข้าใจอย่างแท้จริงว่าคนนอกนั้นทรงอำนาจเพียงใด เพียงแค่ม่านป้องกันมิตินี้เกิดจากเขาก็ทำให้เขาไร้พลัง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้านคนแบบเขา
มองไปที่เจี้ยนเฉินที่ดูเหมือนจะไม่สนใจกับเรื่องทั้งหมดนี้ ใบหน้าของขุนนางทั้ง 36 คนและราชา 108 คนก็เต็มไปด้วยความโมโหและความเสียใจ รวมถึงความตกใจที่ไม่แสดงออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินและได้เห็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นเป็นคนนอก พวกเขามีเข้าใจข้อจำกัดของการเข้าสู่ขอบเขตนี้ดี เขามีอายุยังไม่ถึง 1,000 ปี
คนเหล่านี้ใช้เวลานับไม่ถ้วนที่จะทะลวงไปถึงราชาเทพ แต่ตอนนี้พวกเขาเจอผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นที่มีอายุน้อยกว่า 1,000 ปี พวกเขาตกตะลึงอย่างมากกับความเร็วในการบ่มเพาะของเขา
ตอนนี้ ไป่จินสงบลงแล้ว เขามองไปที่แก่นโลหิตของสัตว์เทพที่อยู่ในมือของเจี้ยนเฉินและนึกถึงสิ่งที่เจี้ยนเฉินเพิ่งพูดไป สีหน้าของไป่จินเริ่มบิดเบี้ยว เขาถามอย่างจริงจังว่า “ท่าน ท่านต้องการแก่นแท้โลหิตของสัตว์เทพงั้นหรือ ? ”
“ถูกต้อง สัตว์เทพที่เจ้าจับเป็นเหมือนกับครอบครัวของข้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเผ่าดาวทมิฬของเจ้าจะทำกับเขาแบบนี้” ทันทีที่พูดถึงจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ สีหน้าของเจี้ยนเฉินเย็นชาและจิตสังหารก็ไหลทะลักออกมาจากตัวของเขาอย่างไม่ปิดบัง
สายตาของเขาจ้องไปที่ไป่จินและเขาถามอย่างเย็นชา “ข้าถามเจ้า เจ้าเมืองทั้ง 36 คนของเผ่าดาวทมิฬมีแก่นแท้โลหิตหรือไม่ ? ”
“นี่มันสำคัญงั้นหรือ ? ไม่ มันไม่สำคัญอีกต่อไป ข้ายอมรับว่าเจ้ามีพลังมากและเจ้าอาจทะลวงถึงขั้นขอบเขตตั้งต้นนานแล้ว แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะช่วยสัตว์เทพจากมือของเราเพราะขั้นอสงไขยของเรามีมากมาย หัวหน้าศาลาทั้งสิบและรองหัวหน้าศาลาล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นนานมาแล้ว เมื่อเทียบกับเจ้า เขามีพลังมากกว่า”
“ข้าขอแนะนำเจ้า เจ้าควรอออจากที่นี่ก่อนที่ชั้นสูงของเผ่าดาวทมิฬของเราจะพบเจ้า ไม่อย่างนั้นพวกเขาทั้งหมดจะต้องมารวมกันแน่ ๆ หากว่าพวกเขาเจอกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นที่เป็นคนนอกได้เข้ามาที่นี่เพื่อช่วยสัตว์เทพ เจ้าจะถูกสังหารโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา วันพิธีใหญ่ใกล้แล้ว ชนชั้นสูงของเผ่าของข้าจะไม่ยอมให้องค์ประกอบที่ไม่อาจคาดเดาได้แม้เพียงเล็กน้อยมีอยู่” ไป่จินกล่าว ถ้าเป็นไปได้เขาหวังว่าเขาจะโน้มน้าวให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นถอยกลับ ไม่อย่างนั้นเมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นสามารถแทรกซึมเข้าไปในการทำพิธีของเผ่าได้ การที่จะทะลวงออกจากโชคชะตาที่ควบคุมของเผ่าจะถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด