เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2737: คุนเทียน
ตอนที่ 2737: คุนเทียน
ที่ทางเข้าของแดนทำลายวิญญาณ เจี้ยนเฉินลอยอยู่ในอากาศเป็นพันเมตร ในขณะที่ปลดปล่อยพลังแห่งการมีอยู่ของเผ่าดาวทมิฬ เขาลดระดับความแข็งแกร่งของเขาเป็นราชาเทพช่วงปลาย
เขาศึกษาแดนทำลายวิญญาณอย่างรอบคอบในขณะที่เขาลอยอยู่บนอากาศก่อนที่จะบินผ่านทางเข้าที่ทอดยาวหลายพันเมตร
เขาไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วนัก เขาเดินไปเรื่อย ๆ โดยต้องใช้ความระมัดระวังสูง
เขาแข็งแกร่งพอที่จะวิ่งไปรอบ ๆ ได้อย่างอิสระในเผ่าดาวทมิฬ แม้ว่าเขาจะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา จักรพรรดิดาวทมิฬ เขาก็มีความมั่นใจอย่างเต็มที่ในการถอยหนีโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตามแดนทำลายวิญญาณยังคงเป็นสถานที่พิเศษที่เกิดจากสมองสัตว์อสูรอวกาศ อย่างใดก็แล้วแต่สัตว์อสูรขนาดใหญ่ตัวนี้มีพลังเทียบเท่ากับขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ซึ่งเหลือไว้ข้างหลัง อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตต่อขั้นอสงไขย เจี้ยนเฉินมั่นใจแต่เขาไม่สามารถที่จะประมาทได้แม้เพียงเล็กน้อยภายในแดนทำลายวิญญาณ
เมื่อเขาเข้าใกล้แดนทำลายวิญญาณ ลมหนาวที่พัดผ่านสถานที่ก็โชยเข้ามาใกล้กับเจี้ยนเฉินเช่นกัน จิตใจของเจี้ยนเฉินสั่นไหวทันทีเมื่อเขารู้สึกหนาวไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ
ความเยือกเย็นเสียดแทงวิญญาณของเขา
การบ่มเพาะวิญญาณไม่ได้รับรู้ถึงความร้อนหรือหนาว แต่ในช่วงเวลานั้นวิญญาณของเจี้ยนเฉินนั้นรู้สึกหนาวเย็นยะเยือก
ลมหนาวยะเยือกอาจส่งผลโดยตรงต่อวิญญาณของผู้บ่มเพาะรวมถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นด้วย
“ลมเย็นและเมฆตำที่อยู่รอบ ๆ ตัวล้วนเป็นพลังงานรูปบบหนึ่งของวิญญาณ หรืออีกนัยหนึ่งคือมันเป็นเศษเสี้ยวจิตสำนักของสัตว์อสูรอวกาศหลังจากที่มันตายไป” เจี้ยนเฉินเริ่มระมัดระวัง เขาสัมผัสได้ว่าส่วนลึกของแดนทำลายวิญญาณนั้นอันตรายยิ่งกว่าการเผชิญหน้าโดยตรงกับจักรพรรดิดาวทมิฬซึ่งไม่ได้อ่อนแอกว่าขั้นบรรพกาล
โฮก !
ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็บินเข้าสู่แดนทำลายวิญญาณและก้าวเข้าไปอย่างเป็นทางการภายในภูเขาแห่งนี้ อย่างไรก็ตามเสียงคำรามของสัตว์อสูรก็ดังขึ้นในวิญญาณของเจี้ยนเฉินตรง ๆ ทำให้เขาไม่สามารถป้องกันได้
เสียงคำรามของสัตว์อสูรนั้นสะเทือนโลกและโหดเหี้ยมอย่างมาก แม้จะมีพลังที่มากมายจนเขย่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวได้ มันเหมือนกับสายฟ้าที่ปะทุในหัวของเจี้ยนเฉินด้วยพลังที่ไม่มีสิ้นสุด
ร่างกายของเจี้ยนเฉินที่กำลังลอยอยู่ได้สั่นทันที ผิวของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและเขาก็หลับตาลงทันทีโดยใช้พลังในการรวมวิญญาณและหลอมรวมจิตใจ
จากเสียงคำรามของสัตว์ร้ายในอวกาศขนาดใหญ่ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าดาวรวมอยู่ในหัวของเจี้ยนเฉิน มันพร่ามัวมากราวกับลูกบอลเลือนรางไม่ได้มีความพิเศษใด ๆ อย่างไรก็ตามแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้เกิดขึ้นได้สั่นสะเทือนจิตวิญญาณของเจี้ยนเฉินอย่างไม่สามารถควบคุมได้
“นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากพลังงานทางวิญญาณที่พังทลายจากสัตว์อสูรอวกาศที่ตายไป” ด้วยความรู้ตอนนี้ของเจี้ยนเฉิน เขาสามารถจดจำองค์ประกอบของร่างสัตว์อสูรได้ในพริบตา เขารู้สึกตกใจมาก
เขายังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้น เขาสามารถทนต่อการโจมตีของวิญญาณได้ในระดับนี้ แต่ถ้ามันเป็นราชาเทพจริง ๆ แม้ว่าจะเป็นราชาเทพขั้นสูงสุด พวกเขาก็จะต้องตายลงหลังจากได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรตัวนี้
เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่แดนทำลายวิญญาณและเขาต้องทนต่อการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ ซึ่งบังคับให้เจี้ยนเฉินต้องประเมิณอันตรายของแดนทำลายวิญญาณใหม่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามก่อนที่เจี้ยนเฉินจะมีเวลาตอบสนอง ร่างที่ใหญ่โตในหัวของเขาก็ขยับกรงเล็บลงมา มันมีขนาดใหญ่มากและสามารถตะปบดวงดาวได้
แม้ว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของกรงเล็บนั้นไม่มีสิ่งใดจะเทียบด้วยการทำลายดวงดาวได้ แต่นั้นก็คือพลังที่เจี้ยนเฉินเผชิญและรู้สึกได้ว่ามันสมจริงมากเมื่อกรงเล็บตะปบลงมา
นี่เป็นสิ่งที่สัตว์ดวงดาวอาจจะทำได้เมื่อมันมีชีวิตอยู่ ! แม้ว่าตอนนี้จะตายไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถส่งพลังบางอย่างผ่านพลังวิญญาณ
นี่คือการโจมตีด้วยจิตวิญญาณล้วน ๆ ได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเจี้ยนเฉิน ซึ่งเขาทำได้เพียงรวบรวมความคิดและรวบรวมวิญญาณของเขาเพื่อเผชิญหน้ากับมันในรูปแบบที่ยากที่สุดของเขา
เขาเป็นเหมือนต้นกล้าเล็ก ๆ ท่ามกลางสายลมที่โหมกระหน่ำ เมื่อเทียบกับลมแล้ว ต้นกล้านี้ก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากรากที่ฝังอยู่บนผืนโลก ทำให้ตัวเองต้องโอนอ่อนตามลมไปอย่างสบาย ๆ
เมื่อการโจมตีของสัตว์อสูรอวกาศมาถึงวิญญาณของเขา เจี้ยนเฉินก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง แม้แต่จิตวิญญาณของเขากลายเป็นสิ่งที่พิเศษ มันยิ่งรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่เสียดแทงพร้อมกับตามมาด้วยอาการวิงเวียนของเขา
เมื่อวิญญาณของเขาถูกโจมตี สติของเขาก็พร่ามัวทั่วไปขณะ แต่ในตอนนั้นการรับรู้ของเขาก็เกี่ยวกับโลกภายนอกก็จมดิ่งลงอย่างสมบูรณ์
โชคดีที่เขาไม่ได้ต่อสู้กับใครบางคนในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมันจะไม่อาจคาดเดาได้
เจี้ยนเฉินตื่นตระหนก เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่แดนทำลายวิญญาณและเขาพบกับการโจมตีวิญญาณที่รุนแรงเช่นนี้ อันตรายของแดนทำลายวิญญาณเกินความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง
นี่เป็นเพราะทั้งหมดนี้เป็นการโจมตีวิญญาณ ก่อนการโจมตีนี้เหล่านี้การป้องกันของร่างบรรพกาลของเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย
“การโจมตีวิญญาณเช่นนี้ไม่ควรนานเกินไปหรือเป็นไปไม่ได้ที่คุนเทียน หัวหน้าศาลาห้าจะอยู่ที่นี่เป็นเวลา 3 ปี เพียงความแข็งแกร่งของเขาไม่ต้องพูดถึง 3 ปี แม้แต่ครึ่งปีก็เป็นไปไม่ได้” เจี้ยนเฉินคิด เมื่อคิดถึงความคิดนั้นของเขา เขาใช้เวลาผ่านไปทั้งชั่วยามนี้
ในช่วงเวลานั้นการโจมตีวิญญาณของเขาไม่ได้อ่อนลงเลย แต่พวกมันกลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่สัตว์อสูรอวกาศที่อยู่ในหัวของเขาก็ใช้การโจมตีหลากหลายประเภทกับเขาเช่นกัน บางครั้งมันจะมาอยู่ในรูปแบบของสัตว์อสูรตัวใหญ่และบางครั้งก็อยู่ในร่างมนุษย์หรือแม้แต่มาในรูปแบบของการเกิดอุบัติเหตุทางดวงดาวต่าง ๆ
ร่างมนุษย์เหล่านี้มีต้นกำเนิดมาจากควาททรงจำของสัตว์อสูรอวกาศ ในขณะที่เจี้ยนเฉินพบว่าอันตรายที่มองไม่เห็นนอกอวกาศนั้นทำให้เขาหนาวสั่นขึ้นมาได้
“เพียงแค่ชั่วยามเดียว ข้าใช้พลังวิญญาณไปกว่าครึ่งนึง หัวหน้าศาลาห้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไรภายในสามปี ? สิ่งนี้ไม่ถูกต้อง” เจี้ยนเฉินอดทนต่อการโจมตีของแดนทำลายวิญญาณอย่างยากลำบากและเขาก็มองไปรอบ ๆ
ไม่นาน เขาก็พบบางสิ่ง ยิ่งห่างจากพื้นดินเท่าไร เจตจำนงของสัตว์อสูรอวกาศก็เพิ่มมากขึ้น ขณะที่อยู่บนพื้นดิน มันก็จะเป็นแบบตรงข้ามเช่นกัน
เจี้ยนเฉินลดระดับการบินลงจาก 1,000 เมตรเป็น 500 เมตรและเขาก็รู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ของมันทันที การโจมตีทางวิญญาณต่อเขาอ่อนแอลงและเขาก็ผ่อนคลาย
“ข้ารู้แล้ว ! ” เจี้ยนเฉินเข้าใจและอดที่จะพูดออกมาขณะที่กำลังสับสน เขาลงบนพื้นทันทีและพบว่ามันเป็นที่ปลอดภัยในการฟื้นฟูพลังวิญญาณของเขา
ในแดนทำลายวิญญาณ เขาสามารถพบกับหัวหน้าศาลาคุนเทียนได้ตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องรักษาสภาพร่างกายของเขาให้อยู่ในสภาพสูงสุดตลอดเวลา
ในขณะที่เจี้ยนเฉินฟื้นฟูพลังวิญญาณของเขา ก็มีร่างหนึ่งที่นั่งอยู่บนก้อนหินราบเรียบราวกับกระจกอยู่ห่างออกไปหลายล้านกิโลเมตร
เขาเป็นชายกลางคน สีหน้าของเขาหนักแน่นและเย็นชา ขณะที่เขาแผ่พลังแห่งการมีอยู่ของขอบเขตตั้งต้นออกมา
เขาคือหัวหน้าศาลาห้า คุนเทียน
แต่ตอนนี้ ใบหน้าของคุนเทียนค่อนข้างบิดเบี้ยว พลังแห่งการมีอยู่ขอบเขตตั้งต้นของเขาทำให้เกิดความผันผวนอย่างมาก บางครั้งก็รุนแรงและบางครั้งก็แผ่วเบา บางครั้งก็วุ่นวายและบางครั้งก็สงบ
“อ้าก ! ”
ทันใดนั้นคุนเทียนก็ลึกขึ้นยืน ดวงตาของเขาลืมขึ้นและเห็นรอยแดงจาง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความบ้าคลั่ง เขาคำรามไปบนฟ้าและคลื่นเสียงขนาดใหญ่ของเขาก็ดังก้องไปรอบ ๆ จนเกิดเมฆดำขึ้น พลังวิญญาณของสัตว์อสูรอวกาศก็พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
เขาชกที่หินซึ่งเขานั่งอยู่และพลังที่โหดร้ายก็ทำลายมันเป็นชิ้น ๆ หลังจากนั้นเขาก็ดูเหมือนจะบ้าคลั่ง เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่เขาทุบพื้นไปรอบ ๆ อยู่ตลอดเวลา ใบหน้าของเขายับย่นและดูเหมือนกับกำลังเจ็บปวด