เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2767: ง่ายดาย
ตอนที่ 2767: ง่ายดาย
“หัวหน้าศาลา เราสะสมหญ้าราชาเทพระดับสูงไว้บ้าง หญ้าราชาเทพระดับสูงจะต้องอยู่ในหยกวิญญาณพิเศษเพื่อให้มันถูกเก็บรักษาไว้เป็นเวลานาน โลกของเราไม่มีหยกวิญญาณ ทั้งหมดนี้มาจ จากบุคคลภายนอก ดังนั้นจำนวนหญ้าวิญญาณระดับสูงที่เราสามารถเก็บได้ในแต่ละครั้งจึงมีจำกัด”
“และแม้ว่าเราจะไม่มีความสามารถในการหลอมหญ้าวิญญาณระดับสูงให้เป็นยาเม็ดเหมือนคนนอก แต่ก็ยังคงมาจากกฎที่หลงเหลือของบรรพชนของเรา ดังนั้นมันจึงมีความเข้าใจบางอย่างจากบรรพชนขอ องเรา ด้วยเหตุนี้เราจึงมักศึกษาหญ้าราชาเทพระดับสูงซึ่งเห็นได้ชัดว่าบางส่วนลดลงเช่นกัน”
“เราอาจไม่มีหญ้าราชาเทพระดับสูงมากเท่าที่ท่านคิดไว้ หัวหน้าศาลา” โตววูจินกล่าว
ด้วยเหตุนี้หัวใจที่ลุกโชนของเจี้ยนเฉินก็ดับวูบลงทันทีราวกับถูกราดน้ำเต็มถัง เขาผิดหวังอย่างที่สุด “เรามีเท่าไหร่กันแน่ ? ”
ปิงหยวนหลับตาลงและจมดิ่งลงไปในห้วงความคิดราวกับว่าเขากำลังตรวจสอบ หลังจากนั้นเขาก็รายงานต่อว่า “หัวหน้าศาลา ศาลาเทพที่ห้าของเรามีหญ้าราชาเทพระดับสูงประมาณ 30,000 ต้น”
“เท่าไหร่นะ ? ” เจี้ยนเฉินสั่นและนั่งตัวตรงทันที
ปิงหยวนคิดว่าเจี้ยนเฉินต้องการตัวเลขที่แน่นอน ดังนั้นเขาจึงตอบกลับด้วยความแม่นยำยิ่งขึ้นในครั้งนี้ “ทั้งหมด 31,621 ต้น ! ”
เจี้ยนเฉินอ้าปากค้าง เมื่อโตววูจินบอกเขาว่าหญ้าราชาเทพระดับสูงมีจำนวนไม่มาก เขาก็คิดว่ามีเพียงไม่กี่โหลหรือไม่กี่ร้อยต้น แต่เขาไม่คิดว่าคำว่า ‘ไม่มาก’ จะเทียบเท่ากับ 3 30,000 ต้น !
หากหญ้าราชาเทพระดับสูงทั้งหมดถูกนำมากลั่นเป็นเม็ดยา นั่นก็เท่ากับการสร้างราชาเทพปกติมากกว่า 30,000 คน แม้ว่านั่นอาจจะไม่ได้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรสำหรับเผ่าดาวทมิฬ แต ต่มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ในโลกเซียน
“เจ้าเพิ่งพูดถึงศาลาเทพที่ห้าของเราก่อนหน้านี้หรือไม่ ? เจ้ากำลังบอกว่า 30,000 ต้นทั้งหมดนี้เป็นของศาลาเทพที่ห้าของเราหรือ ? และเหตุใดเราจึงไม่สามารถหลอมหญ้าราชาเทพระดับ บสูงให้เป็นยาเม็ดได้เหมือนคนนอก” เจี้ยนเฉินถาม
“หัวหน้าศาลา ศาลาเทพทั้งสิบล้วนมีทรัพยากรส่วนหนึ่งของเผ่าดาวทมิฬ หญ้าราชาเทพระดับสูง 30,000 ต้นเป็นของศาลาเทพที่ห้าของเรา” โตววูจินตอบคำถามของเขา หลังจากหยุดชั่วขณะเข ขาก็พูดต่อ “ นอกเหนือจากศาลาเทพที่ห้าของเราแล้ว ศาลาเทพอีกเก้าศาลาก็สะสมบางส่วนเช่นกัน อย่างไรก็ตามจำนวนหญ้าก็แตกต่างกันไป”
“สำหรับการหลอมยา” โตววูจินหมดหนทางอย่างที่สุดเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้. “ในการหลอมมันให้เป็นยาเม็ด ไม่เพียงแต่เราต้องการวัสดุเสริมจำนวนมาก แต่เรายังต้องการคนที่มีความเชี่ยวชา าญในการปรุงยาด้วย”
“บุคคลภายนอกยังคงผูกขาดวัสดุเสริมอยู่เสมอ ป้องกันไม่ให้ใครนำมันเข้าสู่โลกดาวทมิฬของเรา แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ส่วนสำคัญ แม้ว่าพวกเขาจะพยายามรักษาการผูกขาด แต่เราก็ยังมีวิธีท ที่จะได้รับวัสดุเหล่านี้จากบุคคลภายนอก ปัญหาที่แท้จริงก็คือเผ่าพันธุ์ของเราไม่ได้ผลิตนักปรุงยาที่มีฝีมือแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม”
“หากไม่มีความสามารถที่สอดคล้องกัน เราไม่สามารถหลอมให้เป็นยาเม็ดแม้ว่าเราจะรวบรวมวัสดุเสริมทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ประโยชน์เดียวที่หญ้าราชาเทพเสนอให้กับเราคือเศษเสี้ยวของกฏที่ม มันมาจากบรรพชนของเรา”
“ข้าพอจะเข้าใจแล้ว ! ” เจี้ยนเฉินรู้แจ้งและเขาก็แอบดีใจเช่นกัน ศาลาเทพที่ห้าแห่งเดียวมีหญ้าราชาเทพระดับสูงกว่าสามหมื่นต้น ถ้ารวมอีกเก้าศาลาจำนวนจะไม่เกินแสนหรือ ?
เขามั่นใจว่ามันจะไม่ยากเกินไปที่จะยึดหญ้าราชาเทพระดับสูงทั้งหมดจากศาลาเทพอื่น ๆ หากเขาเสนอสิ่งของสองสามรายการที่ศาลาเทพอื่นต้องการด้วยกับตัวตนของเขาในฐานะหัวหน้าศาลา ห้า
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถได้รับทั้งหมด แต่เพียงแค่บางส่วนก็เพียงพอแล้ว
เจี้ยนเฉินเริ่มจินตนาการถึงช่วงเวลาหนึ่งในอนาคตเมื่อตระกูลเทียนหยวนมีราชาเทพเพิ่มขึ้น 100,000 คนอย่างฉับพลัน มันจะรุ่งโรจน์แค่ไหน ?
“ไปเอาหญ้าราชาเทพระดับสูงมาให้ข้าที” เจี้ยนเฉินโบกมือและออกคำสั่ง มันเป็นการดีกว่าที่เขาจะเก็บหญ้าราชาเทพระดับสูงไว้เลยในตอนนี้ เพราะใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
สำหรับหญ้าราชาเทพที่ศาลาเทพอื่น ๆ ครอบครอง เขาจำเป็นต้องคิดอะไรบางอย่างที่น่าสนใจเพื่อแลกเปลี่ยนกับพวกเขา
ปิงหยวนลังเล “หัวหน้าศาลาวางแผนที่จะแลกเปลี่ยนหญ้าราชาเทพระดับสูงกับบุคคลภายนอกหรือ ? จักรพรรดิได้ออกคำสั่งที่เข้มงวดห้ามแลกเปลี่ยนใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหญ้าราชาเทพระดับสูงกั บบุคคลภายนอก มิฉะนั้นเมื่อบุคคลภายนอกมีจำนวนราชาเทพเพิ่มขึ้นหลายหมื่นหรือมากกว่าหนึ่งแสนคน มันจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา”
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่แลกเปลี่ยนหญ้าราชาเทพระดับสูงกับบุคคลภายนอก ไปเอามามันมาให้ข้าเถอะ” เจี้ยนเฉินสั่งอีกครั้ง เขามีอำนาจเด็ดขาด
“ขอรับหัวหน้าศาลา ! ”
ปิงหยวนไม่ได้พูดอะไรในครั้งนี้. เขารีบไปหาหญ้าราชาเทพ สำหรับพวกเขาแล้ว หญ้าราชาเทพระดับสูงนั้นไม่ได้มีคุณค่าอะไรมากนัก ส่วนใหญ่เป็นเพราะมันไม่สามารถถูกนำมาใช้ได้อย่างถู กต้องและเพราะมันเติบโตเร็วเกินไป
ไม่นานปิงหยวน ก็ได้ส่งแหวนมิติที่มีหญ้าราชาเทพระดับสูงกว่าสามหมื่นต้นให้กับมือของเจี้ยนเฉิน ทันทีที่เจี้ยนเฉินได้รับแหวนมิติ เขาก็มองเข้าไปในนั้นด้วยความกระตือรือร้นและค ค้นพบกล่องหยกขนาดใหญ่ที่ถูกวางไว้อย่างปราณีตเรียบร้อย กล่องหยกทุกใบมีต้นหญ้าราชาเทพระดับสูง
เมื่อมีหญ้าราชาเทพระดับสูงกว่าสามหมื่นต้นในครอบครอง อารมณ์ของเจี้ยนเฉินก็พุ่งสูงขึ้น เขาร่าเริงและตื่นเต้นอย่างมาก นี่คือหญ้าราชาเทพระดับสูง ราชาเทพที่ถูกสร้างขึ้นจากพ พวกมันอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับทหารพลีชีพราชาเทพของเมืองร้อยเซียน
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงปฏิกิริยาภายใน เขายังคงดูสบายใจจากภายนอกโดยไม่แสดงท่าทีตื่นเต้นแต่อย่างใด
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้ถามเกี่ยวกับทรัพยากรระดับเทพที่มีคุณภาพสูงสุดที่เผ่าดาวทมิฬครอบครอง เขาได้เรียนรู้ว่ารายการทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรพิเศษในตอนแรก มันได้รับการปนเปื้อนด ด้วยเลือดของจอมปราชญ์สูงสุด หรือถูกผสมกับพลังที่เหลืออยู่ของสัตว์อสูรอวกาศ หลังจากพัฒนามาหลายปีนับไม่ถ้วน มันจึงเปลี่ยนไป มันกลายเป็นทรัพยากรระดับเทพขั้นสูงสุด
พูดง่าย ๆ ก็คือการถือกำเนิดของวัตถุระดับเทพสูงสุดเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญระดับสูง
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือทรัพยากรทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในความครอบครองของจักรพรรดิดาวทมิฬ เขาเก็บสะสมของพวกนี้มานานนับไม่ถ้วนด้วยเหตุผลเชิงสัญลักษณ์ล้วน ๆ
ทรัพยากรระดับเทพสูงสุดเหล่านี้ทนทานมาก จนแม้แต่ขั้นอัครสูงสุดทั่วไปก็ไม่สามารถหลอมได้ สิ่งเดียวที่จักรพรรดิดาวทมิฬทำได้คือถือว่าพวกมันเป็นเหมือนของสะสม
ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินก็มองออกไปข้างนอกศาลาเทพ เขาเห็นร่างสูงสง่าปรากฏขึ้นที่ทางเข้า นางกำลังเดินผ่านเข้ามาอย่างช้า ๆ
นางเป็นหญิงวัยกลางคนที่ทั้งดูมีภูมิฐานและสง่างาม นางดูท่าทางทรงอำนาจ นางยังมีเสน่ห์แม้ว่านางจะเข้าสู่วัยกลางคน จากรูปลักษณ์ที่ละเอียดอ่อน นางถือว่าเป็นหญิงสาวที่งดงามมากใ ในช่วงวัยแรกรุ่น
นางคือหัวหน้าศาลาสิบ เฟิงสือ
ปิงหยวน, ทารอท และโตววูจิน ที่เพิ่งคุยกับเจี้ยนเฉิน เมื่อเห็นเฟิงสือมาถึง พวกเขารีบหุบปากทันที พวกเขาป้องมือทำความเคารพเฟิงสือ ก่อนจะจากไป
ในพริบตาคนที่เหลืออยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่คือเจีั้ยนเฉินและเฟิงสือ
“เจ้ามาแล้ว หัวหน้าศาลา เฟิงสือ ข้าขอโทษด้วยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับเจ้าด้วยตัวเอง ข้าหวังว่าเจ้าจะให้อภัยข้า” เจี้ยนเฉินยืนขึ้นจากบัลลังก์และเดินไป เขาป้องมือและทักทายเฟิงสือ อย่างอบอุ่น
เขาได้เรียนรู้จากรองหัวหน้าศาลาว่าคุนเทียนเข้ากันได้ดีกับเฟิงสือ ดังนั้นเขาจึงไม่ควรปฏิบัติต่อนางอย่างเย็นชา
เฟิงสือยืนเงียบ ๆ อยู่ตรงกลางห้องโถง นางจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยดวงตาที่สวยงาม อารมณ์ของนางผสมผสานอย่างมาก มีความเศร้าโศกความสงสารรวมทั้งความหดหู่และความผิดหวัง
“ที่ผ่านมาเจ้ามักจะเรียกข้าว่าน้องเฟิง เจ้าไม่เคยเรียกข้าว่าหัวหน้าศาลา เฟิงสือ” เฟิงสือถอนหายใจเบา ๆ
เจี้ยนเฉินส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น,“ ข้าจำเรื่องในอดีตไม่ได้ นอกเหนือจากแดนทำลายวิญญาณแล้ว ข้าก็ลืมเรื่องอื่นไปหมดสิ้น น้องเฟิง เจ้าก็รู้เรื่องนี้ดี”
เฟิงสือจ้องตรงไปที่เจี้ยนเฉินและถามต่อว่า “นอกเหนือจากแดนทำลายวิญญาณ เจ้าลืมเรื่องอื่นไปหมดเลยหรือ ? ”
เมื่อสังเกตเห็นการจ้องมองของเฟิงสือ เจี้ยนเฉินเองก็ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เพราะเฟิงสือดูเหมือนจะเศร้าเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางประการ
ในขณะนี้ เขาจึงคิดได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุนเทียนและเฟิงสือดูเหมือนจะเป็นมากกว่าเพื่อน เขาเริ่มเป็นทุกข์ทันที เขาคิดในใจว่า อย่าบอกนะว่ามีบางอย่างลึกซึ้งเกิดขึ้นระหว่าง คุนเทียนและเฟิงสือ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะทันได้ตอบ เฟิงสือก็คว้ามือเจี้ยนเฉินไว้ นางพูดเบา ๆ ว่า “มากับข้า ข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง” หลังจากนั้นนางก็บินขึ้นไปในอากาศ นางดึงเจี้ย ยนเฉินไปโดยไม่ให้คำอธิบายใด ๆ เพิ่มเติม นางบินตรงออกจากเมืองหลวง