เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2769: เงื่อนไขของการคุ้มครอง
ตอนที่ 2769: เงื่อนไขของการคุ้มครอง
“ระวัง ! คุนเทียน” เฟิงสือเห็นเช่นนั้นก็บินไปทันที นางช่วยพยุงเจี้ยนเฉินระหว่างทางกลับไปเมืองหลวง
พวกเขายังคงเงียบตลอดทางกลับ เจี้ยนเฉินทำตัวเหมือนหัวของเขาถูกผ่าเปิดตลอดเวลา ซึ่งทำให้วิญญาณของเขาอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด สิ่งเดียวที่เฟิงสือ ทำได้คือมองเจี้ยนเฉินด้วยความกระวนกระวายและเป็นกังวล มีหลายครั้งที่นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อนางนึกถึงสิ่งที่คุนเทียนเพิ่งประสบไปก่อนหน้านี้ นางจึงกลัวว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเขาอีกครั้งและทำให้เขาบาดเจ็บมากยิ่งขึ้น
หากเป็นเพียงการบาดเจ็บที่ร่างกาย เฟิงสือมีวิธีการมากมายที่จะจัดการกับมัน แต่อาการบาดเจ็บของวิญญาณแม้แต่จักรพรรดิดาวทมิฬก็ยังหมดหนทาง นับประสาอะไรกับนาง
หลังจากกลับไปที่เมืองหลวง เจี้ยนเฉินและเฟิงสือก็แยกย้ายและอำลากัน เฟิงสือกล่าวกับเจี้ยนเฉินด้วยความห่วงใยว่า “คุนเทียน เจ้าต้องพักฟื้นให้เต็มที่เมื่อเจ้ากลับไป ข้าจะระดมทุกสิ่งที่ศาลาเทพที่สิบมีเพื่อรวบรวมสมบัติหายากทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ต่อวิญญาณมาให้เจ้า”
…
ทันทีที่เจี้ยนเฉินกลับไปถึงศาลาเทพที่ห้า เขาก็เข้าห้องทำสมาธิในทันที เขาทำตัวเองให้ดูอ่อนแอหมดเรี่ยวแรง
เฟิงสือไม่ได้มาหาเจี้ยนเฉินอีกเช่นกัน เช่นเดียวกับที่นางพูด นางออกคำสั่งให้รวบรวมสมบัติสวรรค์ทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ต่อวิญญาณที่โลกดาวทมิฬมีทันทีที่นางกลับไปยังศาลาเทพที่สิบ
ศาลาเทพทั้งสิบของเผ่าดาวทมิฬอาจถือได้ว่าเป็นองค์กรขั้นสูง ศาลาเทพทุกแห่งมีกองกำลังของตัวเอง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีอำนาจมากเท่ากับผู้ปกครองเผ่าพันธุ์ แต่ก็เพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะรวบรวมสิ่งของบางอย่าง
เช่นเดียวกับที่เจี้ยนเฉินยังคงอยู่อย่างสันโดษเก็บตัวเพื่อที่จะแสดงให้แนบเนียนว่าตัวเองอ่อนแอ ปิงหยวน รองหัวหน้าศาลาห้าจึงไปเยี่ยมเมืองร้อยเซียนด้วยตัวเอง
ในใจกลางเมืองร้อยเซียนมีโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ โถงศักดิ์สิทธิ์มีชื่อว่าโถงศักดิ์สิทธิ์แพนธีออน
โถงศักดิ์สิทธิ์แพนธีออนเป็นโถงประชุมเดียวในเมืองร้อยเซียน เมื่อใดก็ตามที่เมืองเผชิญกับปัญหาสำคัญ สมาชิกขององค์กรระดับสูงสุดที่สร้างเมืองทั้งหมดจะมารวมตัวกันที่นั่นเพื่อพูดคุย
วันนี้ตัวแทนทั้งหมดของเมืองร้อยเซียนมารวมตัวกันที่โถงศักดิ์สิทธิ์แพนธีออน รวมถึงเหล่าอัจฉริยะที่ข้ามผ่านภูเขาโลกาแฝด ทุกคนที่ยังมีชีวิตมารวมตัวกันอยู่ที่นั่น
นั่นเป็นเพราะรองหัวหน้าศาลาของศาลาเทพที่ห้าจะมาที่นี่ด้วยตนเอง เพื่อหารือเกี่ยวกับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่และสำคัญอย่างยิ่งต่อเมืองร้อยเซียน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือมันเกี่ยวกับตระกูลของพวกเขา
พวกอัจฉริยะทั้งหมดถือว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่อาจส่งผลโดยตรงว่าตระกูลของพวกเขาจะได้ตั้งหลักในโลกดาวทมิฬต่อหรือไม่ ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก
“รองหัวหน้าศาลาผู้ทรงเกียรติ แน่นอนท่านรู้เกี่ยวกับพันธนาการและข้อจำกัดในการเข้าสู่โลกดาวทมิฬ ทุกสิ่งที่เรานำเข้ามานั้นต้องไม่ใช่ระดับเทพ ไม่เช่นนั้นมันจะถูกทำลายแม้แต่คนที่ถือสิ่งของก็ต้องตาย…”
“จอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้และเผ่าดาวทมิฬเป็นคนสร้างทางเข้าสู่โลกดาวทมิฬด้วยตัวเอง แม้แต่ขั้นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ไม่สามารถต่อกรกับพลังของจอมปราชญ์ทั้งสองนี้ได้ องค์กรของเราไม่มีแม้แต่ขั้นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 9 ดังนั้นเราจะไปเอาพลังที่ไหนมาทำลายกฎของจอมปราชญ์ทั้งสองนี้เพื่อนำบางสิ่งที่เกินขีดจำกัดเข้ามา เมื่อเทียบกับโอกาสทั้งหมด ความเป็นไปได้แทบจะติดลบ … ”
“ถ้าเป็นยาระดับสัจจะรวมทั้งยาล้ำค่าสำหรับการรักษาวิญญาณ นิกายโอสถหยกของเราสามารถผลิตยาทั้งหมดให้เจ้าอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามเมื่อมันทะลุระดับสัจจะและไปถึงระดับเทพ ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้ เพราะเราไม่สามารถนำพวกมันมาได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น … ”
“ถูกต้อง ท้ายที่สุดแล้วอุโมงค์ที่เชื่อมต่อกับโลกนี้ประกอบด้วยกฎจอมปราชญ์ทั้งสองวางไว้ แม้ว่าองค์กรที่อยู่เบื้องหลังเราจะมีความสามารถที่น่ากลัวในโลกเซียนจนถึงขั้นสามารถพลิกผันโชคชะตาได้ในระดับหนึ่ง แต่บรรพชนที่แข็งแกร่งที่สุดของเราก็ทำได้เพียงจ้องมองกฎของผจอมปราชญ์ทั้งสอง ซึ่งได้กลายเป็นรูปลักษณ์ของวิถีแห่งสวรรค์อย่างหมดหนทาง…”
พวกอัจฉริยะรวมตัวกันที่นั่นทุกคนพูดความในใจ พวกเขาหมดปัญญาในเรื่องที่ปิงหยวน ขอให้นำยาระดับเทพหรือสมบัติสวรรค์มาให้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้
อย่างไรก็ตาม ปิงหยวนนั่งอยู่ที่นั่นโดยไม่รู้สึกสะทกสะท้าน เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “เมืองร้อยเซียนเองนั้นเกือบจะถึงระดับของวัตถุเทพคุณภาพปานกลาง พวกเจ้าสามารถสร้างบางสิ่งที่ทัดเทียมกับวัตถุเทพคุณภาพปานกลางได้ที่นี่ ดังนั้นข้าจึงคิดว่าพวกเจ้าจะมีวิธีนำเม็ดยาระดับเทพและสมบัติสวรรค์เหล่านั้นเข้ามาได้อย่างแน่นอน”
เมื่อเห็นว่าพวกอัจฉริยะต้องการคัดค้าน ปิงหยวนก็ยกมือขึ้นเพื่อปิดปากพวกเขาทันที “อย่าเพิ่งขัด ให้ข้าพูดเสร็จก่อน”
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าทุกคนคงรู้ดีว่าหัวหน้าศาลาเจ็ดมีอคติกับพวกเจ้ามากเพียงใด ถ้าครั้งนี้ไม่ใช่เพราะหัวหน้าศาลาของเราช่วยไว้ ทุกคนคงจบชีวิตกันไปแล้ว การตายของพวกเจ้าอาจไม่ได้มีความสำคัญใด ๆ เลยกับตระกูลของพวกเจ้า แต่ตระกูลของพวกเจ้าควรเลิกคิดที่จะทำธุรกิจร่วมกับโลกดาวทมิฬต่อไปในอนาคต”
“กลับไปและรายงานตระกูลของพวกเจ้าว่าหากพวกเจ้าสามารถมอบยาระดับเทพและสมบัติสวรรค์ให้กับศาลาเทพที่ห้าของเราได้ มันจะดีที่สุดหากสามารถช่วยฟื้นความทรงจำ ศาลาเทพที่ห้าของเราจะรับผิดชอบในการปกป้องตระกูลของพวกเจ้า และศาลาเทพที่ห้าของเราจะให้ความสำคัญกับพวกเจ้าเป็นอันดับแรกในการแลกเปลี่ยนสิ่งของล้ำค่าต่าง ๆ ที่โลกดาวทมิฬของเราผลิตขึ้น”
“ในทางกลับกัน หากพวกเจ้าไม่สามารถจัดหาสิ่งของเหล่านี้มาได้ พวกเจ้าจะสูญเสียที่พึ่งเพียงเดียวที่มี เห็นได้ชัดว่าศาลาเทพที่ห้าของเราจะไม่เสี่ยงต่อการรุกรานศาลาเทพที่เจ็ดเพื่อคุ้มครองคนไร้ประโยชน์จำนวนมาก พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่ ? ”
ในตอนท้ายการจ้องมองของปิงหยวนคมชัดขึ้น เผยให้เห็นความมุ่งมั่นและความตั้งใจ มันทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาไม่ได้แค่ขู่เข็ญและคุกคามเล่น ๆ หากเมืองร้อยเซียนไม่สามารถจัดหาสิ่งที่ศาลาเทพที่ห้าต้องการได้จริง ๆ ศาลาเทพที่ห้าก็จะตัดหางปล่อยวัดเมืองร้อยเซียนโดยไม่คิดทบทวน
ชั่วขณะหนึ่งบรรดาอัจฉริยะทั้งหมดที่รวมตัวกันในโถงศักดิ์สิทธิ์แพนธีออนก็จมดิ่งลงในความคิดของตัวเอง จิตใจของพวกเขาทุกคนหนักอึ้งมากเพราะพวกเขาเข้าใจดีว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากับศาลาเทพที่เจ็ดนั้นมาถึงจุดที่ไม่สามารถหวนกลับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขายึดเมืองคืนจากมือของเก็ตตี้
ตอนนี้เก็ตตี้ต้องการที่จะกำจัดพวกเขามากขึ้นกว่าเดิม ในช่วงเวลาที่อันตรายเช่นนี้ พวกเขาจะต้องเสียเมืองจริง ๆ หากพวกเขาสูญเสียการคุ้มครองของศาลาเทพที่ห้าซึ่งกล้าหาญพอที่จะต่อต้านเก็ตตี้
เมื่อพวกเขาเสียเมือง มันจะเท่ากับการสูญเสียรากฐานเล็กน้อยที่พวกเขาสามารถสร้างขึ้นในโลกดาวทมิฬหลังจากผ่านความยากลำบากมากมาย มันคงเป็นเรื่องยากมากสำหรับกลุ่มของพวกเขาในการรวบรวมทรัพยากรที่หายากของโลกดาวทมิฬในอนาคต
การสูญเสียจะมากมายมหาศาล มันยังสามารถขัดขวางการพัฒนาในอนาคตของตระกูลของพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง
ปิงหยวนกล่าวต่อว่า “ศาลาเทพที่ห้าของเราจะเจรจากับศาลาเทพที่เจ็ดเพื่อให้พวกเขาถอดผนึกออกจากค่ายกลส่งตัวทางไกล หลังจากนั้นพวกเจ้าจะสามารถส่งคนกลับไปพูดคุยเรื่องนี้กับตระกูล”