เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2772 : กลับไปยังภูเขาโลกาแฝด (1)
ตอนที่ 2772 : กลับไปยังภูเขาโลกาแฝด (1)
ปิงหยวน, ทารอท และโตววูจิน ต่างก็พยายามกล่อมเจี้ยนเฉิน พวกเขาต่างก็คิดว่าการที่ผู้นำเสียความทรงจำไปนั้นทำให้ลืมความอันตรายของภูเขาโลกาแฝด ดังนั้นพวกเขาจึงอธิบายว่ามัน นอันตรายและน่ากลัวแค่ไหนให้ เจี้ยนเฉินฟัง
โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาได้อธิบายอย่างชัดเจน ตาบใดที่พวกเขาเป็นสมาชิกของเผ่าดาวทมิฬ ชีวิตของพวกเขาก็จะอยู่ในอันตรายหากเข้าไปในภูเขาโลกาแฝด ว่าจะมีความแข็งแกร่งขอบเขตอนันต์ ไม่รู้จบส่วนสวรรค์ชั้น 6 ก็ตาม
เพราะความจริงเรื่องนี้ใครก็ตามจากเผ่าดาวทมิฬเข้าไปในภูเขาโลกาแฝดก็มีโอกาสที่จะตายได้ ยกเว้นแค่ จักรพรรดิดาวทมิฬ หัวหน้าศาลาทั้งสิบก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
เมื่อได้ยินที่รองหัวหน้าศาลาอธิบายถึงความน่ากลัวของภูเขาโลกาแฝด เจี้ยนเฉินก็แอบแปลกใจ เขารู้ว่าภูเขาโลกาแฝดนั้นจำกัดเผ่าดาวทมิฬได้ แต่ไม่คิดว่าการจำกัดจะรุนแรงถึงเพียงนี เพียงพอให้ยอดฝีมือขอบเขตตั้งต้นถึงกับต้องกลัว
แต่เจี้ยนเฉินได้ตัดสินใจว่าจะเดินทางไปยังภูเขาโลกาแฝดแล้ว มันไม่อาจจะมีใครเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้นี่เพราะเหอเฉียนเฉียนและคนอื่น ๆ ได้ยึดเมืองร้อยเซียนได้แล้ว เขาต้องการไ ไปตรวจสอบสถานการณ์ที่นั่นมานานแล้ว แค่ว่าเขาไม่มีโอกาสที่เหมาะ เขาไม่คิดว่าเก็ตตี้จะยื่นโอกาสนี้ให้กับเขา
เพราะแบบนี้เขาจึงสามารถไปยังภูเขาโลกาแฝดเพื่อทวงคืนแก่นเลือด เป็นข้อแก้ตัวในการสลัดตัวตนของเขา ซึ่งมีเหตุผลเพียงพอที่จะแก้ตัวกับการที่คุนเทียนได้หายตัวไปสักพัก
เขาจะหลอกทุกคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับการทวงคืนแก่นเลือดของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ เจี้ยนเฉินรู้ว่าแม้ว่าเขาจะปฏิเสธที่จะทำแบบนั้น แต่เผ่าดาวทมิฬก็ต้องทวงมันกลับคืนมา ไม่ว่าจะเสียอะไรไปก็ตาม
ยังไงซะ จักรพรรดิดาวทมิฬก็เป็นยอดฝีมือที่มีพลังทัดเทียมกับยอดฝีมือขั้นบรรพกาล เจี้ยนเฉินอาจจะได้พบกับยอดฝีมือขั้นบรรพกาลหลายคนในโลกเซียน ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าพลังของพว วกนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน มันมีความต่างมหาศาลระหว่างยอดฝีมือขั้นบรรพกาลและขั้นอสงไขย
ด้วยความแข็งแกร่งของจักรพรรดิดาวทมิฬ เขาคงไม่อาจจะทำการสังหารสัตว์อสูรทั้งหมดในภูเขาโลกาแฝดได้ แต่การทวงแก่นเลือดเพียงหยดเดียวนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย
แต่เจี้ยนเฉินเองก็จำขึ้นใจว่าเขาคือหัวหน้าศาลาที่มีฐานะสูงส่ง หากเขาเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเดินทางไปยังภูเขาโลกาแฝดเพียงเพื่อปลดผนึกให้กับคนนอก งั้นมันคงดูไร้เหตุผลในสา ายตาทุกคน ผลก็คือเขาต้องหาเหตุผลอื่นหากเขาต้องการเดินทางไปยังภูเขาโลกาแฝด
เขานั่งคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้นมา “จริง ๆ แล้วเหตุผลว่าทำไมข้าถึงได้ตัดสินใจไปที่นั่นไม่ใช่เพราะเงื่อนไขของเก็ตตี้ ตอนที่ข้าทะลวงผ่านในแดนทำลายวิญญาณนั้น ข้าหมือนได้ หลอมรวมกับเศษเสี้ยวความทรงจำจากสัตว์อสูรดาวเคราะห์”
“อะไรนะ ? หัวหน้า ท่านได้รับความทรงจำของสัตว์อสูรอวกาศมารึ ? ”
ปิงหยวน, ทารอท และโตววูจิน ต่างก็พากันตกตะลึง พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยตาที่เบิกกว้างซึ่งเต็มไปด้วยความแปลกใจ, เหลือเชื่อและยินดี
ในหมู่เผ่าดาวทมิฬแล้ว มันมักจะมีตำนานที่บอกว่าเป็นไปได้ที่จะได้รับเศษเสี้ยวความทรงจำที่สัตว์อสูรอวกาศทิ้งไว้ในแดนทำลายวิญญาณ โชคร้ายที่บันทึกโบราณนั้นมีแค่ไม่กี่คนที่ ได้รับความทรงจำในอดีตที่แสนยาวนานของเผ่าดาวทมิฬกลับมา แต่มันคือโชคมหาศาลที่ได้พบรับความทรงจำเหล่านั้นกลับมาในตอนที่บ่มเพาะ
แน่นอนว่ามันมีคนมากมายที่ออกมาจากแดนทำลายวิญญาณซึ่งทั้งเป็นบ้าและพูดไร้สาระ บางทีคงมีส่วน้นอยที่ได้รับบางอย่างกลับมาพร้อมกับความทรงจำแต่วิญญาณของเขายุ่งเหยิงและเสียความทร รงจำของตัวเองไป พวกเขาพิการไปตลอดชีวิตและไม่อาจจะเป็นดั่งคนปกติได้อีก
“มันมีข่าวลือในหมู่ศาลาทั้งสิบว่าเหตุผลว่าทำไมจักรพรรดิถึงได้บ่มเพาะได้อย่างรวดเร็วและน่ากลัวในการต่อสู้ก็เพราะเขาได้รับความทรงจำของสัตว์อสูรอวกาศกลับมาตอนที่เขาบ่มเพา าะในแดนทำลายวิญญาณในอดีต…” ปิงหยวนพึมพำออกมาพร้อมตาที่เป็นประกาย จักรพรรดิดาวทมิฬได้รับเศษเสี้ยวความทรงจำของสัตว์อสูรอวกาศมาจากแดนทำลายวิญญาณ ส่วนหัวหน้าศาลาของเขาก็ได ด้รับมันมาเช่นกัน เขารู้ว่ามันมีความหมายต่อศาลาที่ห้ายังไง
“ข้าดูดซับเศษเสี้ยวความทรงจำมาได้แค่เล็กน้อย เศษเสี้ยวความทรงจำเหล่านั้นปั่นป่วนและแข็งแกร่งเกินไป พวกมันส่งผลกระทบต่อข้าอย่างต่อเนื่อง มันมีหลายครั้งที่ข้าไม่มั่นใจว่าข้าเป ป็นใครภายใต้ผลของความทรงจำเหล่านี้ แต่ข้ารู้สึกได้ว่าข้อมูลในเศษเสี้ยวความทรงจำเหล่านี้เกี่ยวข้องกับภูเขาโลกาแฝด ผลก็คือข้าต้องไปที่นั่น” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น
ครั้งนี้รองหัวหน้าศาลาทั้งสามต่างก็กันเงียบ พวกเขามองหน้ากัน พวกเขาต้องการที่จะห้ามแต่พวกเขาจะพูดอะไรได้ ในเมื่อมันเกี่ยวข้องกับเศษเสี้ยวความทรงจำของสัตว์อสูรอวกาศและมัน อาจจะถือเป็นโชคสำหรับหัวหน้าศาลาของพวกเขา
เจี้ยนเฉินพูดต่อ “หากข้าเดาไม่ผิด งั้นความแข็งแกร่งของข้าน่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อข้าออกมาจากภูเขาโลกาแฝด มันต้องเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก จากนั้นมันก็คงไม่เป็นปัญหาที่ข้าจะเอาชนะเ เก็ตตี้ด้วยกำลัง ! ”
“จริงรึ ? นะ นั่นวิเศษไปเลย หัวหน้า ภูเขาโลกาแฝดนั้นถือว่าเป็นคลังสมบัติสำหรับท่าน ภูเขาโลกาแฝดนั้นคู่ควรที่จะไปเยือน...”
ทันทีที่ได้ยินว่าเขาสามารถเอาชนะเก็ตตี้ได้ ปิงหยวน, ทารอท และโตววูจิน ต่างก็ดีใจขึ้นมา พวกเขาได้ทำการสนับสนุนการตัดสินใจของเขาอย่างเต็มที่
หากผู้นำของพวกเขาเอาชนะเก็ตตี้ได้ งั้นฐานะของศาลาที่ห้าก็ต้องเพิ่มขึ้นมาในระดับที่โดดเด่นในหมู่ศาลาเทพทั้งสิบแห่ง ในฐานะรองหัวหน้าศาลาแล้ว พวกเขาก็น่าจะได้รับเกียรติ ไปด้วย
“พวกเจ้าไปได้ ข้าจะเตรียมตัวก่อนและออกเดินทางในวันพรุ่งนี้เช้า “
เช้าวันต่อมา เจี้ยนเฉินได้สั่งการกับปิงหยวนในเรื่องของเมืองร้อยเซียนและสั่งการให้รองหัวหน้าทั้งสามไม่ต้องเข้าไปยุ่งอะไรกับกิจการภายในของเมืองร้อยเซียน หลังจากนั้นเขาก็ได้ ออกจากศาลาที่ห้ามุ่งหน้าไปยังภูเขาโลกาแฝด
ก่อนที่เขาจะจากไป เขาได้ทิ้งแหวนมิติที่มีแก่นเลือดสัตว์เทพไว้ในศาลาที่ห้า เขารู้ว่าแก่นเลือดนี้ปนเปื้อนพลังของเผ่าดาวทมิฬ ดังนั้นเมื่อมองจากด้านหนึ่งแล้วมันเป็นไปได ด้ที่จะบอกว่ามันได้พัฒนากลายเป็นการเชื่อมต่อกับโลกซึ่งดาวทมิฬพำนักอยู่ หากเขาเอามันไปกับตัว เขาก็จะถูกพบผ่านทักษะลับไม่ว่าเขาจะซ่อนตัวยังไงก็ตาม ซึ่งนั่นเป็นการเพิ่มค ความเสี่ยงให้กับตัวเขาเอง
เจี้ยนเฉินได้หายตัวไปผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายของศาลาที่ห้าทันที เหลือเพียงแค่รองหัวหน้าศาลาทั้งสามคนที่ออกมาส่งเขา
“กลับกันเถอะ จำไว้ว่าเก็บเรื่องการเดินทางของผู้นำเป็นความลับ …”
หลังจากที่ส่งเจี้ยนเฉินแล้ว รองหัวหน้าศาลาได้กลับมายังศาลาเทพ
แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ายามที่คอยดูแลข้างค่ายกลของศาลาที่แปดได้แอบมองอยู่ใกล้ ๆ
ตอนที่เจี้ยนเฉินหายตัวไปจากค่ายกลเคลื่อนย้าย รองหัวหน้าศาลาทั้งสามได้กลับไปยังศาลาเทพของตัวเอง ทหารคนนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปที่ศาลาที่แปดเพื่อพบกับเสิ่นหราน
“ท่านหัวหน้า หัวหน้าศาลาที่ห้าได้เดินทางออกไปเพียงลำพัง เป้าหมายของเขาไม่อาจจะทราบได้”
เสิ่นหรานนั่งไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์ เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เขามองไปทางศาลาที่ห้าและโบกมือไล่ยามกลับไป
หลังจากที่ยามกลับออกไปแล้ว แสงในตาของเสิ่นหรานก็สั่นไหว เขาพึมพำออกมา “มันมีเหตุผลตลอดที่คุนเทียนได้เดินทางออกจากศาลาที่ห้าหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่มีเหตุผลที่ชัดเจ จน เขาจะไปไหนกัน ? เขาจะทำอะไร ? ”
“หรือข้าควรจะบอกว่าสถานการณ์นี้เหมือนกับที่ข้าสงสัยว่าคุนเทียนได้รับโชคในแดนทำลายวิญญาณ ? หากมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ มันก็คือเป้าหมายในการเดินทางของเขาครั้งนี้” สายตาข ของเสิ่นหรานแสดงความคาดหวังและตื่นเต้นออกมา
“หลังจากที่จับตาดูเขามานาน ในที่สุดเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ตรวจสอบทันทีว่าคุนเทียนเดินทางไปที่ไหน ! จำไว้ว่าให้ปิดบังเรื่องนี้เป็นความลับ เราไม่อาจจะให้ใครรู้เรื่องนี้ได้ ….”