เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2773 : กลับไปยังภูเขาโลกาแฝด (2)
ตอนที่ 2773 : กลับไปยังภูเขาโลกาแฝด (2)
เมืองอัศวินทมิฬเป็นเมืองที่ใกล้กับภูเขาโลกาแฝดมากที่สุดในหมู่เมืองหลักทั้ง 36 เมืองของโลกดาวทมิฬ
เมืองอัศวินทมิฬได้ฟื้นฟูจนกลับมาเจริญและมีชีวิตชีวาดังเดิม การทำลายล้างจากการต่อสู้อันน่าตกใจก่อนหน้านี้ถูกซ่อมแซมภายใต้การร่วมมือกันของผู้บ่มเพาะของเผ่าดาวทมิฬ ร่องรอยข ของอายุและพลังที่เหลือทิ้งไว้ตามกาลเวลานั้นได้หายไปจากที่นั่นและถูกซ่อมแซมไปจนหมด ทุกที่ดูเป็นประกายเหมือนใหม่
ผู้คนบินไปมาเข้าออกในเมืองเมืองอัศวินทมิฬแห่งนี้ สมาชิกของเผ่าดาวทมิฬได้ทำธุรกิจกับคนนอกและซื้อขายแลกเปลี่ยนกันอย่างเป็นระเบียบ ดูเหมือนว่าการต่อสู้นั้นไม่เคยเกิดขึ้นที่นี่ มาก่อน
ความต่างเพียงอย่างเดียวคือตำแหน่งเจ้าเมืองนั้นยังคงว่างเปล่าอยู่ ส่วนตำแหน่งของขุนนางทั้ง 36 และราชาทั้ง 108 คนถูกแทนที่ด้วยเทพผู้พิทักษ์หมดแล้ว
ในเวลาเดียวกัน มันยังมีคนจำนวนมากที่พูดคุยกันเรื่องการต่อสู้ในถนน, ร้านค้าและโรงเตี้ยมต่าง ๆ ภายในเมืองแต่คนส่วนมากฟังมันจากคนนอกมา เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ยินข้อมูลเรื่องการต ต่อสู้รึคนนอกพูดถึงกู่ฉี พวกเขาจะหูกระดิกและตั้งใจฟังกันทันทีราวกับ่วากลัวจะพลาดรายละเอียดไป
คนนอกส่วนมากนั้นถูกส่งมาจากเมืองร้อยเซียน พวกเขามีภารกิจเพียงอย่างเดียวซึ่งคือต้องทำทุกอย่างเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกู่ฉี ทั่วทั้งโลกดาวทมิฬแม้แต่ภูเขาโลกาแฝดก็ด้วย
องค์กรใหญ่ในเมืองร้อยเซียนได้ยินเรื่องการต่อสู้ของกู่ฉีในเมืองอัศวินทมิฬ ตอนี้เมืองร้อยเซียนปลอดภัยเพียงชั่วคราว องค์กรเหล่านี้จึงได้แอบส่งคนออกไปตามหากู่ฉี เพราะพวกเขาไ ไม่มีอะไรที่ทำได้ดีกว่านี้ กู่ฉีคือยอดฝีมือที่มีพลังทำลายล้างสูง ทุกตระกูลต่างก็ต้องการดึงคนแบบนี้เข้าร่วม
“มันมีคนมากมายจากเมืองร้อยเซียนที่ตามหาตัวข้ารึ ? ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ได้คิดจะใช้ตัวตนอย่างกู่ฉีอีกต่อไป ดังนั้นมันคงแปลกหากพวกเขาตามหาข้าพบ” เจี้ยนเฉินยังคงรักษาหน้าตาข ของคุนเทียนเอาไว้อยู่ แต่เขาได้ปกปิดพลังของตัวเองเอาไว้และเดินไปตามถนนเส้นต่าง ๆ
ไม่มีใครจำเขาได้ ยังไงซะหน้าตาของหัวหน้าศาลาที่ห้านั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะทั่วไปจะเคยเห็น เมื่อรวมกับความจริงที่ว่าพลังของเขาถูกปกปิดเอาไว้ เขาก็เหมือนกับคนทั่วไป ที่นี่ มันถึงกับง่ายที่เขาจะถูกมองข้ามยังไงซะหน้าตาของคุนเทียนก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
การรับรู้วิญญาณของเขาได้ครอบคลุมไปทั่วทั้งเมือง เขาเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่นี่รวมไปถึงบทสนทนาลับของผู้บ่มเพาะจากเมืองร้อยเซียนก็ไม่อาจจะหนีจากการรับรู้ของเขาไปได้
“ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้ามาเมืองอัศวินทมิฬครั้งแรก ข้ายังเป็นคนนอกที่ใช้ชื่อปลอมอยู่ ข้าถึงกับเจอปัญหาในตอนที่เข้าเมือง ตอนนี้ข้าได้กลายเป็นหนึ่งในสิบหัวหน้าศาลาเทพของเผ่ าดาวทมิฬ เราไม่อาจจะมั่นใจได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ตอนที่เดินอยู่ในท้องถนน เจี้ยนเฉินก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา
เขาไม่ได้รีบเข้าไปที่ภูเขาโลกาแฝด กลับกันแล้วเขากลับเดินเล่นอยู่ในเมืองแทน
ตั้งแต่ที่เขามาถึงโลกดาวทมิฬ เขาก็ได้ใช้เวลาในการชื่นชมวัฒนธรรมและประเพณีของต่างแดนเลยตอนที่เขาไปถึงประตูเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ เจี้ยนเฉินก็ได้สลัดความคิดทุกอย่างทิ้ง เขาไ ได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและมุ่งหน้าไปที่ภูเขาโลกาแฝดทันที
ไม่นานหลังจากที่เขาจากไปแล้ว ภายในศาลาที่แปดที่เมืองหลวง
“ผู้นำ เราได้ตรวจสอบดูแล้ว หัวหน้าศาลาที่ห้าได้เดินทางไปยังเมืองอัศวินทมิฬ”
“เมืองอัศวินทมิฬงั้นรึ ? ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปได้ ! ” หัวหน้าศาลาที่แปด เสิ่นหราน ลุกขึ้นยืนจากบัลลังก์ช้า ๆ เขาเดินวนรอบบัลลังก์พร้อมกับแสงในตาที่สั่นไหวอย่างรวดเร็ว เขา กำลังคิดบางอย่างอยู่
ไม่นานเขาก็เหมือนจะตัดสินใจและเดินออกมาจากศาลาที่แปดก่อนจะมุ่งหน้าไปที่เมืองอัศวินทมิฬผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย
ภูเขาโลกาแฝดนั้นปกคลุมด้วยหมอกสีเทาตลอดทั้งปี หากยืนอยู่ภายนอกนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมองรูปลักษณ์ที่แท้จริงของภูเขาได้ ซึ่งนั่นทำให้เพิ่มความลึกลับของที่นี่ขึ้นไปอีก
ผู้บ่มเพาะบินเข้าออกภูเขาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาได้จับกลุ่ม 3-5 คน มันยากที่จะมีใครเดินทางเพียงลำพังผู้บ่มเพาะทุกคนต่างก็เป็นคนนอก สำหรับผู้บ่มเพาะของเผ่าดาวทมิฬนั้น พวก กเขาไม่มีทางย่างกรายเข้าไปในภูเขาโลกาแฝดนอกซะจากว่าจะไม่มีทางเลือกอื่น
“ เผ่าดาวทมิฬต้องการศพของสัตว์อสูรกลืนชีวิตที่โตได้ไม่นาน ราคาที่เสนอนั้นสูงกว่าเดิม 2-3 เท่า ข้าสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงต้องการศพมันมากมายแบบนี้….”
“สัตว์อสูรกลืนชีวิตนั้นเป็นแหล่งอาหารที่ดี โรงเตี้ยมในเมืองต่าง ๆ ของเผ่าดาวทมิฬต่างก็ซื้อมัน ราคาของอาหารที่ทำโดยสัตว์อสูรกลืนชีวิตนั้นแพงอย่างมาก มันมีคนไม่มาก ที่ซื้อได้ ดังนั้นปกติแล้วจะมีการซื้อขายที่น้อย แต่การที่เผ่าดาวทมิฬซื้อยู่ตอนนี้ในราคาที่สูงนั้น มันจึงดูประหลาด…”
“เจ้าคิดถึงการที่มีคนเข้ามาในภูเขาโลกาแฝดเพิ่มเมื่อไม่นานมานี้รึไม่ ? ข้าไม่คิดว่าการที่เผ่าดาวทมิฬซื้อศพมากมายแบบนี้ก็เพื่อเป็นอาหาร พวกเขาต้องมีแผนการอื่นอยู่เป็นแน่.. ..”
“แม้ว่าจะมีแผนการอื่น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องกังวล ข้ารู้แค่ว่าศพสัตว์อสูรกลืนชีวิตระดับเหนือเทพนั้นสามารถแลกกับกล้วยไม้ดวงดาวได้ กล้วยไม้ดวงดาวนั้นไม่ได้มีค่าส สำหรับเผ่าดาวทมิฬ แต่ในโลกเซียนแล้วค่าของมันจะเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่ารึอาจจะร้อยเท่า องค์กรใหญ่มากมายต่างก็แข่งขันที่จะแย่งชิงมัน…”
“ข้าคิดว่าเราวรใช้โอกาสนี้ในการหาเงินกัน…”
….
ระหว่างทางไปยังภูเขาโลกาแฝด การรับรู้วิญญาณของเจี้ยนเฉินได้ครอบคลุมระยหลายสิบล้านกิโลเมตร มีอะไรในเขตนี้ที่หนีการรับรู้ของเขาไปได้ ดังนั้นจึงได้ยินบทสนทนาของคนนอกได้อย่า างชัดเจน เขารู้ว่านี่ก็เพื่อพิธีที่เผ่าดาวทมิฬเตรียมกันมานานซึ่งจะเปลี่ยนแปลงชะตาของเผ่าดาวทมิฬทั้งหมด กระบวนการที่ซับซ้อนของพิธีนี้ต้องใช้ศพของสัตว์อสูรกลืนชีวิตจำนวน นมาก
ผลก็คือเผ่าดาวทมิฬได้เสนอราคาที่สูงเพื่อซื้อมันมา ซึ่งเป็นการดึงดูคนนอกให้เข้าไปยังภูเขาโลกาแฝดเพื่อล่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตให้กับพวกเขา
“เผ่าดาวทมิฬ โอ้ เผ่าดาวทมิฬ พวกเจ้าคิดแทบตาย โยนเงินและทรัพยากรจำนวนมากกับพิธีนี้ เพื่อพวกเจ้าจะได้ลดการจำกัดจากจอมปราชญ์สูงสุดแห่งจิตวิญญาณไม้ที่ส่งผลต่อตัวพวกเจ้า ซึ งทำให้พวกข้ามขีดจำกัดการบ่มเพาะและขึ้นเป็นขั้นบรรพกาลได้ โชคร้ายที่พิธีของพวกเจ้าต้องล้มเหลว ความผิดพลาดเดียวของพวกเจ้าคือพวกเจ้าได้แตะต้องคนของข้า” เจี้ยนเฉินคิดและบิน นออกไป เขาไม่ได้รู้สึกสงสารเผ่าดาวทมิฬเลยแม้แต่น้อย เผ่าดาวทมิฬทำทั้งหมดนี้เพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จของพิธี พวกนั้นต้องการให้พยัคฆ์ปีกเทวะต้องตายไปด้วย
มันเพียงพอที่จะทำให้เจี้ยนเฉินนั้นเกลียดชังเผ่าดาวทมิฬ
พรืด !
ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็ได้เข้าใกล้ภูเขาโลกาแฝด เขาไม่ได้ลดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย เขาพุ่งตรงเข้าไปที่ภูเขาในทันที สุดท้ายเขาก็ถูกหมอกนั้นกลืนไปในพริบตา
ไม่นานหลังจากที่เขาเข้าไปในภูเขาโลกาแฝด ร่างหนึ่งก็บินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พลังของเขาถูกปกปิดเอาไว้ แม้แต่การเคลื่อนไหวก็ดูพร่ามัว เขาดูเหมือนกับผี
ร่างนี้หยุดอยู่ห่างจากหมอกหลายร้อยเมตร เขามองไปตรงด้านหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขาคือหัวหน้าศาลาที่แปด เสิ่นหราน
ด้วยอำนาจที่ศาลาที่แปดมี เขาก็พบร่องรอยของเจี้ยนเฉินและแกะรอยจนมาถึงที่นี่ได้ เหตผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่อาจจะถูกพบก็เพราะเขารักษาระยะห่างกับเจี้ยนเฉินเอาไว้
“คุนเทียนเข้าไปในภูเขาโลกาแฝดจริง ๆ รึ ? แปลก เขาเข้าไปในภูเขาโลกาแฝดทำไมกัน ? รึข้าควรจะบอกว่าเขาได้รู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับภูเขาโลกาแฝดผ่านเศษเสี้ยวความทรงจำของ สัตว์อสูรอวกาศที่เขาได้รับมาจากแดนทำลายวิญญาณ ? ”