เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2776 : การตายของเสิ่นหราน (1)
ตอนที่ 2776 : การตายของเสิ่นหราน (1)
ทันใดนั้นเสิ่นหรานก็เข้าใจบางอย่าง เขาเบิกตากว้างและมองไปที่คุนเทียนตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ ใจของเขาหล่นวูบ
“ขะ ข้าเข้าใจแล้ว จะ เจ้าไม่ใช่…คุนเทียน จะ เจ้าเป็นใครกันแน่ ? เจ้าเป็นใคร ? ” ตอนที่เขาพูดนั้น ความตกตะลึงและตกใจของเสิ่นหรานก็เพิ่มไปอีกระดับ ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้ สึกกลัวขึ้นมา
ความกลัวนี้มากซะจนทำให้วิญญาณของเขาสั่นไหว มันทำให้ทั้งตัวของเขาสั่นจนไม่อาจจะควบคุมได้เขารู้แล้วว่าหากคุนเทียนตรงหน้านั้นเป็นตัวปลอม งั้นตัวปลอมนี้ก็ต้องเป็นคนนอก ก
คนนอกที่อายุมากกว่าพันปีไม่อาจจะผ่านทางเดินระหว่างสองโลกและเข้ามาในโลกดาวทมิฬได้ แต่คนนอกที่ปลอมเป็นคุนเทียนนั้นเป็นยอดฝีมือขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 6 สำหรับความจริงเ เรื่องนี้ ความแข็งแกร่งของเขามากกว่าพวกที่เพิ่งทะลวงผ่านขึ้นมาชั้นสวรรค์ที่ 6 ได้
มันหมายความว่ายังไงกัน ?
มันหมายความว่าโลกภายนอกนั้นสามารถสร้างยอดฝีมือขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 6 ซึ่งอายุไม่ถึงพันปีได้ และยอดฝีมือผู้นี้ก็ได้แอบเข้ามายังโลกดาวทมิฬและปลอมตัวเป็นพวกระดับสูงจนก กลายเป็นผู้นำศาลาเทพที่มีอำนาจอย่างมาก
นี่น่ากลัวอย่างมาก น่ากลัวซะจนทำให้ เสิ่นหราน กลัวจนถึงขีดสุด
“เจ้าฉลาดดีไม่ใช่รึ ? เจ้ามองการปลอมตัวของข้าออกได้อย่างรวดเร็ว” เจี้ยนเฉินเม้มปากแล้วยิ้มออกมา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เสิ่นหราน เจ้าจำคนนอกที่ซึ่งก่อเรื่องวุ่นวายในเมืองอัศวิน ทมิฬได้หรือไม่ ? ”
เสิ่นหรานเบิกตากว้าง เขาพูดออกมาด้วยความตกตะลึง “งะ งะ งั้นเจ้าก็คือคนนอกที่ชื่อว่ากู่ฉี จะ เจ้า….” เสิ่นหรานตกใจจนพูดอะไรไม่ออก แต่เขาก็เข้าใจว่าคนนอกที่แข็งแกร่งแบบ บนั้นวางแผนแทรกซึมเข้ามาในเผ่าดาวทมิฬนั้นต้องเก่งเรื่องการซ่อนตัวอย่างมาก
ทันใดนั้นพิธีของเผ่าดาวทมิฬที่กำลังจะจัดขึ้นซึ่งสามารถตัดสินชะตาของเผ่าดาวทมิฬได้ก็โผล่เข้ามาในหัวของเขา เขาเริ่มกังวลขึ้นมาทันที
“ข้าไม่อาจจะตายที่นี่ได้ ข้าไม่อาจจะตายได้ ข้าต้องกลับไป ข้าต้องหนีจากที่นี่ด้วยทุกอย่างทีข้ามีและรายงานข่าวที่น่าตกใจนี้ให้กับจักรพรรดิ” เสิ่นหรานแสดงสายตาบ้าคลั่งอ ออกมา พลังชีวิตของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่พลังชีวิตที่ถูกเผาไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่พลังงานในตัวก็ยังลุกไหม้ เขาได้ใช้ทักษะลับโดยใช้ชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน
“เจ้าคิดจะหนีรึ ? เสิ่นหราน เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดจากที่นี่ไปเมื่อเจ้ารู้ความลับของข้าแล้วงั้นรึ ? ” เจี้ยนเฉินฮึดฮัดออกมา เขาเตะเข้าที่หัวของเสิ่นหราน ทำให้อีก กฝ่ายกระเด็นออกไปด้วยแรงมหาศาล
วิญญาณของเสิ่นหรานสั่นไหวอย่างรุนแรง เขารู้สึกว่าหัวของเขาหมุนพร้อมกับไม่อาจจะควบคุมวิญญาณได้ ราวกับว่ามันกำลังจะแตกออกเป็นชิ้น ๆ ทักษะในการหนีของเขาที่กำลังจะใช้นั้น นถูกขัดจังหวะไปในทันที
รอบตัวเขามีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังก้องขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับพลังขอบเขตตั้งต้นที่แผ่เข้ามาถึงที่นั่น สัตว์อสูรกลืนชีวิตกว่า 40 ตัวได้แห่กันมาจากทุกทิศทาง พวกมันเคลื่ อนที่กันได้อย่างรวดเร็ว
ในหมู่พวกนั้นตัวที่เร็วที่สุดอยู่ห่างไปไม่กี่ร้อยกิโลเมตร ระยะห่างนี้ดูเหมือนจะยาวไกล แต่สำหรับสัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นแล้ว มันใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็เดินทางมาถึงที่นี ได้
มันพุ่งตัดอากาศเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันไม่อาจจะอธิบายได้ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนกัน หัวของมันเหมือนกับอินทรีย์ ตัวของมันเหมือนกับเสือดาว มันมีปีกสองคู่ที่หลัง อันหนึ่ งใหญ่อันหนึ่งเล็ก ปีกนั้นดูงดงามราวกับผีเสื้อ
ตอนที่ปีกทั้งสองคู่สะบัดนั้น มันก็ได้สร้างพายุเล็ก ๆ ขึ้น ทำให้หมอกนั้นปะทุออกมา มันถึงกับมีใบมีดลมพุ่งออกมาจากทุกทิศทางด้วยความคมที่น่าเหลือเชื่อ ต้นไม้สูงหลายต้นถูกตัด ดเป็นชิ้น ๆ สัตว์อสูรกลืนชีวิตหลายตัวที่ยอู่นภูเขาและป่าต่างก็ต้องทรุดลงตัวสั่นกับพื้น
ด้านหลังสัตว์อสูรนี่ พื้นได้สั่นไหวอย่างรุนแรงเป็นจังหวะ ในหมอกด้านหลังนั้นมีร่างขนาดใหญ่สูงก่วา 300 ม.ที่พอมองเห็นร่างได้คร่าว ๆ กำลังวิ่งมากับพื้น
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจินตนาการได้ว่ามันตัวหนักแค่ไหน แต่ละก้าวนั้นทำให้พื้นดินสั่นไหวและภูเขาถึงกับเอน ตอนที่มันวิ่งนั้นมันได้ยินเข้ากับทุกอย่างที่ขวางหน้า ต้นไม้และก้อน นหินนับไม่ถ้วนแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อปะทะกับร่างกายของมัน
นี่คือสัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้น มันไม่อาจจะมีอะไรหยุดมันได้ ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ไหนก็ตาม มันก็จะทิ้งรูขนาดใหญ่เอาไว้ มันได้พุ่งมาทางเจี้ยนเฉินพร้อมกับฉีกกระชากทุกอ อย่าง
สัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้น 2 ตัวอยู่ใกล้กับเจี้ยนเฉินมากที่สุด สัตว์อสูรกลืนชีวิตหลายตัวได้รวมตัวกันโดยรอบ แต่เพราะระยะห่างและความเร็วท่างกันออกไปจึงทำให้มันเข้าถึง ตัวเจี้ยนเฉินและเสิ่นหรานในเวลาที่แตกต่างกัน
เสิ่นหรานรับรู้ถึงสัตว์อสูรกลืนชีวิตที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาสีหน้าหม่นลงพร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาได้ตะโกนออกมา “แม้ว่าเจ้าจะฆ่าข้า แต่เจ้าก็ไม่อาจจะรอดไ ไปได้ เจ้าจะถูกล้อมโดยสัตว์อสูรกลืนชีวิตที่เป็นราชาเจ้าถิ่น ภายใต้การโจมตีของพวกมัน เจ้าไม่อาจจะหนีได้แม้ว่าเจ้าจะไม่ถูกลดพลังโดยภูเขาโลกาแฝดก็ตาม “
“ หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะรีบออกจากที่นี่เผื่อว่าข้าจะโดนล้อมและตายที่นี่ ยังไงซะที่นี่ก็คือภูเขาโลกาแฝดไม่ใช่โลกภายนอก”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เจี้ยนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะตรวจสอบรอบตัว สีหน้าเขาเคร่งเครียดขึ้นมาทัทนที ความแข็งแกร่งของภูเขาโลกาแฝดนี้ไม่อาจจะประมาทได้ มันไม่ได้อ่อนแอกว่าเผ่าดาวทม มิฬเลย ครั้งนี้มันมีสัตว์อสูรกลืนชีวิตทั้งหมด 12 ตัวที่อยู่เหนือชั้นสวรรค์ที่ 5 จำนวนนี้มันมากว่าจำนวนที่เผ่าดาวทมิฬมี
นี่เพราะเผ่าดาวทมิฬนั้นมีหัวหน้าศาลาแค่ 10 คน และจักรพรรดิดาวทมิฬที่อยู่เหนือชั้นสวรรค์ที่ 5 และจักรพรรดิก็ยากที่จะปรากฏตัว
แต่ตอนที่เจี้ยนเฉินสนใจสิ่งรอบข้างอยู่นั้น เสิ่นหรานก็แสดงสายตามุ่งมั่นออกมา ต่อมามันก็เกิดระเบิดขึ้นพร้อมกับร่างกายของเสิ่นหรานที่ระเบิดออก พลังในการบ่มเพาะชั้นสวรรค ค์ที่ 5 ได้เปลี่ยนเป็นนิ้วมือขนาด 1 เมตรแผ่แสงอันแรงกล้าออกมา
นิ้วนี้อัดแน่นขึ้นโดยพลังของเสิ่นหรานทั้งหมด มันคือพลังของขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 5 ที่สั่งสมมาตลอดหลายปีที่อัดแน่นขึ้นมาเป็นนิ้ว ผลก็คือความแข็งแกร่งของนิ้วนี้เกิน นขีดจำกัดของชั้นสวรรค์ที่ 5 มันขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของชั้นสวรรค์ที่ 6 หรืออาจจะถึงชั้นสวรรค์ที่ 7
แต่เสิ่นหรานไม่ได้ตาย ร่างกายของเขาถูกทำลาย แต่วิญญาณของเขาถูกห่อหุ้มด้วยพลังงานเปลี่ยนเป็นลำแสงและหนีอออกจากภูเขาโลกาแฝดตอนที่ร่างของเขาระเบิด
สำหรับนิ้วที่เขาสร้างขึ้นมานั้น มันได้พุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉินด้วยพลังอันน่ากลัวเพียงพอจะฉีกมิติได้
เจี้ยนเฉินตาเป็นประกายขึ้นมา เขารับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งและเก่าแก่จากนิ้วนี้ มันคือตัวตนของจิตที่กันพลังยับยั้งของภูเขาโลกาแฝด ซึ่งทำให้นิ้วนี้สามารถปลดปล่อยพลังทั้ งหมดออกมาได้ในภูเขาโลกาแฝดโดยไม่ได้อ่อนแอลงเลย
“เศษเสี้ยวจิตของจอมปราชญ์สูงสุดของเผ่าดาวทมิฬรึ ? ” เจี้ยนเฉิน พึมพำออกมา ในพริบตาเขาก็ได้หายตัวไปทันทีและตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งเขาก็อยู่ห่างจากที่เดิมกว่าร้อย ยกิโลเมตร
แต่พลังของถูกล็อคเป้าเอาไว้แล้ว ดังนั้นนิ้วพลังงานจึงเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำพุ่งตามเจี้ยนเฉินมา มันได้ฉีกมิติระหว่างทางโดยไม่สนระยะห่าง มันได้ตัดผ่านระยะทาง 100 กิโลเมตรในทันที และปรากฏขึ้นตรงหน้าเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้นมันก็พุ่งทะลุตัวเจี้ยนเฉินได้อย่างง่ายดาย
แต่มันก็แค่ภาพติดตาที่เจี้ยนเฉินทิ้งเอาไว้ ร่างจริง ๆ ของเขานั้นอยู่ห่างออกไป 100 กิโลเมตรแล้ว ด้วยการใช้กฎมิติ เขาได้ยืนอยู่ด้านหลังสัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นที่ มาถึงที่นั่นก่อน ตัวที่มีตัวเป็นเสือดาวและปีกผีเสื้อ
ทันทีที่เจี้ยนเฉินปรากฏตัว สัตว์อสูรกลืนชีวิตก็รับรู้ถึงเขาได้ แต่มันไม่ได้สนใจร่างที่ปรากฏขึ้นด้านหลังมัน มันหรี่ตาลงและมองไปที่นิ้วพลังงานที่พุ่งเข้ามาแทน
ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรกลืนชีวิตตัวนี้อยู่ประมาณชั้นสวรรค์ที่ 5 การเผชิญหน้ากับนิ้วที่มีเศษเสี้ยวจิตจอมปราชญ์สูงสุดของเผ่าดาวทมิฬที่ขึ้นถึงชั้นสวรรค์ที่ 6 นั้นทำให้ มันรับรู้ได้ถึงอันตราย
ความฉลาดที่น้อยนิดของมันไม่อาจทำให้มันรู้ตัวว่านิ้วนี้ไม่ได้เล็งมาที่มันแต่เป็นคนด้านหลังมัน สัญชาตญาณบอกมันว่าเมื่อนิ้วนี้พุ่งมาทางมัน นิ้วนี่ก็คือศัตรูของมัน
ปีกทั้งสองข้างเปล่งแสงออกมา พวกมันสะบัดขึ้นกลายเป็นใบมีดแสงขนาดใหญ่ยิงเข้าใส่นิ้วพลังงาน
ตูม !
ภายใต้เสียงระเบิดที่ดังก้อง การโจมตีของสัตว์อสูรกลืนชีวิตนั้นไร้ประโยชน์ต่อหน้านิ้วพลังงาน มันได้สลายไปในพริบตาและนิ้วพลังงานก็ยังพุ่งเข้ามาต่ออัดเข้าใส่สัตว์อสูรกลืนช ชีวิตอย่างไร้ปราณี
สัตว์อสูรกลืนชีวิตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างขนาดใหญ่ของมันร่วงลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับเลือดสีเขียวคล้ำไหลออกมาจากหัวของมัน หัวของมันแตกออกและปีกที่หลังของมันก็ขาดห หลุดลุ่ย มันมีบางส่วนของมันที่หายไปอย่างปีกของมันที่ไม่เหลืออยู่แล้ว
สำหรับเจี้ยนเฉินที่ยืนอยู่บนหลังของมัน เขาได้หายตัวไปทันเวลาพอดี
อีกฝั่งวิญญาณของเสิ่นหรานได้บินออกไปภายนอกภายใต้การป้องกันของบอลพลังงาน แม้ว่าเขาจะเหลือแต่วิญญาณแต่พลังของเขาก็ยังรั่วไหลออกไปทุกทิศทุกทาง ซึ่งทำให้เหล่าสัตว์อสูรกลื นชีวิตรับรู้ถึงเขาได้ตอนที่เขามีร่างกาย เสิ่นหรานสามารถใช้ทักษะลับเพื่อปกปิดพลังของตนได้ แต่ตอนนี้เมื่อเขาเหลือแค่วิญญาณ เขาก็ไม่อาจจะปกปิดพลังของตัวเองได้อีก แม้ว่า เขาจะต้องการจะทำแบบนั้นก็ตาม เขาได้กลายเป็นหลอดไฟที่ล่อสายตาเหล่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตภายในภูเขาโลกาแฝด
สำหรับเจี้ยนเฉิน พลังของเขาได้หายไปตอนที่นิ้วพลังงานอัดเข้ากับตัวสัตว์อสูรกลืนชีวิต
“ข้าอาจจะเสียร่างกายไปแต่การโจมตีที่อัดแน่นจากการบ่มเพาะทั้งชีวิตของข้า แม้ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะไปถึงชั้นสวรรค์ที่ 6 แต่ด้วยการที่ราชาเจ้าถิ่นสัตว์อสูรกลืนชีวิตล้อม เจ้าไว้ สิ่งที่รอเจ้าอยู่ก็คือความตาย”
“ข้าอาจจะปกปิดพลังตัวเองไม่ได้ตอนที่เป็นวิญญาณ แต่ข้าเร่งความเร็วได้ มันไม่มีโอกาสที่สัตว์อสูรกลืนชีวิตจะตามข้าทัน คุนเทียน ไม่สิ ข้าควรจะเรียกว่ากู่ฉี เจ้ายังเตรียมตัวม มาน้อยหากต้องการฆ่าหัวหน้าศาลาเทพ…” เสิ่นหรานฮึดฮัดออกมา เขาไม่ได้เจ็บปวดกับการเสียร่างกายไปเลยแม้แต่น้อย
ข้อดีของเผ่าดาวทมิฬคือพวกเขาไม่ได้มีความขัดแย้งภายในซึ่งทำให้พวกเขาใช้ชีวิตกันได้ยาวนาน ตราบใดที่วิญญาณยังคงอยู่ พวกเขาก็สามารถฟื้นฟูการบ่มเพาะที่เสียไปได้
“ข้าเตรียมตัวมาไม่พอกับการฆ่าเจ้ารึ ? หัวหน้าศาลาเสิ่นหราน เจ้าไม่ประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยรึ? ” แต่ตอนนั้นเองกลับมีเสียงถากถางดังขึ้นมาจากตรงหน้าเขา
เสียงนี้เหมือนกับเสียงยมทูต มันทำให้วิญญาณของเสิ่นหรานสั่นไหว สายตามันสะท้อนความตกตะลึง, สิ้นหวังและเหลือเชื่อออกมาทันที