เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2778 : การกลับมา
ตอนที่ 2778 : การกลับมา
ในส่วนลึกของภูเขาโลกาแฝดห่างจากที่ซึ่งเสิ่นหรานตายไปหลายร้อยกิโลเมตร เจี้ยนเฉินได้ยืนอยู่ตรงหน้าบึงและกลับไปหน้าตาดังเดิม พลังของเขาก็ถูกลบทิ้งไป สัตว์อสูรกลืนชีวิตม มากมายที่ซ่อนตัวอยู่ในบึงนั้นไม่อาจจะรับรู้ตัวตนของเขาได้
บึงแห่งนี้คือส่วนหนึ่งในอาณาเขตของสัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้น แต่มันได้ออกจากที่นี่ไปเพื่อฆ่าเสิ่นหราน มันเดินทางไปไกลและยังไม่กลับมา
และสัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นก็ไม่ใช่สัตว์อสูรเพียงตัวเดียวในบึง ในเวลาเดียวกันก็มีสัตว์อสูรกลืนชีวิตราชาเทพมากมายและพวกที่ต่ำกว่าราชาเทพด้วย พวกมันยังคงหมกตัวอย ยู่ที่ก้นบึงอย่างสงบสุขราวกับว่ากำลังทำการบ่มเพาะอยู่
การรับรู้ทางวิญญาณของเจี้ยนเฉินแผ่ออกไป การรับรู้วิญญาณอันแข็งแกร่งของเขาทำให้เขาเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในบึงบ้าง แม้แต่รูของรังสัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นที่ใจกล ลางบึงก็ไม่อาจจะหนีจากการรับรู้ของเขาได้
“ข้าจะทิ้งของของคุนเทียนไว้ที่นี่ก่อน แม้ว่าคนของเผ่าดาวทมิฬจะพบมันที่นี่ แต่ข้าก็บอกได้ว่าข้าทำมันหายตอนที่สู้กับสัตว์อสูรกลืนชีวิต ยังไงซะของเหล่านี้ก็เป็นตัวบอ อกตัวตนของข้า” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเอง จากนั้นวัตถุเทพ 2 ชิ้นที่เป็นของคุนเทียนก็ปรากฏขึ้นในมือเขา ด้วยพลังมิติเขาได้ควบคุมให้มันลอยไปที่ใจกลางบึงภายในรังของสัตว์ อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้น พวกมันถูกฝังไว้ในกองขยะขนาดใหญ่
เจี้ยนเฉินพบว่าสัตว์อสูรกลืนชีวิตในบึงนั้นอยู่ที่ขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 5 ภายใต้พลังที่ยับยั้งของที่นี่ ยอดฝีมือขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 6 ของเผ่าดาวทมิฬนั้นไม่อาจจะจ จัดการกับสัตว์อสูรกลืนชีวิตเหล่านี้ได้เลย มันคงมีเหตุผลพอที่เขาจะทำวัตถุเทพหายที่นี่
ไม่นานหลังจากที่เจี้ยนเฉินออกจากที่นั่นมา ราชาของบึงแห่งนี้ก็กลับมาที่รังของมัน
มันคืองูขนาดใหญ่ตัวยวกว่าพันเมตร ร่างกายของมันมหึมา ตาขนาดใหญ่ขนาดเท่ากับตะเกียงสั่นไหวด้วยแสงที่สว่างจ้า
สัตว์อสูรกลืนชีวิตที่ขึ้นมาถึงขอบเขตตั้งต้นได้นั้นจะมีความฉลาดระดับพื้นฐาน แต่ชัดแล้วว่ามันยังไม่ใกล้เคียงกับคนทั่วไปเลย
ทันทีที่มันกลับรัง มันก็รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตาขนาดใหญ่ของมันมองไปโดยรอบและสุท้ายก็มองไปที่กองขยะ มันมองไปที่เกราะและวัตถุเทพที่ปรากฏขึ้นภายใต้กองขยะและเอี ยงหัวใช้ความคิด
ความทรงจำบอกมันว่าของทั้งสองชิ้นนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก มันไม่อาจจะคิดอะไรได้อีกหลังจากที่คิดอยู่สักพัก ดังนั้นมันจึงหยุดคิดและเลิกสนใจของเหล่านี้และปรากฏตัวขึ้นใ ในอากาศขดตัวและนอนหลับลงกับพื้น
ที่ชายแดนภูเขาโลกาแฝด ผู้บ่มเพาะหลายคนจากโลกภายนอกได้จับกลุ่มเล็ก ๆ กระจายตามที่ต่าง ๆ บริเวณชายแดน
คนเหล่านี้แต่เดิมแล้วต้องการใช้โอกาสที่เผ่าดาวทมิฬรับซื้อสัตว์อสูรกลืนชีวิตในราคาที่สูงเพื่อหาเงิน แต่ตอนนี้ทุกคนต่างก็หมดความสนใจในการล่า พวกเขาต่างก็ปกปิดพลังของตัว วเองและซ่อนตัวมองเข้าไปในเขตลึกของภูเขาโลกาแฝดด้วยความอึดอัดใจ
มันถึงกับมีคนที่ขี้ขลาดซึ่งตัวสั่นด้วยความกลัว พวกเขาหน้าซีดและพยายามกล่อมเพื่อนให้ถอนตัวออกจากที่นี่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเสียงคำรามจากสัตว์อสูรในเขตลึกของภูเขาโลกาแฝด
กลุ่มนักล่าประกอบไปด้วยราชาเทพหรือเหนือเทพเป็นอย่างมาก สัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นนั้นอาศัยอยู่ในเขตลึกของภูเขาโลกาแฝดนั้นเป็นตำนาน แต่วันนี้พวกเขากลับได้ยินเสียงค คำรามของสัตว์อสูรกลืนชีวิตขอบเขตตั้งต้นหลายตัวพร้อมกันซึ่งทำให้ความกล้าทั้งหมดที่พวกเขามีนั้นหายไป
“ข้าไม่ทำอะไรแล้ว หากพวกเจ้าจะอยู่ต่อ งั้นก็อยู่ต่อซะ ข้าจะไม่อยู่กับพวกเจ้าอีก เผื่อว่าตัวตนที่น่ากลัวนั่นจะโผล่มาจากเขตลึก เราไม่เพียงพอจะเป็นขนมให้มันด้วยซ้ำ ข้าจะกล ลับแล้ว…”
“ราคาที่เผ่าดาวทมิฬเสนอมานั้นน่าสนใจอย่างมาก แต่เจ้าต้องรอดก่อนถึงจะได้เงินพวกนั้นมา หากเจ้าตาย เจ้าก็ไม่อาจจะชื่นชมของที่เจ้าได้มาได้ ภูเขาโลกาแฝดนี้ไม่ได้สงบสุขแล้ว ถอ อยกันก่อนเถอะ ….”
….
เจี้ยนเฉินบินไปทางเมืองร้อยเซียนราวกับภูตผี ตะกี้นี้เขาได้ผ่านชั้นหมอกหนาและไปถึงเขตชายแดน เขาพบว่ามีกลุ่มผู้บ่มเพาะจำนวนมากกำลังออกจากภูเขาโลกาแฝดไป
เจี้ยนเฉิน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นแบบนั้น หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเขา เขาอาจจะกลายเป็นสมาชิกที่ถอยกลับนี้เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายเช่นนี้
“ข้ายังแข็งแกร่งไม่พอ ! ” เจี้ยนเฉินกำหมัดแน่น เขารู้ว่าเขาแข็งแกร่งเพียงพอที่จะไม่ต้องกลัวใครในหมู่เผ่าดาวทมิฬ แต่ในโลกเซียนและโลกอมตะแล้วเขาไม่ได้มีค่าอะไรเลย
โชคร้ายที่เขายังไม่อาจจะทะลวงผ่านในกฎกระบี่และร่างบรรพกาลที่ติดอยู่ขั้น 14 เพราะการจำกัดของกฎ หากเขาต้องการทะลวงผ่านขึ้นไปขั้น 15 งั้นเขาก็ต้องทะลวงผ่านด้วยกฎกระบี่ และขึ้นไปถึงขั้นความสำเร็จบางส่วนของอมตะกระบี่
“กฎนั้นยากที่จะเข้าใจได้เมื่อยกระดับขึ้นมา ทุกการยกระดับต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ตอนนี้ข้าไม่อาจจะพึ่งแท่นหยกชะตาเพื่อทำความเข้าใจวิถีได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน ข้าไม่รู้ ว่าเมื่อไหร่ข้าจะขึ้นไปถึงความสำเร็จบางส่วนของอมตะกระบี่ได้” เจี้ยนเฉินคิด เขารู้ว่าตราบใดที่เขาขึ้นไปถึงระดับนั้นได้ แม้แต่ยอดฝีมือสูงสุดของเผ่าดาวทมิฬอย่างจักรพรรดิดาว ทมิฬซึ่งมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับขั้นบรรพกาลนั้นก็ไม่อาจะเป็นคู่มือของเขาได้
จากนั้นเขาก็สามารถจัดการพวกขั้นบรรพกาลได้อย่างแท้จริง !
“ผลแห่งวิถีฟื้นฟูคือโอกาสในการทะลวงผ่านขึ้นไปความสำเร็จบางส่วน แต่ข้ายังไม่อาจจะแตะต้องมันได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่มันยังไม่สุกเลย ผลของมันยังไม่เพียงพอ ข้าต้องช่วย พยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ก่อน แม้ว่าข้าจะต้องการเอามันมาก็ตาม” เจี้ยนเฉินคำนวณในใจ ชีวิตของพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นยังอยู่ในกำมือของจักรพรรดิดาวทมิฬ ซึ่งนี่ทำให้เจี้ยนเฉินลังเล
ไม่นานเจี้ยนเฉินก็มาถึงหน้าประตูเมืองร้อยเซียน เมืองร้อยเซียนนี้ห่อหุ้มด้วยค่ายกลป้องกันที่แข็งแกร่ง มันเหลือแค่ประตูเมืองที่เปิดให้เข้าออก
ความปลอดภัยที่ทางเข้านั้นแน่นหนาอย่างมาก มันมีองค์กรชั้นนำหลายสิบแห่งประจำการี่เมืองร้อยเซียนซึ่งได้ส่งราชาเทพมาคุ้มกันที่นี่ พวกเขาได้ทำการค้นตัวผู้บ่มเพาะทุกคนที่เข้าอ ออกเมืองนี้
ชัดแล้วว่าทั้งเมืองนั้นระวังตัวอย่างมากหลังจากที่ผ่านภัยพิบัติที่เกิดขึ้นโดยศาลาเทพที่เจ็ด แม้ว่าศาลาเทพที่ห้าจะก้าวออกมาเสนอการป้องกัน แต่ไม่มีองค์กรไหนกล้าที่จะฝากความ มหวังไว้กับศาลาเทพที่ห้าเจี้ยนเฉินไม่ได้รีบเข้าไปในเมือง เขากลับยืนอยู่หน้าประตูเมืองและสร้างการเชื่อมต่อด้วยเศษเสี้ยวพลังวิญญาณที่เขาทิ้งไว้กับเหอเฉียนเฉียน
ในเวลาเดียว เหอเฉียนเฉียนกำลังฟังรายงานสถานการณ์ล่าสุดภายในเมืองจากลูกน้องอยู่ ตอนนั้นนางนั่งอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ที่เคยเป็นของเผ่ากระเรียนสวรรค์
ทันใดนั้นเองสีหน้าของเหอเฉียนเฉียนก็เปลี่ยนไป นางพลิกฝ่ามือพร้อมกับเอาโถงศักดิ์สิทธิ์ที่เจี้ยนเฉินเคยให้นางไว้ออกมา ก่อนที่นางจะส่งการรับรู้วิญญาณเข้าไปตรวจสอบมัน
ต่อมาสีหน้าของเหอเฉียนเฉียนก็สดใสขึ้นมาพร้อมกับดีใจ นางได้พุ่งออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าลูกน้องที่รายงานอยู่ก็ตาม จากนั้นนางก็ติดต่อเจี้ยนเฉิน ก่อนที่จะบิน ไปที่ประตูเมือง
ในอีกเขตของเมืองร้อยเซียน ในโถงศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นของเผ่าหมาป่าหายนะ จินหงกำลังเพ่งสมาธิไปกับการสลักงานไม้อยู่
ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินข้อความจากเหอเฉียนเฉียน และมือของจินหงก็ชะงักไปทันที ตาเขาเป็นประกายขึ้นและมองไปที่ประตูเมือง สุดท้ายเขาก็ยิ้มออกมาราวกับโล่งอก
“หยางยู่เทียน ในที่สุดเจ้าก็ออกมาได้ ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่เป็นอะไร เจ้าต้องกลับมาได้อย่างปลอดภัยแน่ เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยจริง ๆ ” ไม้สลักและมีดในมือของจินหงหายไป เขาได้ จัดเสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะก้าวออกไปจากโถงศักดิ์สิทธิ์เพื่อมุ่งหน้าไปที่ประตูเมือง