เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2780 : ท่าทีที่ต่างกันไป
ตอนที่ 2780 : ท่าทีที่ต่างกันไป
ในโถงศักดิ์สิทธิ์กระเรียนสวรรค์นั้น เจี้ยนเฉิน, เหอเฉียนเฉียนและจินหง ต่างก็ทำการต้อนรับตัวแทนององค์กรกว่าสิบแห่งหลังจากที่พวกเขากลับมา ยิ่งกว่านั้นองค์กรเหล่านี้ก็ได้นำอัจฉริยะของตนเองมาด้วยเพื่อมอบของขวัญ
คนเหล่านี้ชัดแล้วว่าได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นโดยเหอเฉียนเฉียน นางได้ออกไปเชิญตัวแทนเหล่านี้เข้ามาในโถงศักดิ์สิทธิ์กระเรียนสวรรค์ด้วยตัวเอง จานกั้นนาง็จัดเตรียมงานเลี้ยงเพื่อดูแลพวกนี้
“หยางยู่เทียน ดูเหมือนว่าเราจะประมาทเจ้าเกินไป เราไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรอดมาได้นานแบบนี้ในภูเขาโลกาแฝด ความแข็งแกร่งและความกล้าของเจ้าช่างน่าชื่นชมจริง ๆ…”
“พี่หยางยู่เทียน ต้องขอบคุณเจ้าที่เสนอตัวล่อสัตว์อสูรกลืนชีวิตขั้นราชาเทพช่วงปลายออกไป หากมันตามเราทัน ผลกระทบนั้นคงไม่อาจจะคาดถึงด้วยความสามารถที่น่ากลัวในการกลืนกินชีวิต…”
“พี่หยางยู่เทียน บอกเราทีว่าเจ้าหนีจากสัตว์อสูรกลืนชีวิตมาได้ยังไง ? เจ้าใช้กฎมิติหนีออกมารึ ? ถึงอย่างนั้นเจ้าก็กล้าหาญจริง ๆ เขตลึกของภูเขาโลกาแฝดปกคลุมไปด้วยหมอกซึ่งจำกัดการมองเห็นอย่างมาก แม้แต่การรับรู้วิญญาณก็ยังถูกยับยั้งเอาไว้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจ้ากลับกล้าหาญพอในการเดินทางด้วยการใช้กฎมิติจนหนีมันออกมาได้…”
“พี่หยาง บอกเราทีว่าเจ้าเอาตัวรอดได้ยังไงตลอดหลายวันมานี้ในภูเขาโลกกแฝด รวมถึงอันตรายที่เจ้าเจอด้วยเพื่อที่เราจะได้เรียนรู้จากเจ้า…”
…
ที่โต๊ะแห่งหนึ่งมีอาหารและอัจฉริยะมากมายรายล้อมคอยดื่มด่ำและพูดคุยกัน เสียงหัวเราะดังออกมาอยู่ตลอด เจี้ยนเฉินยังคงยิ้มออกมาตลอดเวลา เขาคอยตอบคำถามกับทุกคนว่าเขาเจออะไรมาบ้างในภูเขาโลกาแฝดนั้น เขาได้อธิบายปนความจริงกับโกหก สำหรับความจริงที่อธิบายไปก็คือสัตว์อสูรกลืนชีวิตในภูเขาโลกาแฝดนั้นมีรูปร่างที่แปลกประหลาด สำหรับส่วนที่เหมือนจะอันตราย เขาก็ไม่ค่อยพูดถึงมันนัก
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะอธิบายมันออกมาด้วยท่าทีสบายใจ แต่ทุกคนที่นั่นต่างก็เข้าใจว่ามันอันตรายเกินกว่าที่พวกเขาจะคาดถึง
หลังจากงานเลี้ยงจบลง อัจฉริยะก็ได้เอาของขวัญมามอบให้กับเจี้ยนเฉิน พวกเขาต้องการแสดงความขอบคุณและผูกมิตรกับเจี้ยนเฉิน
ย้อนกลับไปที่ภูเขาโลกาแฝด คนเหล่านี้ไม่เคยแสดงท่าทีเป็นมิตรแบบนี้มาก่อน แต่ตอนที่ไม่มั่นใจว่าจะออกจากภูเขาโลกาแฝดได้หรือไม่ พวกเขาคิดว่าหยางยู่เทียนคงตายไปในภูเขาโลกาแฝด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรู้สึกผิดกับท่าทีก่อนหน้านี้
ตอนนี้พวกเขารอดกลับมาได้ ชีวิตของพวกเขาไม่ได้อยู่ในอันตรายอีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงมองภาพรวมได้ดีกว่าเดิม พวกเขาเริ่มสนใจดึงคนอย่างหยางยู่เทียนเข้าร่วม ยังไงซะก็ไม่ใช่แค่เจี้ยนเฉินที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นแต่ยังแข็งแกร่งอีกด้วย
แน่นอนว่าเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงได้สนใจ ก็เพราะหยางยู่เทียนนั้นเป็นผู้บ่มเพาะที่ไม่มีสังกัด
สำหรับของขวัญที่พวกเขาให้ไปนั้น มันก็แค่เหรียญผลึกขั้นสูงสุด, สมบัติสวรรค์, ยาและอื่น ๆ บางคนถึงกับให้ตำราบ่มเพาะขึ้นไปถึงขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 9 ให้กับเขา
ยังไงซะ เจี้ยนเฉินก็เป็นแค่ราชาเทพในสายตาพวกเขา พวกเขาเชื่อว่าของขวัญของพวกเขานั้นต้องทำให้ราชาเทพตื่นเต้นได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงในโลกดาวทมิฬที่ซึ่งทรัพยากรเหล่านี้หาได้ยาก ผลก็คือของขวัญเหล่านี้จึงมีค่ามากขึ้น
เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจของเหล่านี้ แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว เขาก็ได้แต่ต้องรับมันเอาไว้
“ข้าคิดว่าข้าควรจัดงานเลี้ยงให้กับหยางยู่เทียน 3 วัน เราควรเชิญองค์กรทั้งหมดในเมืองมาเข้าร่วมเพื่อฉลองกับการที่พี่หยางยู่เทียนกลับมาได้อย่างปลอดภัย” ตอนนั้นเอง จินหงก็ได้เสนอขึ้นมา ข้อเสนอของเขานั้นทำให้อัจฉริยะทุกคนบนโต๊ะต่างก็พากันเงียบไป
หลายคนไม่มั่นใจ พวกเขาอยากจะพูดบางอย่างออกมา แต่พวกเขาก็ลังเลเพราะพวกเขารู้สึกว่าข้อเสนอของ จินหงนั้นเกินไปหน่อย
ในสายตาพวกเขา พวกเขาติดค้างหยางยู่เทียนกับการเสียสละในภูเขาโลกาแฝดก็จริง แต่บุญคุณนี้ไม่ควรมากมายเกินไป บุญคุณที่พวกเขาติดค้างหยางยู่เทียนไม่มากแบบนั้น พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาแค่เสนอสมบัติบางอย่างให้อีกฝ่ายก็พอ หากพวกเขาไม่รังเกียจตัวตนที่ต่ำต้อยของหยางยู่เทียนในฐานะผู้บ่มเพาะไม่มีสังกัด หรือพวกเขาสนใจจะผูกมิตรหรือดึงอีกฝ่ายเข้าร่วม พวกเขาคงแค่มาเยี่ยมและขอบคุณเขา แค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วแต่หากพวกเขาจัดงานเลี้ยงใหญ่จนทุกองค์กรในเมืองต้องมาเข้าร่วมเพื่อหยางยู่เทียนกับบุญคุณครั้งนี้ มันก็ดูเกินไปหน่อย
หากหยางยู่เทียนมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ งั้นพวกเขาคงตกลงกับข้อเสนอของจินหง แต่หยางยู่เทียนนั้นเป็นคนไร้สังกัด คนที่ไม่มีนิกายหรือตระกูล มันทำให้เหล่าอัจฉริยะที่นั่งอยู่ที่นั่นไม่เต็มใจที่จะตกลงด้วย
“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร มันเป็นข้อเสนอที่ฟังดูดี พิ่จินหง ข้า ปิงยี่เชิง จะเป็นตัวแทนของนิกายกระบี่จักรพรรดิบงกชให้การสนับสนุนงานเลี้ยงให้กับหยางยู่เทียน” เงียบไปไม่กีวินาทีก่อนที่ปิงยี่เชิงจะเอ่ยความเห็นของตัวเองออกมา เขาสนับสนุนความคิดนี้อย่างเต็มที่
เมื่อมีคนพูดขึ้น อัจฉริยะคนอื่น ๆ ก็ได้แต่ยิ้มและตกลง เมื่อพวกเขามาที่นี่ด้วยตัวเองแล้ว พวกเขาก็ต้องตอบรับข้อเสนอนี้ ชัดแล้วว่าพวกเขาไม่อาจจะเปลี่ยนใจได้แล้ว
ยังไงซะข้อเสนอนี้ก็มาจากจินหง หากไม่ได้มีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์หนักหนาอะไร พวกเขาคงไม่มีทางทำให้จินหงไม่พอใจโดยไม่มีเหตุผล ยิ่งกว่านั้นคนเหล่านี้ก็สนจะผูกมิตรหรือดึงหยางยู่เทียนเข้าร่วม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากทำให้หยางยู่เทียนไม่พอใจกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้
“ข้าต้องขอบคุณความหวังดีของเจ้า แต่เจ้าไม่ต้อง…” เจี้ยนเฉินพยายามปฏิเสธแต่ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของจินหง, เหอเฉียนเฉียนและคนอื่น ๆ คำปฏิเสธของเขาก็ฟังไม่ขึ้น
ผลก็คือเขาไม่อาจจะปฏิเสธงานเลี้ยงได้
ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วองค์กรต่าง ๆ ในเมืองอย่างรวดเร็ว
ในหมู่องค์กรเหล่านี้ ทุกคนที่ยอมรับว่าติดค้างเจี้ยนเฉินได้ไปรวมตัวกันที่โถงศักดิ์สิทธิ์กระเรียนสวรรค์แล้ว คนที่เหลือนั้นไม่ได้ใส่ใจเขานัก พวกเขาเชื่อว่าเจี้ยนเฉินควรจะเสียสละตัวเองแบบที่ทำให้ภูเขาโลกาแฝด เพราะแบบนั้นทันทีที่ได้ยินข่าวนี้ องค์กรกว่าครึ่งก็แสดงท่าทีไม่พอใจออกมา
“จินหงเป็นอะไรไป ? เขาถึงกับยอมจัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ให้กับคนไร้สังกัด แล้วยังถึงกับขอให้พวกเราเข้าร่วม หากไม่ใช่เพราะเขาแข็งแกร่งเกินไปที่ข้าจะเป็นคู่มือได้และเป็นผู้สืบทอดของจอมปราชญ์สูงสุด ข้าคงตบหน้าเขาไปแล้ว …”
….
“จินหง โอ้ จินหง เจ้าคิดรึว่าเรายังอยู่ในภูเขาโลกาแฝดที่เจ้าดูแลทุกอย่าง ? เราได้กลับมาที่เมืองร้อยเซียนแล้ว พันธมิตรในตอนนั้นไม่มีอยู่แล้ว แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้สืบทอดจอมปราชญ์สูงสุด แต่เจ้าก็ไม่ได้มีอำนาจต่อเราอีกต่อไป สำหรับสิ่งที่เรียกว่างานเลี้ยงนี้น่ะตลกสิ้นดี มันเป็นเรื่องโง่ ๆ ที่เจ้าคิดออกมาได้….”
….
ท่าทีตอบกลับที่คล้ายกันเกิดขึ้นในโถงศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ในเมือง อัจฉริยะหลายคนต่างก็ฮึดฮัดออกมาอย่างไม่พอใจเมื่อได้ยินข้อเสนอของจินหง
แน่นอนว่ามันก็มีบางคนที่คาดหวังเช่นกัน ในโถงศักดิ์สิทธิ์สีม่วง มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์กำเทียบเชิญนั้นไว้และครุ่นคิด
ไม่นานเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาและพึมพำ “ชัดเจนแล้วว่าจินหงพยายามจะผูกมิตรกับหยางยู่เทียน ส่วนองค์กรอื่น ๆ นั้นชัดแล้วว่าเข้าร่วมก็เพราะสนใจในตัวหยางยู่เทียน ถึงอย่างนั้น หยางยู่เทียนผู้นี้ก็ค่อนข้างมีความสามารถ เขาเข้ามาที่นี่ได้ซึ่งหมายความว่าเขาอายุต่ำกว่าพันปี การที่ขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ด้วยอายุยังน้อยและถึงกับเหนือกว่าจากอัจฉริยะในองค์กรต่าง ๆ ในโลกเซียน เขาแข็งแกร่งจริง ๆ เดาจากความสามารถของเขาในภูเขาโลกาแฝดแล้ว ความแข็งแกร่งของหยางยู่เทียนอาจจะทัดเทียมกับจินหง”
“ใช่ หากข้าได้คนมีพรสวรรค์แบบนั้นมา เขาต้องประสบความสำเร็จในอนาคต เขาได้รับการดูแลโดยตระกูลเรา ชัดแล้วว่ามันจะเป็นผลงานที่มีข้าคอยหนุนหลัง” เมื่อคิดถึงจุดนี้ชายหนุ่มก็ตาเป็นประกายขึ้นมาและตะโกนขึ้นว่า “ทหาร ไปเอาผู้หญิงที่สวยที่สุดมาให้ข้า พวกนางจะเข้าร่วมงานเลี้ยงให้กับตระกูลจิตวิญญาณม่วง บอกพวกนางว่าหากใครกุมหัวใจหยางยู่เทียนได้และดึงเขาเข้าร่วมตระกูลของเรา ข้าจะบอกกับหัวหน้าตระกูลของเราให้ดูแลนางเป็นอย่างดี”