เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2799 - มรดกของจอมปราชญ์สูงสุด
ตอนที่ 2799 – มรดกของจอมปราชญ์สูงสุด
“บัดซบ ทำไมเขาถึงได้ฆ่ายากเย็นนัก ? ทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่” ในที่สุดฉู่เจี๋ยก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งดัง ๆ เมื่อหยางหยู่เทียนได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเพียงแค่แวบเดียวของเขาก็เ เพียงพอที่จะทำให้กระดูกสันหลังของเขาเย็นลง หากผู้ฝึกฝนปกติได้รับบาดแผลที่รุนแรงพอ ๆ กับเขา ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะต้องตายไปกี่ครั้งแล้ว แต่หยางยู่เทียนยังมีชีวิตอยู่
“ให้ตายเถอะ เขาบาดเจ็บมากแล้ว ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเราไม่สามารถฆ่าเขาได้ในวันนี้ โจมตีวิญญาณของเขา” โจวจื้อกัดฟันของเขา ดวงตาของเขาแดงก่ำเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะบ้าไปแล้ ว
“เนื้อของหยางยู่เทียนนั้นมีความเหนียวมากและส่วนหัวเป็นส่วนที่แข็งที่สุดของร่างกาย ข้าฟาดเขาเข้าที่หัวเขาถึง 3 ครั้งด้วยความแข็งแกร่งของขอบเขตตั้งต้น แต่ก็เหมือนข้าก็ไม ม่ได้ทำอะไรลงไปด้วยซ้ำ”
“แม้ว่าเราจะทำลายหัวเขาไม่ได้ แต่เราก็ต้องแยกวิญญาณของเขาออกจากกัน ทุกคนมาใช้กำลังของเราอย่างเต็มที่และมุ่งเป้าไปที่หัวของเขาด้วยทักษะลับ”
…
ทันใดนั้นพวกเขาทั้งห้าก็กัดฟันขณะที่พวกเขาเริ่มใช้ทักษะลับอันทรงพลัง
ทักษะลับเหล่านี้เป็นการโจมตีที่ทรงพลังซึ่งบรรพบุรุษขององค์กรของพวกเขาได้สร้างจากการกักตนและสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับค่ายกลที่พวกเขาใช้ มันสามารถทำให้การโจมตีของพวกเขารุน นแรงขึ้น
ในโลกดาวทมิฬ พวกเขาใช้ทักษะลับนี้ทั้งหมด 2 ครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่พวกเขายึดเมืองร้อยเซียนกลับมาเมื่อพวกเขาล้อมกรอบรองหัวหน้าศาลา ดัฟฟ์ ยกระดับความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขา าที่ชั้นสวรรค์ที่ 1 เพื่อขับไล่ดัฟฟ์ซึ่งอยู่ชั้นสวรรค์ที่ 2
ครั้งที่สองคือตอนที่เก็ตตี้ หัวหน้าศาลาที่เจ็ดมาถึงเมืองร้อยเซียนเป็นการส่วนตัว พวกเขาใช้ทักษะลับนี้เพื่อตั้งรับการโจมตีของเก็ตตี้ แม้ว่าแทบไม่มีประโยชน์ต่อหน้าเก็ตตี้ แต่ พลังของทักษะลับก็เป็นไม้เด็ดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาภาคภูมิใจ
อย่างไรก็ตาม มันจะสร้างภาระอันยิ่งใหญ่ให้กับพวกเขาและทหารพลีชีพราชาเทพในค่ายกลเมื่อใช้ทักษะลับ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถใช้มันได้เว้นแต่จะมีความจำเป็นอย่างแท้จริง
ทันใดนั้นแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวของขั้นอสงไขยสวรรค์ชั้นสวรรค์ที่ 1 ขั้นสูงสุด แผ่ออกมาจาก ร่างที่พร่ามัวปรากฏขึ้นในค่ายกลของพวกเขาแผ่กระจายไปด้วยความกดดันที่เย็นยะเยือกและ ะน่าสะพรึงกลัว
บุคคลเหล่านี้เป็นบรรพชนขององค์กรของพวกเขา พวกเขาใช้ทักษะลับในการเสกร่างของบรรพชนขั้นอัครสูงสุดของพวกเขา แม้ว่าพลังงานจะถูกจำกัดไว้ที่ขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 1 แต่ก็มีพล ลังที่ไม่อาจอธิบายได้
แน่นอนว่าทักษะลับของทุกคนไม่เหมือนกัน
กระบี่มายาปรากฏขึ้นจากที่ใดที่หนึ่งในค่ายกลใดค่ายกลหนึ่งของพวกเขาซึ่งเปล่งประกายด้วยแสงที่ทำให้ไม่เห็น
กระบี่เป็นสมบัติประจำตระกูลของพวกเขาซึ่งเป็นวัตถุเทพขั้นสูงที่บรรพชนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาถือครอง
นอกจากนี้ยังมีค่ายกลที่ควบแน่นนิ้วสีดำสนิทออกมาจากพลังงานบริสุทธิ์ที่แผ่ออกมาด้วยแสงสีดำที่หนาวเหน็บ
ในระยะเวลาอันสั้น ร่างที่พวกเขาควบแน่นด้วยทักษะลับของพวกเขาล้วนแตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดนี้มาถึงจุดสูงสุดของชั้นสวรรค์ที่ 1 หรือกระทั่งเข้าใกล้ชั้นสวรรค์ที่ 2
ในช่วงเวลาต่อมา ทักษะลับทั้งห้าได้ส่งผลกระทบต่อเจี้ยนเฉินด้วยพลังที่เพียงพอที่จะทำให้ราชาเทพหน้าซีด
คราวนี้พวกเขาทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่หัวของเจี้ยนเฉิน
ตูม !
ภายในเสียงอันดังก้อง เจี้ยนเฉินได้ปลิวตัวออกไปไกล คลื่นกระแทกอันทรงพลังสร้างความหายนะให้กับสภาพแวดล้อมขณะที่พื้นด้านล่างกลายเป็นเละเทะปกคลุมไปด้วยรอยแยกขนาดใหญ่
พวกเขาทั้งห้าหายใจไม่ออกเล็กน้อยขณะที่พวกเขาจ้องไปที่หัวของเจี้ยนเฉิน พวกเขาต้องการดูว่าการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาสามารถทำให้หัวของเจี้ยนเฉินแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ได ด้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม หัวใจของพวกเขาจมลงเล็กน้อยในไม่ช้าเมื่อพวกเขาพบว่าหัวของเจี้ยนเฉินยังคงเหมือนเดิมนอกจากจะถูกปกคลุมไปด้วยเลือด มันไม่ได้แตกสลายเหมือนที่พวกเขาหวังไว้
“แม้ว่าหัวของเขาจะไม่แตกจากการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ แต่จิตวิญญาณของเขาก็ต้องสั่นสะท้านเป็นชิ้น ๆ ” กงรุ่ยกล่าวขณะจ้องตรงไปที่เจี้ยนเฉินผู้ซึ่งปลิวออกไป
คราวนี้ เจี้ยนเฉินปลิวไปไกลหลายสิบกิโลเมตรก่อนที่จะตกลงสู่พื้นโดยไม่ขยับ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ใช้เวลาเพียงไม่ถึงสิบวินาทีภายใต้สายตาที่กังวลและไม่สบายใจของพวกเขา เจี้ยนเฉินปีนข ขึ้นมา “ด้วยความยากลำบาก” จากพื้นดิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดซึ่งเป็นภาพที่เลวร้ายและน่ากลัว พวกเขาไม่สามารถมองหน้าเขาได้อีกต่อไป
“เขายังไม่ตายอีกหรือ”
“เขายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
…
ฉู่เจี๋ย, โจวจื้อ, กงรุ่ย, คงเฟยหยิน และ เส้าเหวินปิน ต่างก็ทำตัวเหมือนเห็นผี ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขณะที่สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
บริเวณใกล้เคียง ทายาทของเบญจาที่เฝ้าดูตลอดเวลากระพริบตาอย่างยากลำบากเท่าที่จะทำได้ เขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อเช่นกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าได้รับมรดกจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้น ข้ามีวิธีการมากมายในการปกป้องตัวเอง มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถโผล่ออกมาจากภูเขาโลกาแฝดได้ ความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ยังไม่ เพียงพอที่จะฆ่าข้า…” ด้วยใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยเลือด เจี้ยนเฉินหัวเราะออกมาดัง ๆ พลังตัวตนของเขาอ่อนแอมากเมื่อเปลวไฟแห่งชีวิตของเขาสั่นไหวราวกับว่าพวกมันสามารถดับไปได้ทุก กเมื่อ
แต่ในขณะนี้ พลังชีวิตที่ทรงพลังและบริสุทธิ์ก็เบ่งบานในร่างกายของเขา แม้ว่าเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของมันจะรั่วไหลออกจากร่างกายของเขา แต่มันก็ส่งผลกระทบต่อโลกรอบตัวเขา ลมเริ่มพ พัดและท้องฟ้าในระยะหลายแสนกิโลเมตรเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดในพริบตา
ราวกับว่าพลังชีวิตนี้มีพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ แม้แต่เศษเสี้ยวของมันก็สามารถเขย่าโลกและเปลี่ยนเวลาและมิติได้
ตามความเป็นจริงพลังชีวิตอาจรบกวนวิถีของโลกได้ในระดับหนึ่ง
ราวกับว่าพลังชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงหนทาง
สีหน้าของฉู่เจี๋ยและคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่จากพลังชีวิตพร้อมกับความรู้สึกที่เก่าแก่และผุกร่อน ความรู้สึกนี้เป็นเหมือนพลังอ อันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนความลึกลับที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ซึ่งนำไปสู่อิทธิพลที่รุนแรงอย่างยิ่งต่อจิตวิญญาณของพวกเขา ในขณะที่พวกเขารู้สึกตกใจ ความต้องการที่จะคุกเข่าลงและเบ่งบานอยู่ข้างใ ใน
“ นะ – นั่นคืออะไร…”
“มะ – มรดกแบบนั้นคืออะไร? เหตุใดข้าจึงรู้สึกอยากยอมแพ้ก่อนที่ต่อหน้าพลังชีวิตนี้ มันรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่ข้าเผชิญหน้ากับบรรพชนของเรา…”
“การปรากฏตัวครั้งนี้ดูเหมือน…ดูเหมือน…จะค่อนข้างคล้ายกับจินหง…”
…
ในทันใดนั้นพวกเขาทั้งห้าก็ตัวสั่นอยู่ข้างใน พวกเขาจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขณะที่ใบหน้าของพวกเขาถูกฉาบด้วยความตกใจไม่เชื่อสงสัยและตกใจ อารมณ์เหล่านี้กระพริบไ ไปทั่วใบหน้าของพวกเขาอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นภาพที่น่าสนใจทีเดียว
นี่เป็นเพราะพวกเขาทุกคนคิดเหมือนกันในขณะนั้น มันเป็นความคิดนี้ที่ทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นรัว
พวกเขารู้มาโดยตลอดว่าหยางยู่เทียนได้รับมรดกของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้น เดิมทีพวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยสนใจเรื่องนี้ แต่ตอนนี พลังชีวิตที่เขาแผ่ออกมานั้นคล้ายคลึงกับพลังตัวตนของจินหงที่เปล่งออกมาเมื่อเขาใช้ทักษะลับของจอมปราชญ์สูงสุดในภูเขาโลกาแฝด ซึ่งทำให้พวกเขาเชื่อมต่อจุดต่าง ๆ ได้ทันทีแ และได้ข้อสรุปที่น่ากลัวจนพวกเขาต้องดิ้นรนที่จะเชื่อ
“มรดกอันยิ่งใหญ่ของจอมปราชญ์สูงสุด อย่าบอกนะว่าหยางยู่เทียนได้รับมรดกของจอมปราชญ์สูงสุดแล้วหรือ ? ” หัวใจของพวกเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้นขณะที่เลือดไหลเวียนผ่านร่างกาย ไม่น่า าแปลกใจที่หยางยู่เทียนสามารถทนอยู่ได้นานภายใต้การโจมตีของพวกเขา เขาได้รับมรดกของจอมปราชญ์สูงสุดแล้ว
ตอนนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว พวกเขาทุกคนรู้ว่าพวกเขาต้องทำอะไร ในขณะนั้นพวกเขาทั้งห้าลืมไปอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อหยางยู่เทียน ดวงตาของ พวกเขาเต็มไปด้วยความสุขและความโลภ พวกเขาทั้งหมดพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินอย่างบ้าคลั่ง
“หยุด ! ”
ในขณะนี้เสียงอันยิ่งใหญ่ได้ดังออกมาจากระยะไกลดั่งเช่นฟ้าร้องดังก้องในหูของพวกเขา มันเต็มไปด้วยความโกรธ