เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 280: ภัยคุกคาม
ตอนที่ 280: ภัยคุกคาม
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินแสดงให้เห็นถึงความลำบากใจ หากผู้อาวุโสมาขอเขาก่อนนี้เขาก็ยังสามารถเอาออกมาได้ แต่ตอนนี้หินหลากสีก้อนนี้ได้เข้ามาอยู่ในตันเถียนของเขาแล้วและถูกเก็บไว้โดยจิตวิญญาณกระบี่ ซึ่งหมายความว่าเขาไม่อาจเอามันออกมาได้
มองไปที่ใบหน้าที่ดูยุ่งยากใจของเจี้ยนเฉิน ดวงตาของผู้อาวุโสก็หรี่แคบลงก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ารำคาญออกมาว่า น้องชาย จ้าไม่ต้องกังวล ไม่ว่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าขนาดไหน ข้าผู้เฒ่าหวู่ก็ไม่คิดจะเอามันไป ข้าแค่อยากจะรู้ว่ามันเป็นสมบัติอะไร
ท่านผู้เฒ่า ข้าเสียใจจริง ๆ แต่ข้าไม่อาจเอาหินหลากสีออกมาได้ เจี้ยนเฉินยิ้มเฝื่อน ๆ บนใบหน้าของเขา คนกลุ่มนี้เข้ามาในช่วงจังหวะไม่ดีเลย พวกเขาเพิ่งเข้ามาหินหลากสีก็เข้าไปในตันเถียนของเขาและทำให้เขาไม่อาจอธิบายอะไรได้ ท้ายที่สุดหากสถานการณ์เป็นแบบนี้ ไม่ว่าเขาจะอธิบายอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อได้
ฮึ่มม เจ้าไม่อาจเอาออกมาได้ ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าคิดว่าตาเฒ่าแบบเราจะเอาสมบัติของเจ้าไป ?
ผู้อาวุโสหวู่นั้นทรงอำนาจมากในตระกูลเทียนฉิน เขาจะอยากได้สมบัติของเจ้าได้อย่างไร ?
สมบัติของเจ้ามีค่าไม่กี่เหรียญ ผู้อาวุโสเหล่านี้จะอยากได้ของเจ้าไปทำอะไร ?
ผู้อาวุโสไม่ได้พูดอะไรออกมาขณะที่คนที่อยู่ด้านหลังเริ่มตำหนิเจี้ยนเฉิน
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินหมองลงก่อนที่จะยกมือขึ้น ผู้อาวุโส ข้าไม่ได้อยากจะซ่อนสมบัติจากท่าน แต่มันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดคิด ทำให้ข้าไม่อาจนำออกมาได้ เจี้ยนเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ และพยายามที่จะอ่อนน้อมที่สุด หากอีกฝ่ายยังพยายามกดดันเขา เขาก็จะไม่ไว้หน้าอีกต่อไป
ไม่ต้องพูดไร้สาระ เจ้าแค่รีบเอามันออกมาให้ผู้อาวุโวหวู่ดู ด้วยสถานะของเขา ตระกูลต้องการอะไร เขาก็ต้องได้สิ่งนั้น ? เด็กหนุ่มพูดโดยไม่ไว้หน้าเจี้ยนเฉิน
ออกไปให้พ้นทาง ! ในเวลานั้นมีเสียงคำรามออกมาจากด้านหลังทุกคน ทำให้เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ท่าทางแข็งแรงวิ่งฝ่าฝูงชนเข้ามาในห้อง เมื่อพวกเขาเห็นคนทั้งหมดก็รีบหลีกทางและป้องหมัดพร้อมกับพูดว่า นายน้อย !
คนที่รีบวิ่งเข้ามาคือฉินเซียว
หลานเซียว เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ? เมื่อเห็นเด็กหนุ่มคนนั้น ผู้อาวุโสหวู่ก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาขณะที่เขาถามด้วยน้ำเสียงอย่างอ่อนโยน
ฉินเซียวมีอิทธิพลในตระกูลอย่างมากและแม้กระทั่งผู้อาวุโสหวู่ที่มีอำนาจมาก เขาก็ยังห่างชั้นเมื่อเทียบกับฉินเซียว
ฉินเซียวเหลือบไปมองผู้อาวุโสหวู่และพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง ผู้อาวุโสหวู่ ข้าควรจะถามคำถามนั้นกับท่าน นี่คือห้องของน้องร่วมสาบานข้า เจี้ยนเฉิน พวกท่านมาทำอะไรที่นี่กันมากมาย ? จากนั้นเขาก็มองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังผู้อาวุโสหวู่และออกคำสั่งอย่างโกรธเกรี้ยวว่า ทุกคนที่อยู่ที่นี่ออกไปให้หมด !
คนที่อยู่เบื้องหลังผู้อาวุโสหวู่มองหน้ากันและกันโดยไม่แน่ใจว่าจะทำเช่นไรดี ผู้อาวุโสหวู่ได้แต่จ้องมองอย่างเย็นชาไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเหล่านั้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินเซียวก็ยิ่งหน้าตาถมึงทึงและราวกับว่าจะออกคำสั่งอีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ดังกังวานมาจากด้านนอกตัวห้อง
ข้าต้องการให้ทุกคนออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ !
หลังจากที่ได้ยินเสียงดังกังวานขึ้นมา หัวใจของทุกคนก็กระโจนขึ้นมาถึงลำคอ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นว่าคนเหล่านี้เป็นใคร แต่ทุกคนต่างก็คุ้นเคยกับเสียงนี้ มันเป็นเสียงของผู้นำตระกูลฉิน
พวกเราคารวะผู้นำ !
พวกเราน้อมพบผู้นำ!
กลุ่มคนที่อยู่ด้านนอกเริ่มพูดกับผู้นำอย่างเคารพก่อนที่จะเดินออกจากห้องอย่างเชื่อฟัง ด้วยคำพูดของผู้นำ ไม่มีใครสักคนที่จะกล้าอยู่ในห้อง
ผู้นำได้สวมเสื้อคลุมสีขาวและมีชายกลางคนไม่กี่คนที่อยู่ด้านหลังของเขา ที่ตอนนี้ได้เข้ามาให้ห้องด้วย
ข้าคารวะผู้นำ ! ผู้อาวุโส่หวู่กล่าวด้วยความเคารพ
ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็มา ! ผู้อาวุโสหวู่และกลุ่มคนเหล่านั้นดื้อดึงมาก พวกเขาบุกเข้ามาในห้องของน้องเจี้ยนเฉินโดยไม่แจ้งจุดประสงค์ ! ถ้าข่าวนี้ถูกแพร่งพรายออกไปข้างนอก ตระกูลเทียนฉินของเราจะมีหน้าไปเจอผู้คนได้อย่างไร ? ฉินเซียวพูดอย่างไม่พอใจ
ผู้นำมองไปที่อาวุโสหวู่และพูดอย่างใจเย็น ผู้อาวุโสหวู่ ตอนนี้น้องเจี้ยนเฉินเป็นแขกของตระกูลเทียนฉินของเรา การที่เจ้าบุกเขามาถึงห้องของเขามันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับได้ ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไปยังภายนอกเทียนฉินของเรา ตระกูลของเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ? เร็วเข้า รีบขอโทษน้องเจี้ยนเฉินซะ !
ใบหน้าของอาวุโสหวู่เริ่มกระตุกขณะที่มองไปที่ผู้นำอย่างไม่อยากจะเชื่อ ! เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ในฐานะที่เขาเป็นถึงผู้อาวุโสที่ทรงเกียรติ ทำไมเขาต้องมาขอโทษเจ้าเด็กนั่นด้วย ?
มีความขัดแย้งในใจของเขา แม้ว่าเขาจะไม่กล้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของผู้นำ แต่เขาก็ยังสามารถขอโทษกับเจี้ยนเฉินได้อย่างเต็มใจ
น้องชาย ข้าได้ยินมาจากผู้คุ้มกันของข้าว่าเกิดแสงจำนวนหนึ่งส่องออกมาจากห้อง ข้าขอดูได้หรือไม่ว่ามันคืออะไร ผู้นำส่งรอยยิ้มน้อย ๆ ให้กับเจี้ยนเฉิน น้ำเสียงของเขาค่อนข้างใจดีและไม่ได้หยิ่งเหมือนกับผู้อาวุโสของตระกูล
ใบหน้าที่มีรอยยิ้มของเจี้ยนเฉินแข็งค้าง มันช่างเป็นหินที่นำพาหายนะมาอย่างแท้จริง ! ตอนที่เขาซื้อมันมาจากศาลาสมบัติเขาก็เจอปัญหาแล้ว โชคดีที่ฉินเซียวมาทันเวลา ไม่อย่างนั้นสถานการณ์จะเลวร้ายมากขึ้น ตอนนี้แม้ว่าเขาจะโชคดีแต่ผู้นำก็ยังขอดู
ผู้นำฉิน เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้าได้รับมันมาจากศาลาสมบัติและซื้อหินหลากสีเข้ามา แสงที่ยามได้เห็นคือสิ่งที่มาจากหินก้อนนั้น เจี้ยนเฉินอธิบาย
โอ้? มีหินอย่างนั้นด้วยหรือ ? ผู้นำพูดด้วยความตกใจก่อนที่จะมองไปที่เจี้ยนเฉิน น้องชาย ข้าไม่รู้ว่าหินแบบใดกันที่จะส่องแสงออกมาอย่างลึกลับเช่นนี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่ข้าจะได้เห็นว่ามันเป็นหินอะไร ? เขาพูดอย่างตื่นเต้น
ผู้นำฉิน หินก้อนนั้นได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายของข้าไปแล้ว เพราะอย่างนั้นข้าจึงไม่อาจเอามันออกมาได้ เจี้ยนเฉินพูดอย่างอับจนปัญญา
ห๊ะ มันอยู่ในร่างกายของเจ้า ? ผู้นำร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ดูเหมือนว่าหินก่อนนี้จะเป็นสมบัติล้ำค่า ข้าเคยเห็นมันจากบันทึกใหนอดีต ในอดีตมีการบอกกันว่าสมบัติขั้นสุดยอดบางอย่างสามารถหลอมรวมเข้าในร่างกายคนเราได้ และมีผลที่น่าอัศจรรย์ ผู้อาวุโสเคราขาวอุทานมาจากด้านหลังผู้นำ
‘สมบัติขั้นสุดยอด’ ? ผู้อาวุโสโจว สมบัติขั้นสุดยอดแข็งแกร่งเพียงใด ? เขาหันไปหาผู้อาวุโสคนนั้นเพื่อขอความกระจ่าง
ผู้อาวุโสส่ายหน้า ท่านผู้นำ ตามบันทึกโบราณที่มีเกี่ยวกับสมบัติสูงสุดนั้นหายากอย่างยิ่ง แม้แต่ข้าก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้น
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ผู้นำก็มองไปที่หน้าของเขาก่อนที่จะหันกลับมามองเจี้ยนเฉินพร้อมกับการถอนหายใจเล็กน้อยและพูดว่า น้องชาย เจ้าสามารถเจอกับสมบัติอย่างนั้นได้ มันก็เป็นวาสนาของเจ้าจริง ๆ จำเอาไว้ว่าเจ้าอาจจะเผชิญกับหายนะที่มีแต่คนอิจฉา ข้าได้ยินว่าในตอนนี้อยู่ในศาลาสมบัติก็มีคนมากมายที่ต้องการสมบัติของเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องระวังคนอื่นที่พยายามจะขโมยมันไปจากเจ้า
ข้าขอบคุณสำหรับความหวังดีของท่านผู้นำ เจี้ยนเฉินตอบอย่างนอบน้อม
ด้วยเหตุนี้ผู้นำและคนของเขาจึงจากไปโดยไม่พูดถึงหินหลากสีอีก
น้องเจี้ยนเฉิน หินที่ล้ำค่าเช่นนี้เจ้าต้องดูแลมันให้ดี ๆ ตอนนี้อาจจะไม่มีใครกล้ามาขโมยของเจ้าในเมืองหว่าลู่เหริน ทันทีที่เจ้าออกจากเมืองมันจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ข้าไม่อาจบอกได้ว่าเจ้าจะปลอดภัยจากใครก็ตามที่หมายปองสมบัติของเจ้า ฉินเซียวพูดอย่างขึงขัง
หลังจากนั้นฉินเซียวก็ออกจากห้องไป หมิงตงเข้ามาตรวจสอบรอบ ๆ ก่อนและหลังจากตรวจสอบเสร็จแล้วเขาก็กลับเข้าไปในห้องของเขาเพื่อบ่มเพาะต่อไป
หลังจากนั้นก็มีคนบางคนที่มาจากตระกูลเทียนฉินมาซ่อมประตู เจี้ยนเฉินปิดประตูได้อีกครั้งก่อนที่จะเริ่มบ่มเพาะอย่างจริงจัง ก่อนที่จะถึงเวลาชุมนุมทหารรับจ้างเขาต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาให้มากที่สุด
พริบตา กลางวันก็เปลี่ยนเป็นกลางคืน กลางดึกเจี้ยนเฉินยังคงดูดซับพลังจากแกนอสูรเข้ามาในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
แคร่ก ! มีเสียงดังออกมาจากประตูของเจี้ยนเฉิน หลังจากที่ได้ยินแล้วก็มีเงาร่างเดินเข้ามา
เจี้ยนเฉินเงยหน้ามองอย่างช้า ๆ ไปยังร่างเงาอันนั้น ท่านมาหาข้ากลางดึก มีธุระอะไรกับข้าหรือ ? เจี้ยนเฉินกำลังบ่มเพาะอยู่ เขาได้สอดส่องสภาพแวดล้อมของเขาตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อบุคคลนี้เข้ามาในห้องเขาจึงสามารถบอกออกมาได้
แม้ว่าจะไม่มีแสง ร่างเงาก็เดินไปนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างไม่มีปัญหา จากนั้นเสียงที่แก่เฒ่าก็ดังออกมา เจี้ยนเฉิน ข้าจะพูดกับเจ้าตรง ๆ ข้าต้องการซื้อหินหลากสีของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะขายมันในราคาเท่าไรก็ตาม ?
เจี้ยนเฉินหัวเราะ ผู้อาวุโสหวู่นั่นเอง อย่างไรก็ตามท่านได้มาหากลางดึก ข้าได้บอกไปแล้วเมื่อกลางวัน หินหลากสีได้เข้ามาอยู่ในร่างกายของข้าและข้าไม่อาจเอามันออกมาได้
ฮึ่ม เจ้าเลิกพูดเล่นกับข้าได้แล้ว เจี้ยนเฉิน เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเรื่องนั้นจริง ๆ รึ ? ข้าไม่ต้องการที่จะพูดมาก หินหลากสีนั่นจะทำให้เจ้าเดือดร้อนไม่ช้าก็เร็ว มันจะนำปัญหามาให้เจ้าอย่างไม่สิ้นสุด เจ้าจะขายมันหรือไม่ ? ผู้อาวุโสหวู่เริ่มหมดความอดทน
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเริ่มมืดครึ้มลง จากคำพูดของผู้อาวุโสหวู่ เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าเขาไม่ต้องสุภาพอีกต่อไป เขาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระด้างและเย็นชาว่า มันไม่ได้มีไว้ขาย !
มีจิตสังหารแผ่ออกมาเล็กน้อยจากร่างของอาวุโสหวู่ เขาตบโต๊ะเบา ๆ และหัวเราะอย่างเยือกเย็น ดีมาก ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ทำอย่างนี้ เจี้ยนเฉิน หลังจากพูดเสร็จผู้อาวุโสหวู่ก็ออกจากห้องไป