เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2801: ระเบิดแก่นโลหิต
ตอนที่ 2801: ระเบิดแก่นโลหิต
ในพริบตา แสงสีแดงส่องสว่างออกมาจากลูกศรพร้อมกับพลังปราณที่ห่อหุ่มพวกมันทั้งห้าไว้
สีหน้าของฉู่เจี๋ย,โจวจื้อ, คงเฟยหยิน, เส้าเหวินปิน และกงรุ่ย เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาเคยเห็นความน่ากลัวของพลังปราณหลักมาก่อนแล้ว นั่นเป็นพลังปราณหลักที่ทำให้ทั้งโลกซี ดเซียว พวกเขาหวาดกลัวของจุดจบอย่างจนปัญญา
และที่สำคัญพวกเขาเดาได้แล้วว่าพลังปราณหลักนั้นน่าจะเชื่อมโยงกับมรดกของจอมปราชญ์สูงสุดหรืออาจจะเป็นพลังที่จอมปราชญ์สูงสุดครอบครองอยู่
ก่อนที่พลังจะมีระดับสูงเช่นนี้ พวกเขาจะต้องเข้าสู่ค่ายกลขอบเขตตั้งต้น แต่พวกเขาก็ไม่อาจทำได้ นับประสาอะไรกับการเข้าสู่ค่ายกลขอบเขตตั้งต้นที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วน ความแข็งแกร่ งของพวกเขาได้กลับคืนสู่สถานะเดิมก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาหมดหนทางมากขึ้นต่อหน้าพลังที่พวกเขาเชื่อว่ามันอาจไปถึงระดับจอมปราชญ์สูงสุดแล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพวกเขามีพลังไม่เพียงพอ ไม่อย่างนั้นหากมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นอยู่ พวกเขาอาจจะมองเห็นผ่านภาพลวงตาของลูกศรพลังปราณหลักทั้งห้าภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉิน
“หยางยู่เทียน ข้าเป็นศิษย์หลักของนิกายหยูเจียง ข้ามีสถานะสูงส่งในนิกายหยูเจียง ถ้าเจ้าฆ่าข้า นิกายหยูเจียง จะไม่มีวันปล่อยเจ้า ! ” ในขณะที่พลังปราณหลักที่น่ากลัวเข้าปกคล ลุมเขา ท้ายที่สุดมันก็เป็นอันตรายถึงชีวิตจนแทบทำให้วิญญาณของโจวจื้อแหลกสลาย เขาตะโกนออกไปอย่างหวาดกลัวเพื่อต่อรองชีวิตของเขาอย่างชัดเจน
“หยางหยู่เทียน ข้าจะลืมความบาดหมางในครั้งนี้ ตอนนี้ข้ากับเจ้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอีกต่อไปในอนาคต ข้าหวังว่าเจ้าจะยั้งมือทันที” ภายใต้ความคุกคามถึงชีวิต กงรุ่ยได้ละทิ้งความโอ อหังของเขาทั้งหมดไปพร้อมกับขอความเมตตา แม้ว่าจะรู้สึกอับอายและไม่เต็มใจก็ตาม นั่นคือสิ่งที่เขาพูด แต่ความแค้นและจิตสังหารที่รุนแรงยังซ่อนอยู่ในส่วนลึกของดวงตาของเขา
คงเฟยหยินจากตระกูลคังเฉียงและเส้าเหวินปินแห่งตระกูลเส้าก็สื่อสารกันอย่างลับ ๆ เช่นกัน พวกเขาทุกคนต่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เนื่องจากพวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากความตายจน นทำให้แม้แต่วิญญาณของเขาก็สั่นสะท้านจากพลังปราณหลัก
แม้แต่ราชาเทพที่จะถูกนำบูชายัญซึ่งพวกเขานำมาด้วย แม้ว่าจะได้รับการปกป้องจากวัตถุเซียนคุณภาพสูงก็ตาม พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินไม่สนใจคำขอร้องของพวกเขา สายตาของเขาเย็นชาและเจตจำนงในการสังหารก็แน่วแน่ เขาควบคุมปราณกระบี่ที่เต็มไปด้วยพลังปราณหลักพุ่งเข้าใส่หัวของพวกเขาอย่างไร้ ความปราณี
ในความเงียบงัน ปราณกระบี่เส้นเล็ก ๆ ได้หายเข้าไปที่หน้าผากของพวกเขา
นี่เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถฆ่าขอบเขตตั้งต้นก่อนหน้านี้ได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อาจต้านทานใด ๆ ได้เลยในฐานะราชาเทพ
ทันใดนั้นวิญญาณของฉู่เจี๋ย, คงเฟยหยิน,โจวจื้อ,กงรุ่ยและเส้าเหวินปินก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ พวกเขาตายทันที
หลังจากนั้นพลังปราณหลักก็เข้าสู่ศีรษะของพวกเขาทันที ผ่านบาดแผลทางหน้าผากพร้อมกับร่องรอยเพียงเล็กน้อย เพื่อให้ดูว่าพวกเขาตายเพราะพลังปราณหลัก
พลังปราณหลักกระจายเต็มไปทั่ว เมื่อสภาพแวดล้อมกระจ่างอีกครั้ง ฉู่เจี๋ย, โจวจื้อ,คงเฟยหยิน , กงรุ่ยและเส้าเหวินปินได้กลายเป็นศพนอนแน่นิ้งราวกับท่อนไม้ บนพื้น ราชาเทพที่กำล ลังจะถูกนำไปบูชายัญต่างตกตะลึงโดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
สำหรับเจี้ยนเฉิน เขาดูมีท่าทีราวกับกำลังหมดพลัง แรงกดดันของเขาไม่เพียงแต่อ่อนแรงเท่านั้น แต่พลังชีวิตของพวกเขาก็สั่นไหวราวกับมันกำลังจะหมดแรง หลังจากนั้นเขาก็หลับตาและทรุ ดตัวลงกับพื้นหมดสติทันที
ในขณะที่เขาเป็นลม แก่นโลหิตของหมาป่านภาโบราณในร่างกายของเขาก็ดูเหมือนจะหลุดจากการเหนี่ยวรั้งบางอย่างไว้ พลังปราณบริสุทธิ์ปะทุขึ้นจากการฝืนขีดจำกัดของเจี้ยนเฉินและแผ่นออก กไปรอบตัวของเขาจนทำให้เกิดลมหมุน
ในเวลาเดียวกัน หยดแก่นโลหิตก็ดูเหมือนจะพัฒนาจิตใจของมันเองโดยเคลื่อนไหวผ่านร่างกายของเจี้ยนเฉินอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะถึงปากของเขาในท้ายที่สุด ราวกับว่ามันต้องการที่จะหลุดจากก การควบคุมของเจี้ยนเฉินและลอยหายไป
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินกัดฟันแน่นโดยใช้ปากของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้มันหนี แก่นโลหิตถูกปิดกั้นที่นั่น
ตอนนี้เจี้ยนเฉินไม่อาจป้องกันอะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว การขโมยแก่นโลหิตของจอมปราชญ์นี้ไม่จำเป็นต้องใช้การบ่มเพาะที่มากนัก แค่เพียงแงะปากของเจี้ยนเฉินอย่างเบา ๆ แก่นโลหิตก็ จะเป็นของพวกเขา
ใกล้ ๆ ทายาทของเบญจาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินที่หมดสติ เขารู้สึกได้ถึงวัตถุที่แผ่พลังอันบริสุทธิ์ออกมาจากปากของเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาลังเล
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่านี่คือแก่นโลหิตของจอมปราชญ์สูงสุด แต่เขารู้ว่ามันต้องเป็นของดี เมื่อตัดสินใจแล้ว เขาก็ปรากฏตัวข้าง ๆ เจี้ยนเฉินทันที
“ปล่อยมือ ! ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร แต่เจ้าเอาสมบัติของหยางยู่เทียนไป ข้าจะตามล่าเจ้าสุดขอบโลก ข้าจะไม่ละเว้นแม้แต่นิกายของเจ้า”
ชณะที่ทายาทของเบญจากำลังจะดึงแก่นโลหิตจากปากของเจี้ยนเฉิน เสียงที่โกรธเกี้ยวของจินหงก็ดังขึ้นมา
เขากลายเป็นริ้วแสงและพุ่งผ่านหลายพันกิโลเมตรมาอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายของเขาคลุมเครือคล้ายกับหมาป่าสีเงินที่พุ่งเข้ามาอย่างกล้าหาญ เขาพุ่งตรงเข้าหาทายาทของเบญจาราวกับว่าเขาไ ไม่อาจหยุดยั้งตัวเองได้
และเมื่อพวกเขาได้ปะทะกัน พื้นที่รอบ ๆ ก็สั่นสะเทือนอย่างหนักราวกับเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่
มิติตรงนั้นถูกปั่นป่วนด้วยพลังของจินหง แม้ว่าจะไม่ใช่การปั่นป่วนที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยากที่จะใช้กฏมิติ เว้นแต่ความเข้าใจของเขาจะเหนือกว่าการบ่มเพาะของจินหง
สีหน้าทายาทของเบญจาเปลี่ยนไป เขาเครียดอย่างมากกว่าเมื่อก่อน เขามั่นใจในตัวเอง แต่เขาก็รู้เกี่ยวกับตำแหน่งและชื่อเสียงของจินฟงในฐานะผู้สืบทอดของจอมปราชญ์สูงสุด
แม้แต่ในโลกเซียนที่กว้างใหญ่ ผู้สืบทอดจอมปราชญ์สูงสุดก็เป็นบุคคลที่เจิดจ้าอย่างมาก แม้ว่าเขาจะยังไม่มีพลังใด ๆ พิเศษ แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถล่วงเกินเขาได้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนอย่างเขา ทายาทของเบญจาก็ไม่อาจประมาทได้ แม้ว่าเขาจะไม่อาจควบคุมมิติได้อย่างที่ต้องการภายใต้การแทรกแซงของจินหง แต่พลังของกฏก็ยังไม่ได้รับผลกระทบ
ด้วยมีกฏมิติอยู่ในมือข้างหนึ่ง และมืออีกข้างหนึ่งมีกฏของเวลา เขานำมือทั้งสองมาประกบกันทำให้เกิดความซับซ้อนอย่างไม่ธรรมดา เขาเปิดฉากโจมตีจินหงอย่างรุนแรง
ตูม !
ตามมาด้วยเสียงกึกก้อง ทายาทของเบญจาถูกหมาป่าสีเงินของจินหงทำลายอย่างร้ายกาจ ไม่เพียงแต่การโจมตีของเขาจะล้มเหลวในการทำร้ายหมาป่าสีเงิน แต่เขาก็กระเด็นพร้อมกระอักเลือด ซี่โ โครงหักและหน้าอกของเขายุบลงไป จนอวัยวะของเขาสั่นเป็นชิ้น ๆ
ทายาทของเบญจากระอักเลือดหลายคำ เขาจ้องมองจินหงอย่างลึกล้ำและหวาดกลัวก่อนที่จะหนีไปอย่างสุดชีวิต เขาไม่เข้าไปในมิติที่จินหงแทรกแซงเอาไว้และเขาก็ควบแน่นพลังมิติก่อนที่จะ ะหายไปภายในพริบตา
จิงหงไม่ได้ไล่ตาม เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองไปที่ทายาทของเบญจา สายตาของเขายังคงจับจ้องไปยังเจี้ยนเฉินซึ่งนอนหมดสติอยู่บนพื้นตลอดเวลา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและไม่อยากเชื อ
เขาเป็นผู้สืบทอดของหมาป่านภาโบราณซึ่งเป็นผู้ใกล้เคียงกับหมาป่านภาโบราณในยุคปัจจุบัน เป็นไปได้ที่จะกล่าวว่าเขาใกล้ชิดกับหมาป่านภาโบราณมากที่สุด ทำให้เขาจำต้นกำเนิดของพลังช ชีวิตจากเจี้ยนเฉินได้ในพริบตา
สิ่งนี้ทำให้เขาตกใจอย่างมาก หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงโดยไม่มีท่าทีจะสงบลง
ในขณะที่เขาเริ่มสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติกับสัมผัสของเขาหรือไม่ เขาไม่สงสัยว่าดวงตาของเขายังคงปกติหรือไม่ เขาสงสัยด้วยซ้ำว่าเขากำลังฝันอยู่
นี่เป็นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของแก่นโลหิตของหมาป่านภาโบราณจากหยางยู่เทียน
นี่คือแก่นโลหิต มันไม่ใช่เลือดปกติ มันล้ำค่าเป็นอย่างมาก ทั้งสองไม่อาจเทียบเคียงกันได้
เขารู้สึกได้ว่าหยางยู่เทียนมีบางอย่างที่สายเลือดของเขาต้องการหลายครั้งแล้ว จินหงคิดว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเบื้องหลังที่ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ เหล่านั้นมากมาย
อย่างไนก็ตามเขาไม่คิดเลยว่าของที่จะทำให้สายเลือดของเขาเลื่อนระดับซึ่งอยู่ที่หยางหยุนเทียนจะเป็นแก่นโลหิตหมาป่านภาโบราณ
ด้วยความตกใจกับแก่นโลหิตทำให้จินหงทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะละเว้นความสนใจที่มีต่อห้าอัจฉริยะที่ตายไปแล้ว